ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 40
ซอดัมจัดเนคไทตองเขาในตรงด้วยท่าทางที่ดูทุลักทุเล
มีเครื่องแบบทางการที่ดูสะอาดตาซึ่งสามารถมองเห็นทะลุผ่านเสื้อกันฝนของเขาเข้าไปได้
ด้วยการที่เป็นอาจารย์สอนวิชาดาบอย่างเป็นทางการของลูกสาวคนโตจากตระกูลคอสแตนตีนิเขาถูกขอร้องให้อย่างน้อยก็เครื่องแบบทางการเพื่อเข้าร่วมงานอภิปรายในครั้งนี้
แต่ว่าเนื่องจากเขาไม่ได้มีชุดสูทหรือเครื่องแบบทางการอื่นๆอีกเลยทำให้เซเลสเต้ได้เตรียมไว้ให้เขาหนึ่งชุด
มันเป็นชุดสูทหรูแบบคัสตอมไมซ์และบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าซอดัมมีกล้ามเนื้อที่เข้ารูปซึ่งสามารถจะเน้นให้ทุกส่วนของสูทตัวนี้โดดเด่นออกมา มันจึงค่อนข้างที่จะดูดีเป็นอย่างมาก
“มันดูดีเมื่ออยู่กับคุณนะคะ”
เซเลสเต้พูด
“ว้าว มันไม่ได้ดูดีเลยสักกะนิดเดียวเมื่ออยู่บนร่างของนายนะ 5555”
เทเลอร์พูด
ซอดัมที่ไร้ซึ่งคำพูดใดๆได้แต่เงียบปากของตัวเองเอาไว้
เทเลอร์หัวเราะคิกคักและตบไปที่ไหล่เขาเบาๆ
“ฮิฮิ ยอดเยี่ยม มันคุ้มอยู่นะที่จะมองดู”
ซอดัมที่ขนลุกซู่ได้ถามขึ้น
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี้?”
ในเวลานี้ซอดัมและอีกสองคนกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามกีฬาชัมชิล
มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะสรรหาคำบรรยายมาได้ว่าสนามกีฬาแห่งนี้ได้เปลี่ยนไปมากเพียงใดตั้งแต่ที่มันถูกประกาศว่าจะจะมีการจัดงานอภิปรายวิชาดาบที่เกาหลีในปีนี้
และเทเลอร์ที่มองไปยังสถานที่แห่งนี้ มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
“ทำไมฉันถึงไม่สามารถที่จะมาที่นี้ได้หละ? ก็ในเมื่อฉันทำภารกิจของตัวเองเสร็จแล้วดังนั้นนี้ก็เป็นการพักเบรกของฉันไง”
เทเลอร์ตอบในขณะที่กำลังจ้องกลับไปที่ซอดัมแล้วพูดขึ้น
“ว่าแต่ดูเหมือนว่านายจะดูเด็กลงอีกแล้วนะ”
“อะไรนะ?”
“นายใช้ครีมดูแลผิวยี่ห้อไหนกันแน่? ทำไม่นายถึงไม่คิดจะแบ่งปันมันกับเพื่อนฝูงบ้างหละ”
“ถ้าฉันมีสิ่งที่เรียกว่าเงินแล้วเอาไปใช้ในสิ่งที่จะมาโปะลงบนหน้าฉันหละก็ฉันว่าฉันคงเอามันไปซื้อกระสุนอีเทอร์มาเพิ่มจะดีกว่า”
“ไอ้บ้านี่…”
เทเลอร์บ่นออกมาแล้วเซเลสเต้ก็พูดขึ้น
“ฉันคิดว่ามันได้เวลาแล้วนะคะ”
วันนี้ปรมาจารย์ดาบจากทั่วทุกสารทิศทั่วโลกจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี้
สำหรับเหตุผลนั้นเองทำให้ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มของคนธรรมดา,ตากล้อง,คนขายเร่,ตำรวจ,เจ้าหน้าที่ทางการ และฮันเตอร์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายต่อหลายคนสามารถพบเจอได้ที่นี้
เซเลสเต้และเทเลอร์ก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะโดดเด่นออกมาจากคนทั้งหมดนั้นทำให้มีคนหลายคนเข้ามาทักทายพวกเขาในตอนที่พวกเขาเดินสวนทางกัน
“คุณเซเลสเต้ครับ นี้คือวิชาดาบ…”
“ซอรี่ ฉันไม่เข้าใจภาษาเกาหลีนะคะ”
“ฮันเตอร์เทเลอร์ครับ! ทำไมคุณถึงได้มาที่งานอภิปรายวันนี้กัน…”
“ไซหัวไปซะ”
ถึงแม้ว่าชายสองคนนี้จะถูกรับมือในวิธีการที่แตกต่างกันไปแต่วิธีการของทั้งคู่ก็มีประสิทธิภาพยิ่งนักในการไล่ฝูงชนที่กำลังเข้ามาหาทั้งสอง
แม้ว่าจะไม่เหมือนกับเทเลอร์ที่เซเลสเต้จะเปิดเครื่องแปลภาษาของเธอแล้วตอบคำถามกับพวกนักข่าวรหรือเจ้าหน้าที่ทางการอย่างสุภาพเมื่อพวกเขาเข้ามาหา
ในทางตรงกันข้ามกับทั้งสองคนนี้ไม่มีใครสักคนที่เข้าหาซอดัมซึ่งมีใบหน้าที่ยากต่อการจดจำ
เป็นอย่างนี้จนกระทั้ง
“อ้า นั้นคุณฮันเตอร์ยูซอดัมใช่หรือป่าวครับ?”
“…?”
ซอดัมหันหัวของเขาไปมองเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกชื่อของเขา
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยมันก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอตัวจริงแบบนี้
เขาคือฮันเตอร์แรงค์ S ลีจุนซอกสมาชิกของกลุ่มเวลเว็ทซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 กิลด์ชั้นยอดของเกาหลี
เขาก็เป็นหนึ่งในฮันเตอร์ที่มีชื่อเสียงในเกาหลีอีกด้วย
“ผมไม่คิดว่าจะได้มาเจอคุณที่นี้เลยนะครับ ฮาฮา มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆที่ได้มาเจอคุณที่นี้”
“ใช่ครับ ยินดีที่ได้เจอคุณเช่นกัน…แต่มีอะไรให้ช่วยหรือป่าวครับ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการทักทายที่ดูตึงๆลีจุนซอกโยกมือของเขาปฏิเสธเหมือนกับจะสื่อว่า ‘อย่าพึ่งเข้าใจผมผิดไปสิครับ’
“ไม่มีอะไรหรอกครับก็แค่ผมได้ยินมาคุณเคลียร์ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวพร้อมกับคนอีกหนึ่งคนได้แถมดันเจี้ยนนั้นยังเป็นแรงค์ S หรือไม่น้อยไปกว่านั้นด้วย คุณนี้สุดยอดจริงๆเลยครับ”
ลีจุนซอกก็ทักทายเทเลอร์และเซเลสเต้เช่นกัน
แต่เพียงแค่ว่าเขาให้ความสนใจของเขาไปกับซอดัมมากว่า
ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้เลยดูค่อนข้างที่จะน่าอึดอัดเมื่อเขาไม่ได้มองไปทางอีกฮันเตอร์ทั้งสองคนที่ไม่ว่าใครก็ตามต่างกำลังให้ความสนใจ
ลีจุนซอกเดินอยู่ด้านข้างของซอดัมอย่างเป็นธรรมชาติตรงไปยังสนามกีฬาชัมชิล
ในทางตรงกันข้ามกับเทเลอร์ได้แสดงสีหน้ารำคาญใจ ซอดัมพูดคุยกับลีจุนซอกเล็กน้อยด้วยความคิดที่ว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องแย่ที่จะกลายเป็นคนรู้จักกัน
“ตามจริงแล้ว ความสามารถของผมไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับวิชาดาบเลยแต่ผมกลับอยากที่จะได้เห็นทักษะเหล่านั้นจากปรมาจารย์ดาบทั้งหลายแทน”
“ผมเข้าใจครับ”
แม้ว่าจะมองดูไปแล้วจะเหมือนกับว่าจะเป็นลีจุนซอกที่พูดเกือบทั้งหมดแทนแล้วซอดัมเพียงแค่ตอบกลับเท่านั้น
“มันกำลังจะมีการอภิปรายวิชาดาบและการประลองเกิดขึ้นใช่ไหมครับ นั้นเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแต่มันต่างออกไปแล้วในทุกวันนี้บางสิ่งที่คล้ายกับ…วิชาดาบแบบดังเดิมได้ถูกบดบังโดยยุคสมัยใหม่”
“ผมเดาว่านั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้คนถึงได้คาดหวังกับอีเว้นท์ใหญ่ครั้งนี้และมันก็ไม่ใช้เรื่องที่แปลกอะไรด้วยครับ”
ลีจุนซอกไม่แม้กระทั้งจะใช้ดาบแต่มันสามารถบอกได้เลยว่าเขารักมันมากกว่าปรมาจารย์หลายๆคนซะอีก
เมื่อเดินผ่านผู้คนที่มาร่วมงาน ลีจุนซอกได้ชี้และเดาะลิ้นของตนในขณะที่พวกเขาได้ผ่าน ‘ปรมาจารย์’ นักดาบหลายต่อหลายคน
“คนพวกนั้นไม่ควรที่จะมาเสนอหน้าของพวกเขาที่นี้”
คำว่า ‘ปรมาจารย์’ ดูเหมือนว่าจะหมายความถึงนักดาบระดับปรมาจารย์แต่เขาค่อนข้างที่จะไม่ให้ค่าคนที่เสนอหน้าเหล่านี้
ปรมาจารย์ดาบ
โชคไม่ดีเลยมันเป็นคำที่ไม่มีความหมายใดๆเพราะว่าคนพวกนั้นไม่แม้แต่จะสามารถเอาชนะยอดมนุษย์แรงค์ E ได้แม้ว่าจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นปรมาจารย์ดาบ
แม้ว่าพวกเขาจะได้รักษาไว้ซึ่งวิถีดาบให้อยู่รอดมาจนถึงยุคสมัยปัจจุบันและต้องขอบคุณเรื่องนั้นที่ยังมียอดมนุษย์ที่ยังใช้ดาบอยู่แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกันที่นักดาบซึ่งเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปจะอ่อนแอกว่าพวกคนเหล่านั้นที่มีพลังพิเศษ
เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดๆได้เมื่อโชคชะตาเล่นตลกกับพวกเขาด้วยการให้พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา
และมันก็เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะยิงปืนอีเทอร์แทนการเหวี่ยงดาบอีเทอร์ในขณะที่เป็นเพียงคนธรรมดา
…มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและเมื่อไม่นานมานี้ซอดัมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
แต่ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
โชคไม่ดีเลยที่ปัญหาอันแสนง่ายดายนี้เป็นเพราะว่าวิชาดาบบนโลกนั้นยังคงขาดแคลนเวลาในการพัฒนาไม่ใช่ว่าดาบนั้นอ่อนแอ
มันมีขีดจำกัดของสิ่งที่มานาสามารถที่จะทำได้สำหรับวิชาดาบบนโลก
ซอดัมไม่ได้รู้สึกดีมากนักกับงานอภิปรายดาบในครั้งนี้
เพราะว่างานอภิปรายดาบในครั้งนี้นั้นเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ยังคงเต็มไปด้วยความเสียใจจากการที่ไม่มีพลังพิเศษพวกนั้น
“นั้นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงได้ไม่ชอบปรมาจารย์ดาบ ‘อาเรน’ เลยจริงๆ”
“อาเรน?”
ซอดัมเอียงหัวของตน เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินชื่อนี้จากการคุยกัน
ในเวลาเดียวกันเทเลอร์ได้ยักคิ้วของเธอแต่ลีจุนซอกไม่ได้เห็นมันเนื่องจากซอดัมนั้นขวางทางอยู่
“ใช่แล้ว คุณรู้จักเขาไหมครับ?”
“แน่นอนครับ แต่ว่าทำไมหรือครับ?”
“อาเรนครอบครองตำแหน่งระดับสูงของสมาคมปรมาจารย์ดาบ”
“อ้า…อย่างนั้นหรือครับ?”
“ใช่ครับ ว่าไปแล้วผมได้ยินมาว่าครั้งนี้เขามาพร้อมกับ ‘ปรมาจารย์เคนโด’ คุณเข้าใจใช่ไหมว่านี้มันหมายถึงซานางิแน่นอน เธอเป็นปรมาจารย์ดาบของตระกูลโอกาโมโตะใช่ไหมหละ? มีข่าวของเธอเต็มไปหมดในตอนที่เธอปลุกพลังของเธอขึ้นมาเป็นยอดมนุษย์ระดับ C ด้วยอายุเพียงแค่ 20 ปี”
“ผมก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันครับ”
มันไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกไปจากคู่ปรับของเซเลสเต้
“และฉันก็ได้ยินมาว่าอาเรนกำลังสอนลูกสาวคนโตของตระกูลโอกาโมโตะ เยี่ยม ฉันก็เข้าใจนะว่าทำไมก็มันคงมีประสิทธิภาพมากกว่าการที่จะต้องมาได้รับการฝึกสอนจากผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับคนทั่วไป”
ที่มากไปกว่านั้นก็คือเขาเป็นยอดมนุษย์แรงค์ S ที่แข็งแกร่ง
“มันแสดงให้เห็นว่าตระกูลโอกาโมโตะนั้นได้เตรียมการไว้แล้ว ก็นะมันผ่านมาตั้งหลายทศวรรษที่พวกเขาต้องอยู่ใต้เงามืดของตระกูลคอสแตนตีนิและในตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสที่จะสร้างเสริมชื่อเสียงของตนเองขึ้นมาในที่สุด”
พ่อของเซเลสเต้ ซัลวาเทอร์เร่เป็นนักดาบที่ทรงพลังแรงค์ SS ในขณะที่พ่อของซานางิ อิชเซเป็นเพียงแค่แรงค์ S เท่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับสมญานามว่า ‘ปรมาจารย์ดาบ’ ความภาคภูมิใจของเขาก็ถูกทำร้ายโดยการเปรียบกันก่อนหน้านี้ไปแล้ว
และด้วยการที่ยุคสมัยของพวกเขาได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ในตอนนี้มันเป็นยุคของลูกพวกเขา
โอกาโมโตะ อิชเซ ดูเหมือนว่ากำลังพยายามที่จะกู้คืนความภาคภูมิใจของตนโดยการให้ลูกสาวคนโตของเขาทุบตีลูกสาวของซัลวาเทอร์เร่
“หืม…”
ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องการเมืองเช่นนี้เลยว่ามันกำลังเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลัง
แล้วก็ในใจกลางของเรื่องราวทั้งหมดนี้นั้น เซเลสเต้ก็ยังตั้งใจที่จะให้ฉันคนที่เป็นเพียงแค่แรงค์ F ไปเป็นอาจารย์ของเธอและซัลวาเทอร์เร่ก็ยังอนุญาตมันอีกด้วย
อืม ฉันรู้สึกว่าตัวเองสำคัญขึ้นมาเลยนะเนี่ย
ในขณะที่ฉันกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นั้นฉันก็ได้เข้าสู้สนามกีฬาใหม่เอี่ยมที่ดูเหมือนกับห้องโถงจัดงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่
มีผู้คนมากมายที่อยู่ในเครื่องแบบสำหรับการเข้าร่วมการอภิปรายวิชาดาบ
“รุ่นพี่ คุณไปไหมมาคะ?”
ลีจุนซอกที่ได้พูดคุยกับซอดัมมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าพวกเขาจะเข้ามาในงานแล้ว ได้หยุดลงในที่สุดเมื่อเขาได้ยินเสียงของใครบางคนมาจากทางด้านข้าง
มันมาจากหญิงสาวที่อยู่ในช่วงอายุยี่สิบกลางๆ
“อ้า ฮีจอง ไม่ใช่ว่าเธอไปที่นั่งของเธอแล้วหรอกหรอ?”
“นี้คุณหมายความว่ากันนะคะ จริงๆเลย…ฉันจะไปถูกได้ยังไงถ้าไม่มีคุณ? แล้วคนที่อยู่ด้านข้างของรุ่นพี่นี้ใครกันหรอคะ?”
ดวงตาของฮีจองเปล่งประกายเมื่อเธอได้เห็นชายที่กำลังเดินมาพร้อมกับลีจุงซอก
เนื่องจากว่าเธอนั้นเป็นสมาชิกของกิลด์เวลเว็ทเหมือนกับจุนซอกและยังเป็นถึงยอดมนุษย์แรง A ทำให้ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกพูดถึงเป็นวงกว้างจากการที่ได้รับพลังไฟแรงค์ C มาในทันทีที่เธอได้ปลุกพลังขึ้นมา
ดวงตาของเธอส่องประกายออกมาเมื่อเธอได้เห็นว่าลีจุนซอกพูดคุยกับชายคนนั้นด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นด้วยความคิดที่ว่าเขาน่าจะเป็นคนดัง
“อ่อ ใช่แล้ว! นี้คือคุณซอดัม เขาเป็นฮันเตอร์แรงค์ F ที่ทำงานอยู่ในวงการนี้มานาน 15 ปี เธอเคยได้ยินชื่อของเขาบ้างไหมหละ?”
“…อะไรนะ? ร-แรงค์ F?”
เธอไม่เหมือนกับลีจุนซอกคนที่ได้แนะนำซอดัมอย่างกระตือรือร้นราวกับว่าเขาคิดว่าชายคนนี้นั้นสุดยอดมากๆ ดวงตาที่เปล่งประกายเมื่อกี้นี้ของฮีจองจางหายไปในพริบตา
ถึงอย่างนั้นเธอก็เป็นฮันเตอร์มากว่าสามปีแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามที่จะไม่แสดงมันออกมาเพราะว่าเธอยังมีมารยาทอยู่บ้างแต่ใครก็ตามที่ได้มาเห็นคงจะสามารถบอกได้ว่าเธอหมดความสนใจไปเรียบร้อยแล้ว
“อ้า….ใช่เลยฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินชื่อของคุณมาก่อน ยินดีที่ได้พบกันนะคะ”
ลีจุนซอกสังเกตเห็นการตอบรับที่ไร้ความใส่ใจแบบนี้เลยกลายมาเป็นอึดอัดแทนต่างกับซอดัมคนที่ยังคงความสงบนิ่งไว้อยู่
“อะฮ่าฮ่า เธอยังใหม่อยู่และยังไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรนะครับ”
“…อืม ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้พวกเราไปได้หรือยังครับ?”
ซอดัมพูดเช่นนั้นทั้งที่มือทั้งสองข้างกำลังปิดปากของเทเลอร์เอาไว้ขณะที่ลีจุนซอกเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
เป็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำการปิดกล่องแพนโดล่าใบนี้ซึ่งใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว
และถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวที่จะมาเป็นจุดสนใจที่นี้ซึ่งมีเหล่าคนดังอยู่เป็นจำนวนมาก
“แหะๆ ยกโทษให้กับมารยาทของผมด้วยนะครับ พวกเราก็ต้องไปหาที่นั่งแล้วเหมือนกันครับในตอนนี้เพราะว่าผมมาในนามของกิลด์นะครับ”
“ได้เลยครับ”
หลังจากที่บอกลากัน ลีจุนซอกหันไปรอบๆแต่แล้วก็มองไปที่หลังของซอดัมเมื่ออยู่ๆเขาก็คิดถึงบางอย่างขึ้นมาได้
“คุณซอดัมครับ ผมหวังว่าคุณจะเข้าร่วมในงานประชุมฮันเตอร์เกาหลีในปีนี้นะครับมันมีบางสิ่งที่ผมต้องการที่จะถามคุณเกี่ยวกับเฮลเกตนะครับ…”
“…”
เมื่อสิ้นคำพูดสุดท้ายนั้นลีจุงซอกและฮีจองก็รีบไปหาที่นั่งของพวกเขา
หลังจากที่เดินจากมาสักพักหนึ่งและพ้นจากระยะสายตาของเทเลอร์และซอดัม ลีจุนซอกมองไปที่ฮีจองและพูดขึ้น
“…ฮีจอง นั้นคือพฤติกรรมของเธอที่ใช้ทักทายกับรุ่นพี่ของเธอในตอนนี้อย่างนั้นหรอ?”
“อะไรนะคะ? มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี้ค่ะในเมื่อเขาเป็นแค่ฮันเตอร์แรงค์ F ไม่ใช่ว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดางั้นหรอคะ? ”
ถึงแม้ว่ายูซอดัมจะไม่ใช่คนดัง ผู้คนก็ยังคงรู้ว่าเขาถูกเตะออกจากกิลด์ลอสเดย์เนื่องจากว่าเรื่องนี้ได้รับการเผยแพร่ออกมา
“…ใช่แล้ว ฮันเตอร์สามัญชนที่อยู่รอดในสนามรบมาได้นานกว่า 15 ปีและยังทำได้แม้กระทั้งเอาชีวิตรอดออกมาจากเฮลเกตเธอเข้าใจบ้างไหมว่านี้มันอย่างถึงอะไร?”
“อะ เออ…มันก็เจ๊งนะคะ แต่ว่า…”
“อันฮีจอง”
ลีจุนซอกมองไปที่ฮีจองอย่างเต็มไปด้วยความสงสารและพูดขึ้น
“ฉันรู้นะว่าที่เธอกำลังติดตามฉันจนถึงตอนนี้ก็เพื่อพยายามที่จะสร้างคอนเนคชั่นและตั้งแต่ที่เธอเป็นรุ่นน้องที่ดีฉันเลยไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะว่าฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดอะไรที่จะให้รุ่นน้องได้รับคอนเนคชั่นผ่านตัวฉันเองเช่นกัน”
เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผยฮีจองเงียบปากของเธอลงในขณะที่เธอเหงื่ออันแสนเย็นยะเยือกไหลพรากเมื่อคิดไปว่าลีจุนซอกรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด
“ดังนั้นฉันเลยพยายามที่จะสร้างคอนเนคชั่นที่ดีในกับเธออีกครั้งในตอนนี้ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ฉันก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้รับความสนิทชิดเชื่อจากเขาและฉันก็อยากจะมอบสิ่งที่ฉันทุ่มเทมาทั้งหมดให้กับเธอแต่เธอกลับโยนมันทิ้งไป”
“เออ…-ข-ขอโทษค่ะ…”
“ฉันผิดหวังมากเลยนะ ฮีจอง”
หลังจากที่พูดไปแบบนั้นแล้ว ลีจุนซอกหันหลังกลับและเดินจากไป
ฮีจองยังคงอยู่ที่เดิม ขย้ำไปที่ชายกระโปรงของเธอและจมอยู่กับความคิดของตน
เธอยังไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้อยู่ดี
มันไม่ใช่เพราะว่าความภาคภูมิใจจากการเป็นแรงค์ A ของเธอหรือว่าการที่เธอได้มาจากห้ากิลด์ระดับสูงของเกาหลีที่ชื่อว่าเวลเว็ทหรือว่าเรื่องที่ว่าเธอได้กลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงตั้งแต่ที่อายุยี่สิบปี
ไม่ แต่เธอก็เห็นเขาในแบบที่เขาเป็น
‘บ้าเอ้ย….ไม่ใช่ว่าเขาก็แค่ฮันเตอร์แรงค์ F อย่างนั้นหรอ?’
เธอได้ยินมามากพอแล้วเกี่ยวกับยูซอดัม
เขาเป็นคนที่เกี่ยวข้องในสองเหตุการณ์ที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อไม่นานมานี้
แต่ถึงอย่างนั้นฮันเตอร์ผ่านศึกแรงค์ A และ S ที่มีประสบการณ์มากกว่าห้าปีที่เธอรู้จักกลับไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยอะไรก็ตามเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น
“อืม เยี่ยมมันก็สุดยอดนะแหละแต่…ไม่ใช่ว่ามันก็แค่นั้นหรอกหรอ?”
‘ไม่ใช่ว่าคนที่เคลียร์ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวในครั้งนั้นคือเทเลอร์หรอกหรอ? ก็ในเมื่อค่าของพลังงานที่วัดได้มันสูงถึงดันเจี้ยนแรงค์ SS นิ’
‘แรงค์ F มันก็มีบ้างที่ดูเหมือนว่าเขาจะฉลาดเล็กน้อย…แต่มันก็จำกัดอยู่แค่นั้นไม่ใช่หรือไง?’
’15 ปี เขาได้ทำงานนี้มานานโดยที่ไม่ได้มีพลังพิเศษมันก็สุดยอดนะ…แต่ถึงอย่างนั้นฉันว่าฮันเตอร์แรงค์ C ที่มีประสบการณ์แค่สามปีก็ยังดูดีกว่าเขาเลย’
‘ใช่แล้ว แม้แต่พวกเด็กยกของแรงค์ C ก็ยังมีประโยชน์มากกว่าเขาใช่ไหมหละ’
มุมมองของอันฮีจองนั้นถูกโน้มเอียงไปเนื่องจากการที่ได้ฟังประสบการณ์จากรุ่นพี่ของเธอในสนามรบที่ว่ายอดมนุษย์นั้นเหนือกว่าเช่นไรมาโดยตลอด
‘ฉันไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ…’
ในขณะที่เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าลีจุนซอกได้รีบเดินออกไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว
ลีจุนซอก
ฮันเตอร์แรงค์ S ที่ทำงานมานานกว่า 10 ปีและได้รับประสบการณ์จากงานที่ยากลำบากทุกรูปแบบ
เขาทำงานในอุตสาหกรรมนี้มามากพอที่จะได้เห็นหรือได้ยินมามากกว่าที่ฮันเตอร์โดยเฉลี่ยแล้วจะได้และเพราะว่าอย่างนั้นเขาเลยรู้ดี
เฮลเกต
การที่คนจะสามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากขุมนรกได้มันหมายถึงอะไร?
ซอดัมมีพรสวรรค์มาเกินกว่าที่จะต้องมาถูกปฏิบัติในแบบนี้เพียงเพราะแค่ว่าเขาเป็นแรงค์ F
บางทีถ้ามันไม่ใช่เพราะการจัดการของลอสเดย์แล้วหละก็เขาอาจจะมีชื่อเสียงดังไปทั่วทั้งโลกแล้วก็ได้ในตอนนี้
‘ฉันทำโอกาสหลุดมือไป’
คิดเกี่ยวกับมันถ้าไม่ใช่เพราะการขัดจังหวะจากฮีจองหละก็เขาน่าจะเข้าใกล้ซอดัมได้มากขึ้นอีกนิด
ทำให้ลีจุนซอกได้แต่เดาะลิ้นด้วยความขัดใจอย่างเงียบๆ