ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 30
วัฒนธรรมของแท็กซี่ในประเทศเกาหลีนั้นได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากทำให้มันเลยกลายเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับการที่จะมีจุดจอดรถแท็กซี่
เทเลอร์ไนน์เป็นคนที่ชอบประเทศเกาหลีมาก
เธอชอบที่จะนั่งแท็กซี่ไปรอบๆเมือง
ทิวทัศด้านนอกได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นทั้งถนนหรือตึกรามบ้านช่องในขณะที่เธอกำลังกดมือถืออยู่
[เทเลอร์ไนน์ : เจ้าคนเหลวแหลกบ้านี้]
[เทเลอร์ไนน์ : นายล็อคตัวเองไว้ในยิมทันทีหลังจากที่กลับมาจากที่ไหนก็ไม่รู้เลยงั้นหรือหะ?]
[ยูซอดัม : ใช่เลย]
[เทเลอร์ไนน์ : เฮ้!]
[เทเลอร์ไนน์ : นี่นายกำลังเมินฉันใช่ไหมหา?!]
[เทเลอร์ไนน์ : ไอ้บ้าเอ้ย!]
ขอความในโทรศัพท์ของเธอนั้นกำลังแสดงเครื่องหมาย ‘!’ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ได้อ่านข้อความล่าสุดของเธอ
เธอแน่ใจเลยว่าเขาต้องปิดมือถือทันทีที่เขาพูดในสิ่งที่ต้องการหมดแล้ว
เธอรู้นิสัยของเขาดีเพราะรู้จักกันมาหลายปีแล้วดังนั้นเธอเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
เธอค่อนข้างที่จะยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่า
บางทีมันอาจเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายเลยจนกระทั่งถึงเมื่อไม่นานมานี้
แต่มันก็พอแล้วที่จะติดต่อกันแบบนี้แค่ทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายยังโอเคดีอยู่ก็พอ
“เฮ้…ฉันลงที่นี้เลยได้ไหม? ฉันเป็นคนต่างชาตินะ”
“ได้เลยครับ คุณลูกค้าสามารถจ่ายเป็นเครดิตการ์ดได้ไหมครับ?”
รูปลักษณ์ของเธอนั้นดูเหมือนกับชาวรัสเซียดังนั้นพูดคนมักจะพูดจากติดๆขัดๆกับเธอเมื่อพวกเขาได้เจอเธอแต่ในตอนนี้พวกเขาค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับมันแล้ว
โดยสวมใส่แว่นกันแดดที่ซ้อนใบหน้าของเธอไว้ เทเลอร์ไนน์ก้าวลงจากแท็กซี่
ด้วยเหตุการณ์ล่าสุดที่พึ่งจะผ่านพ้นไป ทำให้เธอในตอนนี้ได้กลายมาเป็นคนดังในเกาหลีเรียบร้อยแล้ว
ทุกครั้งที่เธอพูดในสื่อเกี่ยวกับกิลด์ขนาดใหญ่เช่นลอสเดย์ ผู้คนก็ต่างพากันเชียร์เอาใจช่วยเธอต้องขอบคุณเรื่องนั้นทำให้เธอได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมในโปรแกรมทีวีและวิทยุหลากหลายเจ้า
และเธอก็น่าทึ่งเป็นอย่างมาก
‘ด้วยเจ้าแว่นนี่ มันควรจะซ่อนตัวตนของฉันได้นะ’
เทเลอร์ไนน์ไม่เต็มใจที่จะทำให้หน้าตาของเธอเป็นที่รู้จักไปทั่ว
เธอไม่ได้ต้องการที่หลบซ่อนตัวจากผู้คนไปทั่วแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้เหตุการณ์ที่ลอสเดย์ได้ก่อไว้ถูกกลบฝั่งไปแบบเงียบๆ
เธอไม่รู้ว่าซอดัมจะรู้เรื่องนี้หรือป่าว
“คุณเทเลอร์ไนน์ครับ ขอเวลาคุยด้วยซักนาทีได้ไหมครับ มีบางอย่างที่พวกเราต้องการจะพูดคุยกับคุณนะ”
“หา?”
เทเลอร์ที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ในตอนที่กำลังตรงไปที่สถานีถ่ายทอดสด ได้ยิ้มออกมาบางๆเมื่อเธอได้เห็นชายสองคนในชุดสูทสีดำที่กำลังขวางทางของเธออยู่
“พวกแกดูสุภาพเล็กน้อยนะในครั้งนี้ แกว่างั้นไหม?”
มีเครื่องหมายของลอสเดย์อยู่บนชุดสูทของพวกเขา
ไม่นานหลังจากที่เทเลอร์ออกมาออกสื่อและเริ่มต้นก่อกวนลอสเดย์ พวกเขาก็ได้มาเยี่ยมเยือนเธอบ่อยครั้ง ส่วนมากเป็นคำข่มขู่ ดังเธอเลยโกรธและบอกให้พวกเขาไซหัวไปซะ
มีครั้งหนึ่งที่ฮันเตอร์แรงค์ S 4 คนมาหาเธอแต่ว่าเรื่องแบบนี้ได้รับการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้วเธอแค่เดินเข้าไปปะปนกับผู้คนในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้นเอง คนพวกนี้ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นเหมือนกับ ‘การส่งฮันเตอร์มาข่มขู่ผู้คน’
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
แทนที่จะเป็นฮันเตอร์ มันกับดูเหมือนว่าเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา
หนึ่งในพนักงานออฟฟิศนั้นยืนนามบัตรที่มีชื่อว่า ‘เจมส์ คลินตัน’ มาให้เธอและด้านข้างของเธอยังมีตำแหน่ง ‘CEO’ เจมส์เป็นชายวัยกลางคนที่มีผมสีบลอนด์สลวย ได้พยักหน้าให้กับเทเลอร์แล้วพูดขึ้นว่า
‘ผมว่าทีนี่เพื่อทำข้อตกลงครับ’
“ข้อตกลงงั้นหรอ ว่าต่อสิ”
“ผมได้เรียนรู้มาบ้างเกี่ยวกับคุณ เทเลอร์ไนน์คุณเคยมีการติดต่อกับทางลอสเดย์เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในอดีต แล้วปัญหาในเรื่องที่เกี่ยวของกับการกระทำของคุณในตอนนี้ก็คือยูซอดัม และความเป็นศัตรูของเขากับพวกเรา นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงได้ทำแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
“อ่าหะ พวกแกรู้จักฉันดีเลยนิ”
ลอสเดย์ได้เตะโด่งยูซอดัมออกมาจากกิลด์
และยูซอดัมก็ค่อยๆรอเวลา และสาบานว่าจะล้างแค้นในกับตนเอง
มันเป็นวิธีการที่ฮันเตอร์แรงค์ F คนนี้จะเข้ามาเกมส์ขนาดใหญ่นี้
แต่อย่างไรก็ตามเทเลอร์ไนน์มีความสามารถและไม่ต้องการที่จะคอรอยนานนัก
เธอแค่ทำตามสิ่งที่เธอเชื่อ
“แล้ว”
เทเลอร์ยิ้มกลับในขณะที่พูด
“ในเมื่อพวกแกร้องขอข้อตกลง แกรู้ไม่ว่าหรือว่าการที่ไม่เลี้ยงอาหารอีกฝ่ายก่อนมันเป็นเรื่องที่หยาบคาย?”
……………………………………………………..
เทเลอร์ไนน์พาพวกเขามุ่งหน้าไปที่หอศิลป์ของเมืองซึ่งมีร้านอาหารระดับห้าดาวตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังเคียงบกกุงในเขตจงโน
หลังจากใช้เวลาขับรถมาถึงที่นี่เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเขาได้มาถึงที่ร้านอาหารนี้แล้วเทเลอร์ได้พูดกับเด็กเสิร์ฟว่า
“จากอันนี้ถึงอันนี้ ขอทุกอย่างเลยนะ”
“…อ้า ได้เลยครับคุณผู้หญิง”
ด้วยความที่เป็นร้านอาหารระหับห้าดาว ราคานั้นแพงหูชี่แน่นอน
การทำแบบนี้คงไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของลอสเดย์ล่วงหรอกแต่เทเลอร์ยังคงต้องการที่จะถอนขนพวกนั้นมาจากลอสเดย์อีกสักวอนก็ยังดี
เจมส์ที่คิดว่ามันจะเป็นการจิบกาแฟหรืออาหารธรรมดาสักมือนั้นไม่ทันตั้งตัวเลยแต่ก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฉันต้องใช้ความคิดนะ”
เทเลอร์ยิ้มออกมาอย่างสบายๆแล้วพูดต่อว่า
“ไม่จำเป็นที่พวกแกต้องตามฉันมาแล้วนะ ยังไงซะฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวคนเดียวเอง”
“…”
เจมส์ฟังเงียบๆโดยไม่พูดอะไรกลับไป
“ความจริงแล้ว ฉันก็ว่าจะหยุดแล้วหละ”
ใช่แล้วหลังจากที่มันไปถึงจุดๆหนึ่งแล้วก็เป็นธรรมดาที่เรื่องอื้อฉาวพวกนี้จะจางหายไปเอง
ไม่สำคัญว่าเธอจะมีชื่อเสียงมากเท่าใด ถ้าเธอยังทำแบบนี้ต่อไป มันมีความเป็นไปได้ที่ความคิดเห็นของสาธารณชนจะหันกลับมาต่อต้านเธอแทน
“นี่คุณทำแบบนี้ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะหรอ?”
“ใช่แล้ว อันที่จริงถ้าพวกแกพยายามที่จะปกปิดสื่อหละก็พวกแกคงทำไปแล้ว”
มันมีหลายกรณีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกที่เป็นบริษัทย่อยของลอสเดย์ในตอนนี้
ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้บริษัทเภสัชกรรมคิเนติกนั้นได้ดำเนินการอยู่ที่อเมริกาใต้
ในตอนนั้นบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกนั้นมีชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ในเรื่องการทดลองเกี่ยวกับมนุษย์
แน่นอนว่ามีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้เพราะว่ามันเป็นเพียงบริษัทเภสัชกรรมทั่วไปบังหน้าไว้อยู่
เป้าหมายหลักของบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกคือการเข้าหาฮันเตอร์แรงค์ F ที่คนเป็นคนธรรมดาทั่วไปและล่อลวงพวกคนพวกนั้นด้วยคำพูดที่ว่าพวกเขาจะได้รับพลังพิเศษมา
มีหลายคนที่ตกลงไปในคำลวงเช่นนั้นแล้วเกิดการกลายพันธ์หรือไม่ก็ถูกฆ่า
ในท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของสหภาพสำหรับฮันเตอร์สามัญชนที่ได้ถูกสร้างขึ้นและบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกก็ได้ถูกทำลายลงไปอย่างสมบูรณ์
ปัญหาของเรื่องมาจากยูซอดัมคนที่เคยเป็นสมาชิกของลอสเดย์
เมื่อได้ยินมาจากยูซอดัมเกี่ยวเรื่องของบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกในครั้งนั้น ลอสเดย์ก็ได้จัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆ โดยหวังว่าจะค่อยๆซึมซับบริษัทนี้เขาสู่กิลด์ของตนเองด้วยการทำธุรกรรมร่วมกัน
เทเลอร์ไนน์รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดีและกำลังวางแผนที่จะจัดการกับบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกด้วยมือของเธอเอง
แต่มันก็ไม่ได้รับความสนใจมากนักจากพวกสื่อในตอนนั้น
“ทำไมพวกแกถึงได้ต้องการที่จะทำให้เรื่องมันเงียบมากนักนะ? ฉันยังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เลย”
ความจริงแล้วเหตุผลนั้นชัดเจนมาก
ลอสเดย์ไม่ต้องการที่จะทำให้อุบัติเหตุครั้งนี้กลายเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่านี้
ดังนั้นพวกเขาเลยเลือกที่จะใช้วิธีการข่มขู่เธอแต่ตั้งแต่ที่มันไม่ได้ผล พวกเขาเลยเปลี่ยนมาเป็นการทำข้อตกลงแทนในตอนนี้
“…การกลายพันธ์ที่เกิดจากมานาที่เป็นพิษ ในทันทีที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันนึกไปถึงบริษัทเภสัชกรรมคิเนติก พวกแกคงกลัวมากเรื่องของบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกจะถูกเปิดเผยออกสื่อใช่ไหมหละ?”
อียอนจุนที่ได้กลายพันธ์เนื่องจากมานาที่เป็นพิษ (ผู้แปล : ไอ้ตัวเอกที่ไลฟ์สดนะครับ)
ดังนั้นแล้วใครหละที่ทำยาให้กับเขา?
มันเป็นบริษัทเภสัชกรรมคิเนติก บริษัทย่อยของลอสเดย์นั้นเอง
“…ใช่ครับ ถูกแล้ว”
“ฉันกำลังสงสัยนะว่าทำไมพวกแกถึงได้ไล่ยูซอดัมออกจากกิลด์แล้วก็มีสองเหตุผลที่เข้ามาในใจของฉัน”
เพราะว่ายูซอดัมเป็นคนธรรมดานะหรอ?
ไม่หรอก
นั้นเป็นแค่เรื่องที่คนทั่วไปคิดกันแต่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่การควบคุมความเสียหายที่ลอสเดย์ได้ทำไป
ยูซอดัมมีความสามารถมากเพียงพอที่แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพลังพิเศษใดๆความรู้ของเขาก็ยังสร้างประโยชน์ให้กับกิลด์อยู่ดี
ปัญหาจริงๆก็คือบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกนั้นคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับยูซอดัมนะสิ
“เฮลเกต จากทั้งหมด 47 คนที่รอดชีวิตมาได้ ไลทอนหัวหน้าทีมสำรวจครั้งนั้นได้นำบางสิ่งกลับมาพร้อมกับเขา”
เมื่อห้าปีก่อน ฮันเตอร์ระดับสูงได้รับการสมัครจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกร่วมทั้งสมาชิกจากลอสเดย์ก็ถูกส่งไปยังทีมสำรวจนี้เช่นกัน
มีจำนวนทั้งสิ้น 500 คน
ซึ่งในการสำรวจเฮลเกตที่ซึ่งหลักสามัญสำนึกปกติไม่สามารถนำมาใช้ได้ 200 คนถูกทิ้งไว้ระหว่างการสำรวจ
ท่ามกลางคนใน 200 คนนั้นมี 100 คนกลับออกมาในวันที่สามหลังจากที่ได้เข้าไปในเฮลเกตและมีอีก100คนที่กลับมาในเวลาไม่เกินหนึ่งปี
ส่วนมากของคนที่กลับมามีปัญหาทางจิตและเมื่อมองไปที่พวกเขาเหล่านี้ผู้คนก็เริ่มคิดว่า 300 คนที่ยังไม่กลับมายังคงนับได้ว่ายังมีชีวิตอยู่อีกหรอ
แต่แล้วอยู่ๆก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
สามปีหลังจากการสำรวจเฮลเกตครั้งนั้น
ฮันเตอร์ 47 ได้กลับออกมาจากเฮลเกต
มีไม่กี่คนที่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะว่ามันไม่ได้รับการประกาศสู่สาธารณชน
แม้ว่าจะเป็นในระดับระหว่างประเทศแล้วข้อมูลของผู้รอดชีวิตก็ถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามลอสเดย์ไม่มีทางที่จะไม่รู้เรื่องนี้เพราะว่าไลทอนที่ได้ตายไปนั้นเป็นสมาชิกของลอสเดย์
สิ่งที่ได้รับกลับมาจากการสำรวจครั้งนี้เป็นวัสดุบางอย่างจากด้านในของเฮลเกตแต่ไลทอนได้ตายไปด้วยโรคหัวใจก่อนที่พวกเขาจะเคลมว่าเป็นของตน
ดังนั้นใครจะเป็นคนที่มีสิทธิครอบครองวัสดุที่ถูกนำกลับมานี้หละ?
“และยูซอดัม มือขวาของไลทอนควรจะเป็นคนที่ได้รับมัน”
แต่ถึงอย่างไรก็ตามยูซอดัมไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
ฮันเตอร์ที่เป็นแค่คนธรรมดามันก็มากเกินไปแล้วที่สามารถออกมาจากเฮลเกตและยังมีสติที่ดีอยู่
ถึงแม้ว่าเทเลอร์ไนน์จะไม่ได้เข้าไปในเฮลเกตก็ตาม เธอก็สามารถคาดเดาความจริงได้เพราะว่าเธอนั้นต้องระมัดระวังเรื่องการเมืองรอบตัวเธออยู่แล้ว แต่เธอไม่ได้คิดที่จะบอกซอดัมในเรื่องนี้
ในตอนนั้น ยูซอดัมอยู่ในสภาพที่ไม่มั่นคงทั้งในเรื่องของร่างกายและจิตใจ
แต่ในตอนนี้ที่ยูซอดัมได้ถูกเตะออกจากกิลด์แล้ว
เธอคงจะไม่สามารถทำเป็นนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“พวกแกนะกำลังซุกวัสดุนั้นไว้โดยที่ไม่ได้บอกซอดัมใช่ไหมหละ?”
มากไปกว่านั้นมันเป็นไม่ได้ที่จะดูดกลืนบริษัทเภสัชกรรมิเนติกภายใต้การจ้องมองจากสายตาของยูซอดัม
ดังนั้นมันเลยไม่มีเหตุผลเลยที่พวกเขาจะไม่ไล่ยูซอดัมออก
“…ขอบคุณสำหรับเรื่องราวเล็กๆนี้ ถ้างั้นแล้วพวกแกต้องการอะไรหละ? ต้องการให้ยูซอดัมกลับเข้ากิลด์งั้นหรอ? คงไม่หละ? แกคิดว่าซอดัมจะกลับไปหาพวกแกหรือไงไอ้พวกเศษสวะ?”
เธอแบมือของเธอออกไปหาเจมส์
“ส่งมันมาซะ ส่วนที่เป็นขอซอดัม เอามันมาให้ฉันและฉันจะเงียบปากลง”
เจมส์ถึงกลับถอนหายใจออกมา
มันเป็นเรื่องยากแล้วที่จะให้มันจบลงแบบเงียบๆในตอนนี้เนื่องจากเธอรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับซอดัมเลย
เดิมทีเทเลอร์ไนน์ต้องการที่จะให้ลอสเดย์คลานออกมาโดยการใช้สื่อมวลชนเข้ากดดันแต่ในเมื่อพวกเขายืนข้อเสนอให้กับเธอแล้วเธอรู้เลยว่าเธอไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว
แต่เธอรู้ว่าแม้จะทำแบบนั้นต่อไปไม่ว่าจะทั้งเธอหรือซอดัมก็คงไม่ได้อะไรกลับมาอยู่ดี
ในท้ายที่สุด เจมส์ได้พูดขึ้น
“แค่เพียงเพราะว่าพวกคุณมีมันแล้ว คุณคิดว่าคุณจะทำอะไรกับมันได้? พวกเราได้ทำการตรวจสอบวัสดุจากเฮลเกตโดยการใช้บริษัทเภสัชกรรมคิเนติกเทคและโนโลยีอีเทอร์ล้ำยุค แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดที่พวกเราสามารถจะคาดเดาได้นั้นมีแค่…1% เองเกี่ยวกับมัน แล้วกับพวกคุณหละ? คุณควรที่จะแลกพวกมันกับเงินมากกว่านะ นี่เป็นคำแนะนำที่จริงใจการผมเอง”
“หุบปาก”
เทเลอร์ไนน์มองไปที่เจมส์อย่างสงบและพูดต่อ
“แค่ส่งมาให้ฉันในสิ่งที่แกติดค้างเขาอยู่”
เจมส์ขมวดคิ้วขึ้น
แม้ว่าจะเป็นเจมส์ก็ไม่สามารถที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้ได้โดยง่าย
พวกเขาได้พยายามเป็นอย่างมากที่จะปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับ ‘วัสดุจากเฮลเกต’
แต่อย่างไรก็ตามตัวตนของเทเลอร์ในสื่อก็ไม่ใช่อะไรที่สามารถละเลยได้เช่นกัน
ถ้าเธอต้องการจริงๆเธอสามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุจากเฮลเกตออกสู่สาธารณะได้
บางทีการที่จะสูญเสียเช่นนั้นมันอาจจะดีกว่าที่จะเลือกการประณีประนอมก็ได้
นี่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอีก
‘บ้าเอ้ย ถ้ามันเป็นแค่เรื่องของการกลายพันธ์และดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวไม่ได้เกิดขึ้นแล้วหละก็…’
มันกลายเป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุดในทันที
และมันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับฮันเตอร์เช่นเทเลอร์ไนน์ที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้
ในทางตรงกันข้ามกับใบหน้าที่สงบนิ่งของเทเลอร์ไนน์เจมส์ที่มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีได้พูดขึ้น
“…พวกเราจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับทางสำนักงานใหญ่ครับ”
ในทันทีที่เทเลอรืได้ยินคำตอบของเขาเธอลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ
เธอแค่ต้องการส่วนแบ่งที่ซอดัมยังไม่ได้รับกลับมา
“งั้นไม่เจอกันครั้งหน้านะ เพื่อนยาก”
อาหารเพิ่งจะเริ่มได้รับการเสิร์ฟออกมาแต่เธอไม่ได้แตะต้องไปที่มันสักคำ
“โอ้ว นายคนต้องเพลิดเพลินกับอาหารพวกนี้ด้วยตัวเองแล้วนะเพราะฉันอิ่มตั้งแต่มื้อเที่ยงแล้ว”
“…”
เจมส์ คลินตันและลูกน้องของเขาหยิบซ้อมของตนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นกับความคิดที่รอบคอบของเทเลอร์ไนน์
…มันคงจะเสียปล่าวถ้าจะโยนอาหารพวกนี้ทิ้งไป (ผู้แปล : เงินบริษัทใช่ไหมหละพวก)
……………………………………………………..
ด้วยการมองดูและเรียนรู้เพลงดาบแรงค์ SS ซอดัมสามารถที่จะปรับปรุงเพลงดาบของตนเองได้เป็นอย่างดี
ความสามารถทางด้านร่างกายของเขานั้นใกล้เคียงกับแรงค์ D แล้วและเขาก็ไม่ได้ตามหลังเซเลสเต้ไกลมากเหมือนก่อนแล้ว
ต้องขอบคุณเธอถ้าซอดัมได้รวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้เรียนรู้มาเข้าด้วยกัน ผู้ชนะคงเป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฮ่าฮ่า…”
ซอดัมที่เหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งตัวอยู่พื้นมองไปที่เซเลสเต้แล้วก็รับรู้ได้ว่า
‘เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะ’
มีครั้งหนึ่งที่คุณลูกค้าเคยกล่าวไว้ว่าแรงค์ที่อยู่เหนือกว่า C นั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ
แล้วอย่างนั้นแรงค์ A หละคืออะไร?
เธอได้กล่าวว่าในทำนองว่า ‘เป็นพรสวรรค์ที่มีเพียงแค่คนเดียวในรอบหนึ่งร้อยปี’ นี้แหละที่เหมาะสมกับคนพวกนั้นที่มีพรสวรรค์แรงค์ A
และถึงแม้ว่าเซเลสเต้จะไม่ได้มีพรสวรรค์แรงค์ A ก็ตามมันก็น่าจะเป็นอยู่สักที่ระหว่างแรงค์ C – A
และพรสวรรค์ของเธอเกี่ยวกับดาบอย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ที่แรงค์ B
ถึงแม้ว่าซอดัมจะได้มองดูและเรียนรู้เพลงดาบตระกูลอัลมัสอย่างจริงจัง มันก็ยังคงเป็นความจริงที่เกือบทั้งหมดของเพลงดาบนี้ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับร่างกายของเพศหญิง
มันเป็นเฮเลนและเอลล่าที่เขาได้สังเกตการณ์และเรียนรู้มา
เฮเลนนั้นสูง 170 เซนติเมตรและเอลล่าสูงเกือบแตะ 150 เซนติเมตร บางทีคงเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้กินอาหารอย่างเหมาะสมตั้งแต่ที่เธอได้ล้มป่วยลง
เซเลสเต้นั้นมีความสูงอยู่ราวๆ 160 เซนติเมตร
ดังนั้นแล้วเพลงดาบของตระกูลอัลมัสนั้นเหมาะสมกับเธออย่างถึงที่สุด
นึกย้อนไปถึงท่าทางของเฮเลน ซอดัมสามารถที่จะปรับแต่งท่าทางของเซเลสเต้ให้ถูกต้องได้
“ทำไมเท้าของเธอถึงได้แยกออกกว้างอย่างนั้นหละ?”
“เฮ้ แขนของเธอยาวกว่าของฉันอย่างนั้นหรือไง? ดาบของเธอก็ยาวกว่าดาบกว่าด้วยงั้นหรอ? งั้นทำไมเธอถึงได้กำลังเหวี่ยงมันแบบนั้นหละ?”
“สังเกตลมหายใจของตัวเธอเอง อย่างเพียงแค่เหวี่ยงมันไปมั่วๆ”
เขาในตอนนี้รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าทำอย่างไรถึงจะถือและเหวี่ยงดาบได้อย่างเหมาะสม
กล้ามเนื้อควรจะต้องทำงานอย่างไร ควรก้าวเท้าแบบไหน และหายใจอย่างไร
มันเป็นเพียงแค่ 30 ปี นับตั้งแต่ที่ยอดมนุษย์ปรากฎตัวขึ้นมาทำให้การพัฒนาของวิชาดาบโดยคำนึงเหล่ายอดมนุษย์ถึงค่อนข้างที่จะสั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งผ่านเทคนิคทั้งหมดของตระกูลอัลมัสเพราะว่าซอดัมนั้นไม่ได้รับมันมาในรูปแบบของสกิล เขาก็ยังสามารถสอนเธอได้ว่าทำอย่างไรถึงจะเหวี่ยงดาบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มันเป็นเวลาเพียงแค่สองสัปดาห์และเซเลสเต้ก็ได้เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมากจนถึงจุดที่แม้แต่ตัวซอดัมเองก็ยังประหลาดใจ
‘นี่…เมื่อเธอโตขึ้นบางทีเธออาจจะเหนือยิ่งกว่าพ่อของเธอก็ได้’
ถึงแม้ว่าพ่อของเธอนั้นจะเป็นอัจฉริยะและนักดาบที่โดดเด่นเช่นกัน มันก็เป็นเรื่องแน่นอนที่จะพูดว่าแรงค์ SS ของเขานั้นได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซอดัมคิดว่าบางทีเซเลสเต้คงจะสามารถได้รับพลังที่แท้จริงของแรงค์ SS ด้วยความสามารถของเธอเอง
วันอาทิตย์ในตอนเช้า ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนมาที่ยิม
“เฮ้ นี่พวกเธอยังทำแบบนี้อยู่อีกหรอ?”
พวกเขาทั้งสองคนยังคงถือดาบของพวกเขาในตอนที่เสียงของใครบางคนนั้นดังขึ้นมา
มันเป็นเทเลอร์ไนน์
เธอนั้นใส่เสื้อเชิ้ตแขนกุด กางเกงขายาวสีน้ำเงินและหมวกสีน้ำตาลที่มีหูหมีที่โดดเด่น
เทเลอร์มองไปที่เซเลสเต้และลูบคางของเธอ
“ในขณะที่นายกำลังเล่นอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอยู่ นายรู้ไหมว่าใครกันที่วิ่งเต้นไปรอบๆด้วยแพลพุพองที่เท้าของเธอนะ?”
“มีอะไรหละ?”
“ฉันเอาของสิ่งหนึ่งมาให้นายนะ”
“นี่คือ…”
เทเลอร์โชว์ให้ซอดัมเห็นกระถางดอกไม้สีดำในอ้อมแขนของเธอ
กระถางดอกไม้ที่ถูกปลกคลุมด้วยโหล่ใสมีดอกไม้สีขาวอยู่ด้านในและมันดูเหี่ยวเฉาราวกับมากันแทบจะไร้ชีวิตแล้ว
“เฮลเกต มันเป็นดอกไม้ที่เติบโตด้านในนั้นนายจำมันได้ไหม?”
“อ่าหะ…ฉันจำได้”
ท่ามกลางสิ่งต่างๆจำนวนนับไม่ถ้วนที่เขาได้เห็นด้านในของเฮลเกต เจ้านี้นับเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่งดังนั้นมันจึงยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา
มันเป็นหนึ่งในสิ่งลึกลับไม่กี่สิ่งและสิ่งสวยงามที่อยู่ด้านในนรกนั้น
เขาไม่รู้ว่ามันถูกนำกลับมาจากเฮลเกตและยังคงมีชีวิตอยู่
“พี่สาวคนนี้ไปเอามันมาจากของเก็บสะสมส่วนตัวของลอสเดย์…แล้วก็มันเหี่ยวเฉาไปเกือบหมดแล้วดังนั้นฉันไม่สามารถที่จะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้มากนักแต่ฉันยังคงคิดว่ามันน่าจะดีกว่าที่จะปล่อยในมันเฉาตายในมือของพวกเขา”
ซอดัมเข้ามาหาเทเลอร์และเอากระถางดอกไม้มา
มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถพบเห็นได้ในนรกที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น
เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีกครั้งที่นี้ดังนั้นรู้สึกกระสับกระสายโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าไม่ว่าซอดัมค้นคว้ามากเท่าใด เขาก็คงไม่สามารถที่จะคาดเดาสิ่งใดๆเกี่ยวกับมันได้
เพราะว่าเขาไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้แล้วไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าแม้แต่ลอสเดย์ก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาเรื่องนี้ได้อย่างนั้นหรอ?
เขามีความคิดเช่นนั้นเอง
[สกิล ห้องสมุดของแม่มดขาว (F) ถูกเปิดใช้งาน]
[ค้นหาข้อมูลของเป้าหมาย]
‘หะ?’
ทันใดนั้นเองหนังสือโปร่งแสงก็ได้ลอกขึ้นมาในอากาศและหน้าของมันก็ได้พลิกไปจนกระทั้งในที่สุดมันก็ได้หยุดลง
[ค้นพบภาพที่ตรงกัน ดอกไม้จิตวิญญาณสีเงิน]
‘จิตวิญญาณ…?’