ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 37
ไม่ว่าจะเป็นคนที่ย้อนเวลากลับมา,คนที่เกิดใหม่,จิตวิญญาณพันปีที่ไปยึดร่างเด็กน้อย,นักเดินทางต่างโลก และ คนที่มีความรู้ทั้งหมดในโลกของตน
ตัวเอกแต่ละคนล้วนมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันและพวกเขาบางคนก็มี ‘การแก้ไขของตัวเอก’
ยกตัวอย่างเช่น กิลิเทนเดอร์และอียอนจุนตัวเองที่ถูกล่าไปโดยซอดัมซึ่งนับว่าเป็นตัวเอกที่พบได้ทั่วไปเป็นตัวเอกประเภท ‘สายเติบโต’ และจะไม่พ่ายแพ้ไม่ว่าจะตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหนก็ตาม
แต่จะที่เพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับสูตรโกงต่างๆจากการเกิดใหม่หรือการย้อนเวลามันจะทำให้พวกเขาอ่อนกว่างั้นหรอ?
ไม่จริงเลย
นี้เป็นเพราะว่าเมื่อตัวเอกพวกนี้ได้เผชิญหน้ากับวิกฤตมันมักจะมีการสูบพรของโลกไปยังการแก้ไขพล็อตเรื่องให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล
มันเป็นประเภทของการแก้ไขที่จะทำให้ตัวเอกได้รับสกิลที่เหมาะสมสำหรับจัดการกับสถานการณ์ในตอนนั้นซึ่งมันจะปรากฎขึ้นมาเองในทันทีหรือไม่ก็บังเอิญเกิดขึ้น ‘โชคดี’ ขึ้นอย่างปาฏิหาริย์
แต่อย่างไรก็ตามมันไม่มีการแก้ไขแบบนี้สำหรับตัวเอกที่ย้อนเวลากลับไปหรือตัวเอกที่ได้ยึดร่างของคนอื่นมา
เพราะว่าตัวตนของพวกเขาเองนับก็นับว่าเป็น ‘การแก้ไข’ ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว
ตัวเอกที่ย้อนเวลากลับไป ฟิโอเลนเป็นคนที่มีความรู้จากอนาคต
ตัวเอกที่ยึดร่างกายของอื่นมา เอลล่า อัลมัสเป็นคนที่มีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้านเวทมนตร์ในอดีต
ซึ่งทำให้การใช้พรของโลกจะไม่ถูกขับเคลื่อนไปแบบสุ่มๆหากว่าตัวเอกนั้นสองคนนี้ตกอยู่ในวิกฤติ
ในกรณีของตัวเอกที่ย้อนเวลากลับไปสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมเล็กน้อยและในกรณีของตัวเอกที่ยึดครองร่างพวกเขาจะได้รับความเชื่อใจจากผู้คนโดยของพวกเขาง่ายขั้นเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดพรของโลกก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขวิกฤตได้ด้วยตัวมันเอง
เป็นในทำนองเดียวกันกับของอารัช
อารัชเป็นตัวเอกที่รู้ความลับทั้งหมดของโลกใบนี้เนื่องจากสกิลระดับยูนิค ‘เกมส์ที่ฉันสร้างได้กลายมาเป็นความจริง (USR)’ นั้นนับเป็น ‘การแก้ไขของตัวเอก’ ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว
ด้วยการรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ทำให้โอกาสที่เขาจะตายนั้นแทบที่จะเป็นไปได้เลย
ตัวเอกคนนี้ซึ่งเป็นที่แทบจะเป็นอมตะในโลกใบนี้ในตอนนี้กำลังถูกผลักดันไปสู่ความตายของตัวของเองโดยกลุ่มดาวชั่วคราวที่สามารถจะแทรกแซงการแก้ไขของตัวเอกได้
[จุดสุดยอดของภูเขาน้ำแข็งได้ออกจากช่องไปด้วยความผิดหวัง]
[ชายผู้เดินบนขอบเหวได้ออกจากช่องไปพร้อมกับเดาะลิ้นของตน]
[นกพันตัวที่ข้ามผ่านฟากฟ้าได้ออกจากช่องพร้อมกับสายหัวของตน]
เหล่าบอสและมอนสเตอร์จากชั้นที่ 12,13 และ 14 ได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมดในครั้งเดียว
เมื่อติดอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้เช่นนั้น อารัชทำได้เพียงดิ้นรนต่อไปเรื่อยๆด้วยการใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีเรื่องที่ ‘เหนือความคาดหมาย’ เกิดขึ้น
มันก็แค่…
เจ้าหนูแฮมสเตอร์ที่กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด
อารัชที่ปรารถนาจะกลายมาเป็นเหมือนกับกลุ่มดาวทั้งหลาย
ดังนั้นเขาเลยกลายมาเป็นคนเรียกร้องความสนใจจากกลุ่มดาวเหล่านี้
แต่ว่ากลุ่มดาวเหล่านี้ซึ่งเป็นเพียงตัวตนที่ต้องการเซอร์ไพรได้หันหลังของพวกเขาจากไปด้วยความผิดหวัง
มีเพียงแค่กลุ่มดาวที่หวังว่าจะได้เห็นอารัชตายเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่และเยอะเย้ยไปที่เขา
[เทียนพรรษาในยามค่ำคืน : ใช่แล้วเจ้าหนูน้อย วิ่งไปเรื่อยๆอย่างนั้นแหละ]
[หญิงสาวที่เดินทางในยามวิการ : อี้! มันน่าเกลียดมากเลย]
[รูปปั่นเรือเฟอร์รี่สีขาว : สภาพของแกอุบาทได้ถึงเพียงนี้เลยหรือนี้?]
[นิ้วที่ชี้ไปที่ดวงจันทร์ : เหอะ! สุดท้ายแล้วความภาคภูมิใจของแกนั้นมีค่าเทียบเท่ากับชีวิตของแกงั้นสินะ งั้นก็ตายไปกับมันเถอะ]
ในสายตาของกลุ่มดาวที่ชั่วร้ายเหล่านี้นั้นไม่มีแม้แต่สักเสี้ยวเดียวของความเมตตาเหลืออยู่เลย
โลกใบนี้ที่อารัชเป็นคนสร้าง
เขาได้พบกับจุดจบของตนเช่นนี้เอง
[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 89]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น 5+1]
[ 890 วันของอายุขัยได้ถูกเพิ่มเข้ามา]
[อายุขัยคงเหลือ : 3,427 วัน 9 ชั่วโมง 31 นาที]
เหล่ากลุ่มดาวทั้งหมดที่เหลือได้ออกจากช่องของอารัชไปหลังจากที่เขาได้ตายลง
ความตายของเขาทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
เป็นความตายที่โดดเดียวที่ไม่มีใครสักคนเสียเวลามองไปที่เขาอีกเลยเป็นครั้งที่สอง
มองไปที่กลุ่มดาวเหล่านั้นซอดัมได้ระเบิดหัวเราะออกมา
เหล่ากลุ่มดาวพวกนี้ไม่ได้เลวร้ายในทุกๆแง่มุม
โดยมาตรฐานของมนุษย์นั้นพวกเขาก็สามารถที่จะกลายมาเป็นปีศาจร้ายได้แต่นั้นเป็นเรื่องที่ธรรมชาติเป็นผู้ตัดสินใจ
แต่คงเป็นเพราะว่าฉันเองก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์เช่นกันมันเลยทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้อยู่บ้าง
[ภารกิจเสร็จสมบูรณ์]
[คุณต้องการที่จะเดินทางกลับไปยังโลกเดิมของคุณเลยหรือไม่?]
“ยังก่อน”
ฉันยังมีเรื่องบางอย่างที่ยังต้องจัดการเหลืออยู่
……………………………………………………..
[แมวที่เดินบนไฟยาวแปดเมตรมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]
[เครื่องบินกระดาษที่บินไปพร้อมกับสายลมมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]
[ชาวประมงที่ไล่ตามดวงดาวมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]
[พิษมีพิษในเรือนกระจกมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]
“เออ?”
หนึ่งวันเต็มได้ผ่านไปตั้งแต่ที่ด่าน 11 ได้รับการเคลียร์
ปาตี้ของทั้งสี่คนได้เบิกตาของตนกว้างเมื่อพวกเขาได้เห็นกลุ่มดาวหลายสิบกลุ่มดาวที่อยู่ๆก็เข้ามาในช่องของพวกเขา
“นี้…นี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ?”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นมีเพียงแค่กลุ่มดาวเดียวเท่านั้นที่อยู่ในช่องของพวกเขา
ดังนั้นมันเลยกลายเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับพวกเขาเมื่อได้เห็นจำนวนกลุ่มดาวที่กำลังเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเช่นนี้
[ตำแหน่งที่สมบูรณ์ : พวกนายรับทำภารกิจบ้างไหม?]
[กรดเอลาเฟ่สีแดง : เราต้องเริ่มสนับสนุนก่อนที่จะไปถามเรื่องภารกิจสิ]
[แกะดุร้ายที่คร่ำครวญในยามค่ำคืน : งั้นที่นี้ก็เป็นด่านที่ 11 สินะ เยี่ยมมันดูค่อนข้างที่จะคาดหวังได้เล็กน้อย]
กลุ่มดาวบางกลุ่มได้ออกไปหลังจากนั้นไม่นานแต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีเหล่ากลุ่มดาวที่ยังคงอยู่เพราะต้องที่จะได้เห็นพวกเขาดิ้นรนหรือไม่ก็ต้องการเสพความบันเทิงที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เออ! พวกเราควรที่จะเอาไงกันดีคะ?”
กรูลาร์พูดกับแจซูลหัวหน้าของพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
ไม่ว่าพวกเขาจะมองดูมันอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ยังคงมีกลุ่มดาวมากกว่า 10 ที่ยังคงอยู่ในช่องของเขา
และผู้นำคนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองกลับไปยังไงเช่นกัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…พวกเราควรที่จะทักทายพวกเขาไหม?”
“ใช่เลย ฟังดูเป็นความคิดที่ดีนะ”
ทั้งสี่คนนี้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจได้พยายามที่จะทักทายกลุ่มดาวทั้งหลายด้วยท่าทางที่ดูเหมือนว่าสงบนิ่งเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ในทันทีที่มีการพูดถึงเกี่ยวกับ ‘ภารกิจ’ หรือ บางสิ่งพวกนั้น
‘นี้มันบ้าอะไรกัน? อะไรคือภารกิจ?’
ในตอนที่พวกเขาทั้งหมดมีความคิดเช่นนั้น
[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มองมาที่คุณด้วยความสนใจ]
ผู้สนับสนุนและผู้มีพระคุณของพวกเขาก็ได้เข้ามาในช่องนี้
กลุ่มดาวเพียงกลุ่มดาวเดียวเท่านั้นที่ดูแลเขาในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
ในทันทีที่พวกเขาพยายามที่จะทักทายกลุ่มดาวเหล่านี้ด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก็มีเสียงพูดดังขึ้น
[ในตอนนี้ตั้งใจฟังฉันให้ดีนะ]
“หืม?”
มันเป็นข้อความส่วนตัวที่กลุ่มดาวนั้นสามารถที่จะส่งไปหาอวาตาร์ของตนเองได้
มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ฟังก์ชันนี้ก่อนหน้านี้เพราะว่ามีเพียงแค่กล่มดาวเดียวที่อยู่ในช่องแต่ในตอนนี้มันจำเป็นที่จะต้องใช้
[ฉันกำลังจะสนับสนุนพวกนายและร้องขอให้ทำภารกิจบางอย่างให้]
‘ครับแล้ว…’
[ปฏิเสธมันซะ]
‘หะ…’
พวกเขาไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจมันได้
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วมันเคยมีเรื่องแย่เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเชื่อฟังกลุ่มดาวนี้บ้างไหมหละ?
ไม่เคยเลย
เพราะงั้นพวกเขาทั้งสี่คนได้ผงกหัวของพวกเขาเบาๆ
[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่มอบ 1,000 เหรียญดวงดาวเป็นการสนับสนุน]
นี้เป็นเหรียญดวงดาวส่วนสุดท้ายที่เขามี
เขาได้ใช้เหรียญที่เขามีเกือบทั้งหมดราวๆ 50,000 เหรียญไปกับอารัชแล้ว
ส่วน 200,000 เหรียญดวงดาวในข้อเสนอที่เขาบอกว่าจะให้เป็นรางวัลนั้นแน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหก
ซอดัมได้ทำการบลัฟด้วยเหรียญดวงดาวที่เขาได้เก็บมาจนถึงนาทีสุดท้าย
[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : แค่เพียงพวกนายทำภารกิจสำเร็จ อีก 10,000 เหรียญดวงดาวจะเป็นของพวกนาย]
“อ้า ครับ!”
เมื่อได้เห็นข้อความของซอดัม เหล่ากลุ่มดาวทั้งหลายต่างมองไปที่มันด้วยความสนใจ
กลุ่มดาวที่ได้สนับสนุนเหรียญดวงดาวไปกว่า 50,000 เหรียญแล้วยังไม่ได้สูญเสียชื่อของตัวเองไป ทั้งยังเป็นกลุ่มดาวที่สร้างระบบภารกิจขึ้นมาอีกด้วย
[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : … … … …]
เหล่ากลุ่มดาวที่เหลือสายหัวของตนเมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่นั้นกำลังอธิบายภารกิจที่ว่านี้อย่างช้าๆ
เป็นเหมือนกับที่พวกเขาได้คาดไว้ว่ามันเป็นภารกิจที่ค่อนข้างจะเป็นไปได้แต่ว่ามันยากแบบสุดขั้วไปเลย
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ กลุ่มดาวพวกนี้ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเหล่าผู้ท้าชิงรายใหม่รับภารกิจไป
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ แต่พวกเราคิดว่าภารกิจนี้มันยากมากเกินไปดังนั้นพวกเราขอปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนเหรียญดวงดาวที่ได้รับมานี้นะครับ”
แจซูลปฏิเสธภารกิจนี้
กลุ่มดาวทั้งหมดภายในช่องต่างพากันตกตะลึง
มนุษย์กำลังปฏิเสธภารกิจจากกลุ่มดาวอย่างนั้นหรอ?
ทันทีที่เหล่ากลุ่มดาวทั้งหลายได้ยินคำปฏิเสธเช่นนั้นและกำลังที่จะกดดันไปที่เหล่าผู้ท้าชิง…
[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : อ้า งั้นมันก็ช่วยไม่ได้สินะ]
[เค้กข้าวและซุปเกี๊ยวในวันปีใหม่ : เพราะว่าฉันเป็นเพียงกลุ่มดาวที่ลองลอยอยู่บนท้องฟ้าดังนั้นฉันไม่สามารถที่จะมานั่งใส่ใสกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ถ้างั้นฉันจะยกเลิกภารกิจนี้แล้วกันก็ให้ถือซะว่าเหรียญดวงดาวพวกนี้เป็นสิ่งที่ฉันแบ่งปันให้ละกัน]
ซอดัมเป็นคนแรกที่ได้เริ่มต้นกฎของภารกิจแบบ ‘มัดจำ’ นี้
เพราะด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้อารัชนั้นตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่มหาศาลและไม่สามารถที่จะปฏิเสธภารกิจนั้นได้
แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ซอดัมเป็นคงที่สร้างกฎขึ้นมาเองมันก็เป็นไปได้เช่นนั้นที่จะสร้างขึ้นมาอีกสักข้อเช่น ‘ไม่ต้องไปอารมณ์เสียเมื่อเหล่ามนุษตัวจ้อยด้อยค่าพวกนี้ปฏิเสธที่จะภารกิจ’
ดังนั้นถ้าเหล่ากลุ่มดาวสนับสนุนสำหรับภารกิจและผู้ท้าชิงปฏิเสธมัน กลุ่มดาวนั้นๆจะต้องทำตัวเป็นกลุ่มดาวที่ ‘ใจกว้าง’
แต่มันก็ยังมีเหล่ากลุ่มดาวที่ไม่ได้ยอมรับในกฎข้อนี้และได้ออกจากช่องนี้ได้
ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ยังไงซะพวกที่ออกก็จะต้องทำร้ายทั้งสี่คนนี้ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งอยู่แล้วดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะให้กลุ่มดาวเหล่านั้นจากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้
ถ้ากลุ่มดาวเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาหลังจากที่ภารกิจของพวกเขาถูกปฏิเสธในภายหลังหละก็ พวกเขาจะต้องถูกวิพากวิจารณ์โดยกลุ่มดาวอื่นๆสำหรับการที่ไม่เข้าใจกฎข้อนี้
ตอนนี้เหล่าผู้ท้าชิงไม่ต้องเผชิญหน้ากับภารกิจอันแสนยากลำบากที่ไม่มีวันเป็นไปได้อีกต่อไปและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าผู้ท้าชิงผ่านภารกิจเหมือนกับที่ซอดัมได้ทำไปก่อนหน้านี้
“เออ อืม…ขอบคุณ พวกเราขอขอบคุณมันด้วยความจริงใจครับ”
โดยที่ไม่รู้ว่าการกระทำของซอดัมเมื่อกี้หมายถึงอะไรทั้งสี่คนก็ยังคงก้มหัวของพวกเขาลงให้กับซอดัม
ซอดัมก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะอธิบายไปมากกว่านี้เช่นกัน
เขาแค่กำลังทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำ
หลังจากนั้นในทันทีที่พวกเขากำลังจะเขาไปในดันเจี้ยน เหล่ากลุ่มดาวที่เหลือก็ได้เริ่มเสนอภารกิจของพวกเขาอย่างระมัดระวัง
“ผมไม่คิดว่าภารกิจนั้นจะเป็นไปได้แต่ถ้าคุณให้ภารกิจที่เหมาะสมกับพวกเรามากกว่านี้พวกเราจะลองทำมันดูครับ”
“นี่เลย ขอบคุณสำหรับภารกิจนี้นะครับ! พวกเราจะลองทำมันดู”
ทั้งสี่คนในตอนนี้กำลังเป็นผู้นำเทรนในการสร้างผู้ติดตามในช่องให้กับเหล่าผู้ท้าชิงทั้งหลาย
ในตอนที่พวกเขาได้เข้าไปในทางเข้าของดันเจี้ยนพวกก็ไปมองไปในอากาศด้วยความว่างเปล่าในทันที
‘คุณกลุ่มดาวครับ?’
[อะไร]
[คุณจะไม่ช่วยพวกเราในครั้งนี้หรือครับ?]
[…]
ในช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมานั้นซอดัมได้ทำการสนับสนุนเหรียญดวงดาวเกือบทั้งหมดให้กับอารัชดังนั้นซอดัมเลยสามารถทำได้แค่ช่วยพวกเขาในเรื่องความลับต่างๆในด่านและจัดหาข้อมูลให้กับพวกเขา
[ฉันไม่สามารถช่วยพวกนายได้อีกแล้ว]
‘นี่…คุณกำลังจะไปแล้วงั้นหรอครับ’
[ใช่แล้วฉันเป็นเพียงแค่สายลับของที่นี้และตอนนี้องค์กรของฉันกำลังเจอปัญหาหนัก]
‘…?’
ทั้งสี่คนไม่ได้เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไรแต่ก็ยังคงผงกหัวให้
ถึงแม้ว่าซอดัมจะได้ให้ความช่วยเหลือกับเขาจำนวนมากแต่พวกเขาก้ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ว่าจะไม่สามารถทำอะไรเองได้เลย
หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดทำให้พวกนั้นทรงพลังมาพอที่จะแข่งขันกับตัวเอกอารัชได้
‘มาท้าทายมันด้วยตัวพวกเราเองละกัน’
ตั้งแต่นั้นมาทั้งสี่คนก็ได้ทำการสำรวจดันเจี้ยนและทำภารกิจอีกหลายภารกิจซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือการเติบโตของช่องและความสำเร็จ
ยามค่ำคืนในตอนที่การไลฟ์ได้สิ้นสุดลงและกลุ่มดาวทั้งหมดได้ออกจากช่องนี้ไป
ตอนนี้เองที่พวกเขามองหาซอดัม
“คุณกลุ่มดาวครับ? คุณยังอยู่ไหม?”
[ทำไมพวกนายถึงยังมองหาฉันอยู่อีก?]
“ในวันนี้พวกเราเป็นยังไงบ้างครับ?”
มันเป็นคำถามที่แปลกประหลาด
[ก็ดี พวกนายก็ดูดีนิ]
นี้เป็นหนึ่งประโยคที่ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นในขณะที่พวกเขาหัวเราะคิกคักกันเอง
มองไปที่คนพวกนี้ซอดัมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเขาต้องกลับไป
“เออ คุณกลุ่มดาวครับ มันจะเป็นไปได้ไหม…ที่คุณจะยังอยู่กับพวกเราอีกสักแป๊บนึงนะครับ?”
[หืม? สำหรับตอนนี้หรือ? ได้นะ]
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไรขอพวกเราถามอะไรสักอย่างสิครับ เราอยากรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนในตอนนี้?”
[ก็อยู่ตรงหน้าพวกนายนั้นแหละ]
แล้วถึงแม้ว่าทั้งสี่คนนี้จะไม่ได้เตรียมการกันไว้ล่วงหน้าแต่พวกเขาทุกคนก็ได้คุกเข่าลงและก้มหัวลงไปทางซอดัมที่กำลังลอยอยู่ในเวลาเดียวกัน
“ขอบคุณครับ/ค่ะ คุณกลุ่มดาว!”
[…]
“ขอบคุณมากครับสำหรับการดูแลพวกเรา ขอบคุณจริงๆครับ…พวกเราจะไม่มีวันลืมบุญคุณในครั้งนี้เลยครับ”
แจซูลพูดออกมาช้าๆด้วยน้ำเสียงที่แตกพร่า
ในตอนที่พวกเขากำลังจะตาย ตอนที่กลุ่มดาวอื่นที่เหลือทั้งหมดได้ทอดทิ้งพวกเขาไปแล้ว
มันเป็นอาจจะดูเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงแค่สามเดือนก็ตามแต่มันช่วงเวลาที่พวกเขาได้รับการดูแลอย่างตั้งใจมากกว่าจากใครๆทั้งหมด
ซอดัมที่ยังคงเงียบอยู่จนกระทั้งถึงตอนนี้ได้พูดขึ้น
[ฉันคิดว่าพวกนายเข้าใจอะไรสักอย่างผิดไปรึป่าวนะ ฉันก็แค่ใช้พวกนายเท่านั้น]
“ใช่ครับ พวกเรารู้ดีและคุณกลุ่มดาวก็ได้สำเร็จเป้าหมายเมื่อเช้านี้เอง”
[…?]
“แต่ในท้ายที่สุด ไม่ใช่ว่าคุณยังคอยอยู่ที่นี้จนกระทั้งพวกเราอยู่กันได้ด้วยตัวพวกเราเองอย่างนั้นหรือครับ?”
[โห้ จริงรึ]
ซอดัมรู้สึกว่ามันแปลกอยู่บ้าง
มันไม่ใช่ว่าเป้าหมายของเขาเป็นการทำเรื่องที่ดี
ดังนั้นเขาไม่ได้ทำสิ่งใดเลยที่มันมีค่าพอสำหรับการได้รับคำขอบคุณเช่นนี้
เขาเพียงแค่ใช้งานคนพวกนี้เพราะว่ามันจำเป็นสำหรับจากฆ่าใครสักคน
ในขณะที่กำลังมองดูทั้งสี่คน แม้ว่าเขาจะบอกว่าเขาไม่คู่ควรกับคำขอบคุณหลายครั้งแล้วก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีประโยชน์อะไร
สุดท้ายแล้วความใจดีที่พวกเขาได้รับมาก็ยังมีความหมายมากมายสำหรับพวกเขาอยู่ดี
“ก่อนที่คุณจะไป จริงๆแล้วพวกเราต้องการที่จะพูดคำลาที่เหมาะสมนะครับ”
ทั้งสี่คนค่อยๆเงยหน้าของพวกเขาขึ้น มองตรงไปที่ที่ซอดัมกำลังลอยอยู่
“อีกแค่เรื่องเดียวเท่านั้น พวกเราขอถามอีกเพียงข้อเดียวว่า……คุณพอที่จะบอกชื่อจริงของคุณกับพวกเราได้ไหมครับ?”
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นช่วงสั้นๆ เขาได้แทนที่ข้อความของเขาด้วยบางสิ่งแทน
[กลุ่มดาวยูซอดัมกำลังมองมาที่คุณด้วยความสนใจ]
ยูซอดัม
พวกเขาได้สลักชื่อนี้ไว้ในหัวใจของพวกเขา
เมื่อรุ่งอรุณได้ใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ
[พรของพวกคุณไม่ได้มีตัวตนอยู่อีกต่อไป]
ในอีกความหมายก็คือ กลุ่มดาวของพวกเขาได้จากไปแล้ว
ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขารู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นแตกสลายและไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้เลยชั่วขณะหนึ่ง
มันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเราได้สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญกับพวกเขาไป
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้จะหยุดลงที่ตรงนี้
ด้วยรุ่งอรุณที่มาพร้อมกับวันใหม่ แจซูลได้พูดขึ้นกับคนที่เป็นเพื่อนร่วมทีมของตนและเป็นทั้งพวกพ้องในเวลาเดียวกัน
“ไปกันเถอะ มุ่งหน้าไปด่านต่อไปกัน”
พวกเขามีเพียงแค่ความปรารถนาเดียวเท่านั้น
คือการกลับไปสู่โลกเดิมของตนพร้อมกับทุกคนที่นี้ทั้งหมดไปยังที่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะถูกพามาที่นี้เพื่อเป็นเพียงแค่ของเล่น
ตอนนี้มันสามารถที่จะบอกได้เลยว่าพวกเขาได้ก้าวขาข้างหนึ่งผ่านประตูแห่งความสำเร็จนี้ไปเรียบร้อยแล้ว