ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 29
ในตอนฟ้าสางยามเช้า
เฮเลน อัลมัส กำลังเดินตรวจตราอยู่บริเวณห้องโถงไฮยาซินธ์
ที่ห้องโถงนี้ได้ชื่อนี้เนื่องมากจากการที่มันมีดอกไฮยาซินธ์ขึ้นที่นี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอกไฮยาซินธ์สีขาวที่มีหมายถึงการอธิษฐานเพื่อใครสักคนที่คุณรัก(ผู้แปล : ภาพดอกไฮยาซินธ์สีขาว)
เฮเลน อัลมัสนั้นไม่มีความสุขเลยและเกลียดสีขาวพวกนี้ เธอเกลียดที่แห่งนี้
เธอแม้กระทั้งขอให้พ่อของเธอเปลี่ยนดอกไฮยาซินธ์พวกนี้เป็นสีเหลืองแต่ดยุคอัลมัสเพียงแค่ยิ้มตอบและปฏิเสธคำขอนั้น
“เออ…ท่านเฮเลนครับ?”
“อะไรหรอ?”
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เป็นปกติ…
ในวันนั้น
คืนนั้น เธอได้ฆ่าน้องสาวของเธอด้วยมือของเธอเอง
เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
หลังเหตุการณ์พวกนั้นแล้ว
มันจะโอเคได้ยังไงหลังจากที่เธอได้ฆ่าน้องสาวของตัวเอง?
เป็นในตอนที่อัศวินคนหนึ่งได้ถามเธอนั้นเอง เธอถึงได้รู้สึกตัว
“ท่านสบายดีไหมครับท่าน”
“ฉันโอเคดี”
“…!”
“เพราะงั้นหยุดถามฉันได้แล้ว”
“ข-ขออภัยด้วยขอรับ!”
เธอโอเคจริงๆ
ในความเป็นจริงแล้วเมื่อไหรก็ตามที่เธอคิดไปว่าเอลล่านั้นรักเธอเช่นไร มันกลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย
เอลล่า อัลมัส
น้องสาวต่างแม่ที่เกิดจากนางสนมหลังจากที่แม่ของเธอตาย…
เดิมทีเธอไม่ชอบน้องเธอเป็นอย่างมากแต่เมื่อไม่นานมานี้เธอกลับรู้สึกผูกพันธ์
เฮเลนค่อนข้างที่จะไม่เข้าใจในตัวเธอเอง
เฮเลนได้กลายมาเป็นพี่รักน้องสาวโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ราวกับว่าโลกกำลังเล่นตลกร้ายกับเธอ
แล้วในตอนที่น้องสาวอันเป็นที่รักของเธอตายเธอไม่ได้รู้สึกปวดใจใดๆแต่ค่อนข้างที่จะรู้สึกโล่งใจแทน
มันเหมือนกับว่ามันควรจะเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
เธอไม่ได้รู้สึกแปลกเลยสักนิด
ว่าทำไมเธอคนที่เคยเกลียดเอลล่าถึงได้เปิดใจรับเอลล่าเข้ามา
ผู้คนรอบตัวเธอไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาแต่พวกเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
เอลล่าคนก่อนเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและไม่เคยทำเรื่องที่ถูกต้องเลย
แล้วอยู่ดีๆพฤติกรรมของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นในแบบที่ทุกคนชอบอย่างนั้นหรอ?
เพราะว่าเธอเป็นตัวเอก มันเป็นหนึ่งในพล็อตเรื่องซ้ำซากและเป็นผลของความสามารถที่เรียกว่า ‘แก้ไขภาพลักษณ์’ และ ‘การไถ่ถอนคืน’ แต่คนอื่นๆในคฤหาสน์ไม่มีทางได้รู้ความจริงข้อนี้
‘แต่ว่า…ชายคนนั้นเป็นใครกัน?’
เฮเลนได้ทำการสืบสวนชายที่ชื่อว่ายูซอดัม
คนที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ในคฤหาสน์นี้เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ
และเขาได้กลายมาเป็นอาจารย์สอนวิชาดาบของเอลล่า
ตระกูลอัลมัส
ถ้าหากคุณเป็นอาจารย์ที่จะมาสอนให้กับเด็กๆจากตระกูลอันทรงเกียรติเช่นนี้แล้วมันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณควรที่จะใช้ ‘เพลงดาบของตระกูลอัลมัส’ สอนพวกเขา
นั้นสิถึงจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่มีใครสักคนที่รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ถูกต้องเลยสักนิดในตอนที่คนแปลกหน้าคนหนึ่งได้กลายมาเป็นอาจารย์สอนวิชาดาบของตระกูล
“ฉันจะไปบางที่สักแบบหนึ่งนะ”
“มีอะไรรึป่าวครับท่าน?”
“มี”
เฮเลนที่มีใบหน้าที่แข็งค้างพยักหน้าตอบ
“ฉันจะไปที่โบสถ์นะ”
……………………………………………………..
ซอดัมนั้นนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโบสถ์กำลังอาบแสงอาทิตย์ด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 70]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น 4+1]
[ 700 วันของอายุขัยได้ถูกเพิ่มเข้ามา]
[อายุขัยคงเหลือ : 2728 วัน 9 ชั่วโมง 19 นาที]
ฉันเคยฆ่าตัวเอกเลเวล 70 มาก่อนแต่เลเวลของฉันไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าครั้งนี้
ยิ่งเลเวลของฉันสูงมากขึ้นเพียงใดมันยิ่งยากขึ้นในการที่จะยกระดับมัน
แต่อย่างไรก็ตามจากผลลัพธ์ของการที่สำเร็จภารกิจที่ได้รับคำแนะนำของคุณลูกค้า เลเวลของฉันได้เพิ่มขึ้น 5
และฉันก็ได้ดูดกลืนสกิลที่มีประโยชน์มา
[สกิลของเอลล่า ห้องสมุดของแม่มดขาว (F) ได้รับการดูดกลืน]
สกิลแรงค์ F
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสกิลที่มีประโยชน์กับฉันเป็นอย่างมาก
ฉันสามารถที่จะเข้าไปในห้องสมุดของแม่มดขาวที่เธอได้เก็บหนังสือเวทย์ไว้ได้
ตู้หนังสือจะปรากฏขึ้นหลังจากที่ฉันเปิดใช้งานสกิลนี้และฉันสามารถที่หยิบหนังสือเวทย์ของเธอออกมาได้
เวทมนตร์ที่ถูกใช้โดยแม่มดขาวนั้นมีระดับเกือบที่จะเท่ากับเวทมนตร์ที่จักรวรรดิวิเวียนด้าเลยและแม้กระทั้งโดดเด่นกว่าในบางแง่มุม
มันไม่สงสัยเลยที่มันเป็นแบบนั้นเพราะว่าเวทมนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยสายพันธ์เวทมนตร์นั้นย่อมยอดเยี่ยมกว่าเวทมนตร์ที่มนุษย์สร้างอยู่แล้ว
ชื่อ : ยูซอดัม (LV.37)
ความแข็งแกร่ง: 34 ความอึด: 31
ความว่องไว: 32 พลังงาน: 1
มานา: 37
พรสวรรค์
ความชำนาญดาบ (A+) การลดทอน (A)
สัญชาตญาณ (A) นักแม่นปืน (C)
การล่า (D) การทำอาหาร (D-)
ทักษะ
นักล่าตัวเอก LV.1 การหมุนเวียนมานาของอาราเซลลี (SS)
เพลงดาบสีขาว (S) ก้าวสายลม (D)
สัมผัสที่หก (F) ห้องสมุดของแม่มดขาว (F)
เลเวลของฉันในตอนนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมันก็สามารถพูดได้เลยว่าฉันอยู่ในระดับของแรงค์ D แล้วในตอนนี้
เนื่องจากฉันไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง ค่าสถานะของฉันจึงยังต่ำกว่าระดับของเลเวลจริงที่เป็นขีดจำกัดแต่โชคยังดีที่มานานั้นได้ไปถึงขีดจำกัดต้องขอบคุณ การหมุนเวียนมานาของอาราเซลลีเลยหละ
เพียงแค่ได้มองไปที่ค่าสถานะของฉัน ทุกคนคงคิดว่าฉันเป็นนักเวทย์ไม่ใช่นักสู้แน่นอน
ฉันยืดแขนออกไปและจับไปที่หนังสือโปร่งแสง
ฉันได้เปิดไปหน้าแรกฉันและปิดมันไปในทันที
‘บ้าเอ้ย นี้มันโคตรน่าปวดหัวเลย’
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่หนังสือเวทมนตร์พื้นฐานก็ตาม ฉันคิดว่ามันกำลังจะทำให้หัวของฉันกำลังจะระเบิดเลย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ฉันสามารถที่จะศึกษาเวทมนตร์ได้อย่างสะดวกสบายไม่เหมือนในตอนที่ฉันอยู่ที่วิเวียนด้าแล้ว
มันเป็นสกิลที่ดี
<คุณต้องการที่จะกลับโลกเลยไหมค่ะ?>
‘ฉันควร…’
ฉันได้ทำทุกอย่างที่ฉันต้องการเสร็จหมดแล้ว เพราะงั้นฉันไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี้ต่อไป
และในตอนที่ฉันกำลังจะลุกขึ้นก็มีใครบ้างคนได้เตะประตูโบสถ์ให้เปิดออกแล้วเดินเข้ามา
แม้ว่าฉันจะไม่ได้เชื่อในพระเจ้านี้ฉันก็ยังคิดว่าเขาเป็นคนพาเธอมา
“เฮเรน?”
“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณจะเรียกฉันได้อย่างสบายๆเลยหนะ”
“ทำไมหละ ก็…ฉันพูดยังไงก็ได้นิ”
“ไม่ คุณไม่สามารถ”
เฮเลนพูดด้วยความขี้เล่น
ซอดัมเอียงหัวของเขาและถามขึ้น
“นี่เธอมาเพื่อเจอฉันงั้นหรอ?”
“ใช่…ตัวตนของคุณนั้นค่อนข้างที่จะเป็นปัญหา”
“ฉันคงจะไม่บอกเธอหรอกนะ”
“ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะตอบฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
เธอกรีดนิ้วไปที่บางสิ่งที่อยู่ที่เอวของเธอ
ดาบที่ได้รับมาจากพ่อของเธอ
ถ้าฉันดึงมันออกจากฝักและชี้ไปยังคอของชายคนนี้แล้วเธอจะได้คำตอบที่เธอหวังไว้หรือป่าวนะ?
ไม่สิ ทำไมเธอถึงได้มาที่นี้ยังแต่แรกหละ?
แล้วอะไรคือคำตอบที่เธอต้องการจากเขา?
เขาไม่ได้เป็นแค่นักดาบธรรมดาทั่วไปหรอกหรอ?
“ฉันไม่รู้เลย”
“นี้คือทั้งหมดที่เธอต้องการจะพูดหลังจากที่เธอมาที่นี่งั้นหรอ? เธอไม่รู้จริงๆหรอ?”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร หรือว่าคุณเป็นสิ่งใดกันแน่”
ซอดัมที่กำลังจะตอบกลับไปว่า ‘อาจารย์สอนวิชาดาบ’ อยู่ๆก็เปลี่ยนใจขึ้นมา
“ฉันเป็นฮันเตอร์”
“…ฮันเตอร์”
“คนที่ล่าสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเจ้าหญิงเอลล่า”
“นักล่าแม่มดงั้นหรอ?”
“มันไม่จำเป็นต้องเป็นแค่แม่มดเสมอไป”
ฉันไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น
คุณลูกค้าได้ขอให้ฉันไม่เปิดเผยเป้าหมายของฉันในการล่าเหล่าตัวเอก
เฮเลน วกวนไปมาด้วยความคิดที่สับสนวุ่นวายแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว…คุณก็ต้องรู้อยู่แล้วสินะว่าเอลล่าเป็นใคร”
“ใช่แล้ว”
“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคุณอย่างนั้นหรอ? ไม่มีใครสักคนไม่แม้แต่พ่อของฉัน แม้แต่ดยุคแห่งอัลมัสก็ไม่รู้เรื่องนี้แล้วคุณรู้ได้อย่างไร?”
เธอทำได้คือการจ้องมาที่ฉันเท่านั้นเนื่องจากฉันไม่ได้ตอบเธอ
“…ถ้าฉันดึงดาบออกมาและพาดไปที่คอของคุณ คุณจะพูดไหม?”
“นั้นเป็นคำขู่ที่ค่อนข้างรุนแรงนะ เธอไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”
เฮเลนมองไปที่เขาแล้วพยักหน้าให้อย่างสงบ
“ฉันก็ว่างั้น”
นั้นคือทั้งหมดแล้ว
เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังกวนใจเธออยู่
“มันถูกต้องสำหรับฉันแล้วหรอ…ฉันหมายถึงสำหรับเรา…ที่ฆ่าเอลล่า?”
เธอยังคงหวังอยู่
เธอมาที่นี่พร้อมกับคำถามนี้ที่ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวเธอ
ฉันก็ได้คิดเกี่ยวกับมันมามากแล้วและคำตอบของมันก็คือใช่อยู่แล้ว
เอลล่าเป็นตัวตนที่อันตรายที่ในท้ายที่สุดก็จะทำให้รากฐานของโลกใบนี้สั่นสะเทือนก่อนที่มันจะสามารถถูกค้นพบในตอนที่สายไปแล้ว
เพราะงั้นแล้วฉันเลยตอบกลับไปว่า
“ฉันคงไม่ต้องตอบคำถามที่เธอก็รู้คำตอบดีแล้วหรอกนะ”
เมื่อเธอได้ยินคำตอบนั้น
“…หา?”
ชายคนนี้ก็ได้หายไปแล้ว
ราวกับถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ เฮเลนจ้องมองอย่างเหม่อลอยไปตรงจุดที่ซอดัมเคยนั่งอยู่
เฮเลนที่อยู่ในระดับของผู้ชำนาญดาบที่เป็นระดับที่ด้อยกว่าแค่ปรมาจารย์ดาบเท่านั้นไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสได้เลยว่าเขาหายไปเมื่อไหร
‘ชายคนนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่?’
เฮเลนที่ยังคงจ้องมองไปที่จุดที่ซอดัมเคยนั่งอยู่ได้ยิ้มออกมาในที่สุด
“มันเป็นอย่างงั้นเองสินะ”
มันก็เหมือนกับที่เขาพูด
เธอรู้อยู่แล้ว
เธอแค่ต้องการจะถามใครสักคนเท่านั้นเอง
เฮเลนได้หันหลังกลับไปและเตะไปที่ประตูโบสถ์
ด้วยเหตุผลบางอย่างหัวใจของเธอรู้สึกปลอดโปร่งเหมือนกับว่าก้อนหินน้ำหนักมหาศาลได้ถูกยกออกไป
……………………………………………………..
[ระบบเวลาได้กลับมาเป็นปกติ]
ฉันได้ใช้เวลาไปเกือบสี่อาทิตย์ในต่างโลกแต่มันถึงผ่านไปเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์บนโลกเอง
หลังจากที่ฉันกลับมา ฉันตรวจดูว่าเทเลอร์ได้ส่งข้อความมาในตอนที่ฉันไม่อยู่ที่นี้ไหม
มันมีข้อความหลายข้อความในโทรศัพท์ของฉัน
[เทเลอร์ไนน์ : *รูปภาพ*]
[เทเลอร์ไนน์ : ฮ่าฮ่า ดูนี่สิมันช่างตลกจริงๆเลย ฮ่าฮ่า]
[เทเลอร์ไนน์ : *รูปภาพ*]
[เทเลอร์ไนน์ : *รูปภาพ*]
[เทเลอร์ไนน์ : เฮ้ ฉันออกทีวีด้วยหละ]
[เทเลอร์ไนน์ : *รูปภาพ*]
ส่วนมากของข้อความพวกนั้นเป็นการพูดเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับลอสเดย์
เทเลอร์ไนน์นั้นยังคงทำทุกอย่างไปทั่วทำทุกวิถีทางเพื่อให้กระแสของสาธารณชนกับลอสเดย์ไม่เงียบลง
ในอดีตเธอไม่เคยมีโอกาสที่จะทำมันเพราะว่าฉันเป็นสมาชิกของลอสเดย์ในตอนนั้น
เมื่อฉันได้ดูไปที่รูปมันเป็นรูปของเทเลอร์แบบเต็มตัวที่ถูกลงบนเว็บไซต์ของนิตยาสารที่เรียกว่า ‘แฟชั่นทูเดย์’
เธอได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในวงการแฟชั่นเนื่องมาจากใบหน้าที่สวยงามของเธอแต่เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในรูปนั้นดูมากชิ้นกว่าปกติเสียอีก
ถ้าจะมีปัญหามันคงเป็นเรื่องที่ว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตามเธอมักจะใส่เสื้อผ้าฤดูร้อนเสมอ
ต้องของคุณพวกคนเด่นคนดังทั้งหลายที่นำเทรนแฟชั่นต่างๆแฟชั่นเกาหลีเลยกลายเป็นเรื่องที่แปลกแหวกแนว และผลลัพธ์ของมันคือแฟชั่นบ้าบอคอแตกที่ไม่สนใจสภาพอากาศที่หนาวเย็นใดๆทั้งสิ้น
[เทเลอร์ไนน์ : อ่าใช่แล้ว รายได้จากคริสตัลอีเทอร์ที่ได้มาจากดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวครั้งนั้นได้รับแล้วนะ]
‘โอ้ว?’
คริสตัลอีเทอร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่พวกเราได้รับมาจากดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวยังไม่ได้รับการชำระในตอนก่อนที่ฉันจะไป
มันควรที่จะใช้เวลาค่อนข้างนานเพื่อจัดการทุกอย่างเพราะว่ามันมีแค่เราสองคนที่รับทรัพย์ทั้งหมดแต่มันก็เรียบร้อยอย่างรวดเร็วในเวลาแค่สัปดาห์เดียว
ฉันเช็คข้อความของเทเลอร์ทีละอันแล้วส่งกลับไปหาเธอ
[ซอดัม : ฉันกลับมาแล้ว]
การตอบกลับจากเทเลอร์นั้นเด้งกลับมาแทบจะในทันที
[เทเลอร์ไนน์ : เฮ้ นายไปทำห่าอะไรมาหะ?]
เมื่ออ่านมัน ฉันตัดสินที่จะไม่ตอบกลับไป
มันเป็นเพราะว่าฉันขี้เกียจเกินกว่าที่จะตอบกลับ
ต่อไปฉันเช็คข้อความของเซเลสเต้
มันเป็นสายเรียกเข้าของสัปดาห์ก่อน
เป็นแบบนั้นทั้งหมดจนกระทั้ง
[เซเลสเต้ : ฉันกลับมาถึงเกาหลีแล้วนะคะ]
กลายเป็นว่าฉันกลับมาได้เวลาพอดีเปะเลย
‘ฉันสามารถที่จะเป็นอาจารย์สอนดาบได้จริงๆ…?’
ฉันได้เฝ้ามองเพลงดาบระดับ SS มาเป็นเวลาเกือบเดือน
เพลงดาบที่สืบทอดมาจากตระกูลที่ทรงเกียรติและเป็นเพลงดาบที่เหนือเกินกว่า เพลงดาบสีขาว (S)
ในท้ายที่สุดฉันได้เรียนรู้มาค่อนข้างมากจากการมองดูเอลล่ากับเฮเลนฝึกซ้อมและมีแม้กระทั้งการรู้แจ้งหลายต่อหลายครั้ง
แล้วเรื่องสกิลใหม่ของฉันนะหรอ?
แน่นอนว่าฉันต้องการที่จะเรียนรู้เวทมนตร์ในตอนนี้เลยและมันก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมากเลยแต่มันมีงานที่กองพะเนินเป็นภูเขาที่ต้องสะสาง
ฉันต้องนัดเจอกับเทเลอร์เพราะเธอสามารถที่จะให้ข้อมูลกับฉันในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับลอสเดย์ในช่วงที่ผ่านมาได้และแน่นอนว่าเกี่ยวกับเรื่องรายได้จากอีเทอร์คริสตัลครั้งนั้นด้วย
แต่ในตอนนี้ ฉันต้องการที่จะถือดาบมากกว่าอะไรซะอีก
ฉันไม่รู้ว่าอะไรคือขอบเขตเหนือขึ้นไปหรืออะไรที่ฉันกำลังมองหาแต่ฉันคิดว่า…ถ้าฉันสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกสักก้าวหละก็ โลกใบใหม่ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนคงจะถูกเปิดเผยต่อหน้าฉันแน่
จริงๆแล้วมันเป็นไม่ใช่เดือนที่ง่ายดายเลย
ฉันได้ระงับความอยากควงดาบของตนเองที่นี้ลงเพราะในตอนนี้มันถึงเวลาที่จะปลดปล่อยทุกๆสิ่งและตรวจสอบความก้าวหน้าของตนเอง
[ยูซอดัม : เจอกันที่ยิมนะ]
[เซเลสเต้ : ค่ะ!!]