ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 59
โลกใบนี้มันเป็นสถานที่ซึ่งดาบปกครองไปทุกหนทุกแห่ง ดาบพวกนี้เป็นเหมือนกับกฎ
มิสคลีนที่เกิดมาพร้อมกับ ‘พรสวรรค์ดาบ’ ในโลกแบบนี้สามารถที่จะพูดได้เลยว่าเธอนั้นเป็นคนที่ได้รับพรมาตั้งแต่เกิด ในตอนที่เธออายุ 4 ขวบเป็นตอนที่เธอได้ถือดาบครั้งแรกและสิ่งแรกที่เธอได้เรียนรู้ก็คือวิธีการฆ่าคน
มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเธอ ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็แค่การคาดเดา,หลบหลีกและสวนกลับการโจมตีของศัตรู
วิธีการเช่นนี้นั้นได้ผลไม่ว่าเธอจะต่อกรกับใครก็ตามและแม้ว่าเธอจะเติบโตขึ้นจนเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
‘ทำไมคนพวกนั้นถึงได้ทำแบบข้าไม่ได้กันนะ?’
อาจารย์ของเธอที่เป็นคนที่ได้สอน ‘หลบหลีกและสวนกลับ’ ให้เธอเป็นครั้งแรกก็ไม่สามารถที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
‘นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
อโดเนน ชายที่กำลังทำการโจมตีใส่เธออยู่ด้วยดาบยาวของเขา สามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีของเธอได้อย่างสมบูรณ์ด้วยการก้มหลบ การโจมตีของเธอไม่ได้ดูงุ่มง่ามแต่อย่างใด มันเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งด้วยการใช้ประสบการณ์,สัมผัส และการคำนวณของเธอ ด้วยระดับความสามารถของอโดเนนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะหลบหลีการโจมตีเช่นนี้ได้
เขาสามารถที่จะหลบมันได้ราวกับว่าเขาสามารถที่จะมองเห็นอนาคตได้
นี้เขารู้ว่าข้าจะทำอะไรล่วงหน้าและหลบมันอย่างนั้นเหรอ?
ในตอนที่เขาหลบหลีกการโจมตีอย่างต่อเนื่องสามครั้งติดสำเร็จ เธอคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญทั่วๆไป เมื่อเขาสามารถที่จะหลบมันได้ห้าครั้งอย่างต่อเนื่องเธอเริ่มที่จะยอมรับว่าเขาเป็นนักดาบที่มีฝีมือ แต่เมื่อมันกลายเป็นสิบครั้งต่อเนื่องเธอเริ่มที่จะวิตกกังวลและเมื่อมันไปถึงยี่สิบครั้งอย่างต่อเนื่องภายในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง
‘ดาบของข้ารู้สึกหนักขึ้น’
มันราวกับว่า…เป็นการต่อสู้กับบอลหิมะขนาดเล็กในพายุหิมะ ซึ่งปกติแล้วบอลหิมะจะแตกออกเมื่อโดนแตะเบาๆ แต่ในตอนนี้มันกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยจนอยู่เหนือกว่าการควบคุมเป็นเพราะว่ามันได้กลิ่งลงมาจากภูเขาด้วยพายุหิมะ
ร่างกายของมิสคลีนเริ่มที่จะหนักขึ้นเรื่อยๆในทุกชั่วขณะที่เวลาได้ผ่านไปมันราวกับว่าขาของเธอได้จมอยู่ในพื้นหิมะส่วนอีกด้านหนึ่งการโจมตีของอโดเนนยิ่งแข็งแกร่งและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น
นี้เป็นครั้งแรกในชีวิตเธอที่เธอได้เจอเข้ากับกำแพงที่ไม่อาจจะข้ามไปได้มันก็ยังเป็นครั้งแรกอีกเช่นเดียวกันในชีวิตของเธอที่เธอรู้สึกกลัวการเผชิญหน้ากับใครสักคน
‘ข้าจำเป็นที่จะต้องสังหารเขาเดวนี้’
เธอไม่ได้รู้เอาเสียเลยว่าอโดเนนนั้นได้ตายลงในทุกๆครั้งที่เธอได้เหวี่ยงดาบของตนเอง ตามจริงแล้วเขาไม่สามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีของเธอได้อย่างเหมาะสมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ช่องว่างระหว่างความสามารถของพวกเขาทั้งคู่นั้นกว้างเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้นสกิลของอโดเนนก็ช่วยให้เขาไม่ตายด้วยการโจมตีแบบเดียวกันซ้ำสอง
‘บนซ้าย ฟันแบบทแยงมุม’
ตายและย้อนเวลากลับไป
‘บนซ้าย ฟันแบบทแยงมุมแล้วแทงมาที่ท้อง’
ตายและย้อนเวลากลับไป
‘บนซ้าย ฟันแบบทแยงมุมแล้วแทงมาที่ท้องจากนั้นแล้วเธอจะกระโดดเข้ามาฟันซ้ำ’
ตายและย้อนเวลากลับไป
‘บนซ้าย ฟันแบบทแยงมุม………’
ตายและย้อนเวลากลับไป
อโดเนนได้จดจำรูปแบบการโจมตีของเธอและหลบหลีกมัน เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วมันทำให้การโจมตีครั้งเดียวตายของมิสคลีนสามารถที่จะหลบหลีกได้ในไทม์ไลน์ถัดไปสำหรับอโดเนน การโจมตีของเธอเป็นเช่นเดิมเสมอมันไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลย ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
เมื่อเขาเคลื่อนไหวและทำแบบเดิมฝ่ายตรงข้ามก็ได้แต่ทำแบบเดิมอย่างไม่มีทางเลือกไม่สำคัญว่าเส้นเวลาของโลกจะได้เปลี่ยนไปมากเท่าใดมันก็ยังได้รับการตั้งค่าและโชคชะตาในรูปแบบเดิม
‘ข้าคิดไว้แล้วช่วงเวลายามพระอาทิตขึ้นนั้นเป็นเวลาที่สะดวกสะบายยิ่งนัก’
ความจริงก็คือ การย้อนเวลาแบบไม่มีขีดจำกัดของอโดเนนไม่ได้คงอยู่ในวันเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จุดของช่วงเวลาที่เขาจะถูกย้อนกลับไปนั้นจะถูกตั้งค่าใหม่ทุกครั้งในช่วงเวลาราวๆเดียวกับตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นจึงถือได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สะดวกสะบายที่สุดสำหรับเขาที่จะทำการต่อสู้กับนักดาบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตนเองเพราะว่าถ้าหากเขาตายและย้อนเวลากลับไปจากช่วงเที่ยงแทนหละก็ความทรงจำของเขาจะเริ่มสับสนงุนงงมันจะทำให้เขาลืมเลือนรูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้และสร้างความเครียดให้กับเขาจากที่ต้องรอคอยอีกฝ่ายเป็นระยะเวลาที่ยาวนานในแต่ละครั้งได้เช่นกัน
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจดจำรูปแบบการโจมตีของศัตรูเมื่อเขาตายลงและทำมันซ้ำไปซ้ำมาโดยเว้นช่วงไม่กี่นาทีเช่นนี้ เขาจะสามารถช่วงชิงพลังของศัตรูได้โดยที่ไม่ต้องรอคอยนานมากนัก
มันก็ผ่านมา 39 ครั้งแล้วนับตั้งแต่การตายครั้งแรกของเขาแต่ก่อนที่การตายครั้งที่ 40 ของเขาจะได้เกิดขึ้นกลับมี มือสไนเปอร์ซึ่งยืนอยู่ไกลออกไปจากคนทั้งคู่ได้เริ่มที่จะสงสัยว่าตนเองควรเลือกทางไหนดี
‘ฉันควรที่จะยิงใครดีนะ?’
ไม่ว่ายูซอดัมจะเลือกทางไหนก็ตามในท้ายที่สุดจะต้องไม่มีสักคนที่ตายจากการยิงครั้งนี้ถ้าหากว่าเขาเลือกที่จะยิงอโดเนนและล้มเหลวที่ในการฆ่า มิสคลีนก็จะเป็นคนที่ฆ่าอโดเนนแทนและถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นพลังของเธอก็จะถูกขโมยไปเหมือนอย่างเดิม
‘ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นแล้ว…’
ยูซอดัมได้เล็งปืนของตนเองไปทางดาบของมิสคลีน มันเป็นระยะทางที่ห่างกันพอสมควรการที่จะยิงให้โดนดาบของเธอจากระยะทางแบบนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
และสำหรับอโดเนน เขาก็จะต้องจดจำรูปแบบการโจมตีของมิสคลีนในขณะเดียวกันเขาก็ต้องทำการเคลื่อนไหวแบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มันดูราวกับว่าเป็นลูปที่ไม่มีวันสิ้นสุดซึ่งไม่มีจุดอ่อนใดๆแต่อย่างไรก็ตามหากว่าเมื่อไรมันมีใครสักคนที่รับรู้ได้ถึงเส้นเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปหละก็เรื่องทุกอย่างจะแตกต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
ความพยายามครั้งที่ 40 ของอโดเนนในการต่อกรกับมิสคลีน
‘บนซ้าย ฟันแบบทแยงมุม…แล้วก็แทงมาทางหูข้างขวาแล้วจากนั้นก็ปาดมาที่หัว!’
มันเป็นการโจมตีที่ได้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมามากกว่า 40 ครั้ง การโจมตีของมิสคลีนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยเพราะงั้นแล้วเขาเลยได้วางแผนการเคลื่อนไหวของตนเองไว้ล่วงหน้า
แต่ว่า…
ปัง!
เต๊ง-!
เสียงคำรามที่ดังสนั่นซึ่งสามารถได้ยินไปโดยรอบ ได้ทำให้ทิศทางการโจมตีของมิสลินเปลี่ยนทางไปในเวลาเดียวกัน
‘อะไร-’
เหตุการณ์เช่นนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเลยสักครั้งในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขาได้ตายลงในน้ำมือของมิสคลีนอีกทั้งเขายังไม่เคยเจอกับเรื่องลักษณะนี้เลยในร้อยกว่าครั้งที่เขาได้ย้อนเวลานับตั้งแต่ที่เขาได้รับความสามารถนี้มา
‘อนาคตกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างนั้นเหรอ?’
การโจมตีของมิสคลีนถูกบังคับให้เปลี่ยนไปจากเดิมมันเป็นผลที่เกิดจากการที่ดาบของเธอได้รับแรงกระแทกจากวัตถุบางอย่างที่ระบุไม่ได้และอโดเนนก็ถูกบังคับให้หลบหลีกมันโดยปราศจาก ‘ความทรงจำ’ ก่อนหน้าและด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นระหว่างทั้งสองคน
ด้วยเวลาเพียงเศษเสียวของการที่หัวใจใครสักคนเต้นไปหนึ่งจังหวะนั้นเอง มือสไนเปอร์ได้ยิงกระสุนอีกนัดหนึ่งไปที่หน้าผากของอโดเนน
เปรี๊ย เปรี๊ย!
“อ้ากกกก!”
มันเป็นกระสุนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานไฟฟ้า
‘บ้าเอ้ย มันเป็นใครกันวะเนี่ย?’
ขาของอโดเนนไร้ซึ่งเรี่ยวแรงก็ได้คุกเขาลง ดวงตาที่สันไหวของเขามองขึ้นไปทางมิสคลีน มันชัดเจนเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มิสคลีนก็ตกตะลึกเช่นกันแต่เธอก็ได้ยกดาบของเธอเพื่อที่จะฆ่าอโดเนนที่กำลังหยุดชะงักอยู่กับที่
สายตาของอโดเนนเริ่มที่จะพล่ามั่วและเพียงแค่ก่อนที่เขาจะหมดสติไปโดยสิ้นเชิงแป็บเดียวเท่านั้นเอง เขาได้เห็นว่ามีใครบางคนเข้ามาหามิสคลีนและจับไปที่ไหล่ของเธอเพื่อที่จะหยุดเธอจากการเหวี่ยงดาบลงมา นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็น
และเป็นด้วยเหตุการณ์เช่นนี้เองที่ทำให้เช้าวันใหม่ของอโดเนนได้สิ้นสุดลง
……………………………………………………..
……………………………………………………..
“…….!”
ท้องฟ้านั้นมืดสนิทในตอนที่เขาได้สติกลับคืนมา เขาสามารถที่จะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่กำลังคืบคลานไปทั่วทั้งร่างกายของตนเอง
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’
อโดเนนหันหน้าของตนเองและมองไปโดยรอบ เขาจะต้องอยู่นอกเมืองแน่ๆในเมื่อโดยรอบตัวของเขานั้นมันไม่มีสิ่งใดเลย
เขาพยายามที่จะเคลื่อนไหวมือของตนเองแต่มันก็ไม่เป็นผล มือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดเอาไว้อยู่
‘ใครกันที่ทำกับข้าเช่นนี้…’
สถานการณ์ในตอนนี้ของเขานั้นย่ำแย่ที่สุด มันไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการที่ถูกจับเป็นมาโดยศัตรูเพราะงั้นแล้วเขาจึงได้พยายามที่จะกัดลิ้นตนเองด้วยความคิดที่จะใช้ความสามารถในการย้อนเวลาและเริ่มต้นใหม่แต่ว่าโชคไม่ดีเอาเสียเลยที่มันมีปากกระบอกปืนค้างอันหนึ่งได้ค้างอยู่ภายในปากของเขา ณ ตอนนี้
“นี่นายรู้อะไรไหม?”
“……!”
เขาได้ยินเสียงออกมาจากด้านหน้าของเขา
‘ชายคนนี้มัน…’
มันไม่มีทางที่อโดเนนจะสามารถลืมเลือนใบหน้านี้ได้ เขาเป็นชายคนที่ได้สังหารหารตนเองลงนับครั้งไม่ถ้วนแต่น่าแปลกที่หลังจากการตายลงไปหลายสิบครั้งเขาก็ไม่สามารถที่จะขโมยเพลงดาบของชายคนนี้มาได้
“ผู้คนไม่สามารถที่จะตายลงได้เพียงเพราะว่าพวกเขากลั้นหายใจหรอกนะ ฉันจะสงสัยนายคิดจริงๆหรือว่าการกัดลิ้นตัวเองจะเป็นหนทางที่ถูกต้องแล้วนะ”
“….”
“พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือนายไม่สามารถที่จะตายได้แค่เพราะว่านายอยากที่จะตายหรอกนะ”.
แล้วยูซอดัมก็เช็คไปที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง
“ตอนนี้มันก็เป็นเวลาประมาณ 8:45 โมงเช้าแล้ว เอาให้ชัดๆเลยก็คืออีก 3 นาทีพระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว”
‘แล้วไง?’
“…ก็มันเป็นเวลาราวๆนี้ไม่ใช่หรือที่เป็น ‘เช็คพ้อย’ ของนายนะ”
“……!”
อโดเนนต้องการที่จะถามออกไปว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรแต่สิ่งที่ค้างอยู่ในปากของเขาทำให้เขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้
ชั่วครู่ให้หลัง เขาได้ยินอีกเสียงฝีเท้าหนึ่งที่กำลังเดินมาทางเขา มันเป็นเสียงฝีเท้าของมิสคลีนศัตรูซี่งเป็นเจ้าของพลังที่เขาได้ขโมยมันมา
“เธอรู้คราวๆแล้วนะว่านายทำอะไรไว้กับเธอบ้างนะ เห้อ…มันยากเอาการเลยหละสำหรับการอธิบายให้เธอเข้าใจได้นะว่านายเอาพลังของเธอไป ใครในโลกใบนี้จะไปเชื่อกันหละว่าจะมีเรื่องอย่างคนที่ย้อนเวลาได้อยู่ด้วย? เพราะงั้นฉันเลยบอกเธอแถมไปด้วยว่ามีเพียงการทำให้บริสุทธิ์เท่านั้นที่เธอจะได้รับพลังของตนเองคืน”
มิสคลีนเดินเข้ามาใกล้อโดเนนที่ถูกมันเอาไว้อยู่มากขึ้น เขาต้องการที่จะยั่วยุเธอโดยการพูดไปว่า ‘ข้าจะสังหารเข้าในทันทีที่ข้า…’ แต่ว่ามัน…..มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำอย่างนั้น
“เหลืออีก 1 นาที”
“…..!”
คิดเร็วสิ! เขาจะต้องรีบเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าหากว่าพระอาทิตย์ขึ้นในขณะที่เขายังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วหละก็….
เขาจะไม่สามารถที่จะใช้วิธีการฆ่าตัวตายได้อีกต่อไป หลังจากที่เขาได้ย้อนเวลากลับไปอย่างต่อเนื่องและช่วงชิงพลังของคนอื่นมา เขาได้กลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
และถึงแม้ว่ากุญแจมือนี้จะสามารถแตกหักได้ด้วยพลังของเขาแต่เขาคงต้องใช้เวลาในการขัดขืนไปอีก 50 ชั่วอายุคนอะนะ
หลังจากนั้น ยูซอดัมได้เทของเหลวบางอย่างลงไปจากทางเหนือหัวของอโดเนน
“นายรู้ไหมว่าอะไรคือความเจ็บปวดสูงที่สุดที่ร่างกายของมนุษย์จะสามารถรู้สึกได้นะ?”
ของเหลวที่ถูกเทลงมาที่เขานั้นคือน้ำมัน
“มันก็คือการเผาไหม้ระดับที่สี่ยังไงหละ”
ยูซอดัมได้เขวี้ยงกระป๋องน้ำมันทิ้งไปหลังจากที่ได้เทน้ำมันออกไปหมดแล้ว จากนั้นเขาได้มองขึ้นไปยังท้องฟ้า แสงแห่งรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ได้ล่องมาที่พวกเขา มันเป็นจุดเริ่มต้นของวันใหม่
“พระอาทิตย์ได้ขึ้นแล้ว”
ในเวลาที่กันกับที่ซอดัมได้พูดประโยคนี้ออกไป มิสคลีนได้โยนไฟเช็คไปทางอโดเนน
ฟู่!
แสงจากเปลวไฟนี้นั้นช่างสว่างไสวเสียยิ่งว่าแสงสว่างจากรุ่งอรุณนี้เสียอีก จุดเช็คพ้อยในการย้อนเวลาได้รับการตั้งค่าใหม่แล้ว
……………………………………………………..
……………………………………………………..
[วันที่ ณ ปัจจุบัน : ปฏิทินจักรพรรดิ 20 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 8:53]
[…เส้นเวลาของโลกเริ่มเกิดการบิดเบือน]
[สกิล ‘นักล่าตัวเอก เลเวล 3’ เปิดใช้งานเพื่อทำการตรวจจับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเส้นเวลาของโลก]
[ตัวเอกอโดเนนเรียกใช้งานสกิล ‘ย้อนกลับสู่ค่าตั้งต้น (URS)’ และย้อนกลับไปยัง 0 ชั่วโมง 5 นาทีก่อน]
[วันที่ ณ ปัจจุบัน : ปฏิทินจักรพรรดิ 20 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 8:49]
ติ้ง!
[วันที่ ณ ปัจจุบัน : ปฏิทินจักรพรรดิ 20 กุมภาพันธ์ 712 เวลา : 8:53]
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A140]
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A141]
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A142]
…
…
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A9,871]
สิ่งที่ยูซอดัมต้องทำในตอนนี้ก็คือการกระพริบตาไปมาเพื่อที่จะทำลายสภาพจิตใจของอโดเนน
ด้วยไฟเช็คในมือ เขามองดูอโดเนนตายลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จำนวนการตายนั้นค่อยๆเพิ่มขึ้นจากหลักพันไปสู่หลักหมื่น
แม้ว่าเขาจำเป็นที่จะต้องฆ่าใครสักคน เขาก็ชอบที่จะทำมันอย่างเด็ดขาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาไม่ได้มีความรู้สึกชื่นชอบใดๆจากการทรมานเหยื่อของตน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักในตอนนี้เพราะว่านี้เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะใช้ในการฆ่าศัตรูคนนี้
“นายเริ่มที่จะคุ้นเคยกับมันแล้วใช่ไหมละ?”
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A19,371]
เสียงกรีดร้องโหยหวนของอโดเนนค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆในแต่ละครั้งของการย้อนเวลาที่ผ่านไป แล้วดูเหมือนว่าในตอนนี้มันจะไม่หลงเหลือประกายแห่งชีวิตอยู่ภายในดวงตาของเขาแล้วแต่ยูซอดัมยังคงรู้สึกได้ว่าอโดเนนยังคงจับจ้องมาที่เขาอยู่
ในความทรงจำของมิสคลีนเธอคงจำได้ว่าตนเองเตะไปที่อโดเนนเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ว่าสำหรับอโดเนนแล้วมันคนเป็นการเตะที่เกิดขึ้นซ้ำกันนับครั้งไม่ถ้วน
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A30,789]
สิ่งที่อโดเนนรู้สึกได้ในตอนนี้คงเป็นความเจ็บปวดอันแสนจะน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นจากเปลวไฟที่สุดไหม้ไปทั่วร่างกายของตนเช่นเดียวกันกับความรู้สึกของการขาดอากาศหายใจจนตายที่เกิดขึ้นไม่รู้จบ
ยูซอดัมรู้ว่าเมื่อความเจ็บปวดในรูปแบบเดิมเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป คนๆนั้นจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับมันได้
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A48,921]
นับตั้งแต่ที่ยูซอดัมได้เจอกับอโดเนนมันมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาอยากรู้เป็นอย่างมาก
มันเป็นคำถามที่ว่าลูปแบบนี้นั้นสามารถที่จะใช้ย้อนเวลากลับไปหลังจากที่คนแบบนี้ได้ตายลงไปกี่ครั้งกันแน่?
หรือว่ามันเป็นไปได้ที่จะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้อย่างเป็นอมตะรึป่าว?
และถ้าหากว่าคนที่ย้อนเวลาเกิดแก่ตายขึ้นมา พวกเขาจะยังย้อนเวลากับไปเมื่อวานและแก่ตายซ้ำแบบเดิมอีกรึป่าว?
สำหรับคนที่วนลูปเช่นนี้ความตายที่เกิดจาก ‘การตายทางกายภาพ’ ก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการเผาให้ตายหรือการตัดหัวก็ตาม
แต่ถ้าหากว่าคุณยังคงเผชิญหน้ากับความตายอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าหละก็พลังใจในตัวของมนุษย์หรือในอีกคำหนึ่งก็คือ จิตวิญญาณ จะค่อยๆเหือดแห้งไป
การตายเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการตายทางกายภาพแต่ว่าเป็นการตายที่เกิดจากการที่จิตใจแหลกสลาย
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A74,123]
ยูซอดัมใช้เวลาเพียงแค่ 10 ถึง 15 นาทีในแต่ละลูป มันเป็นสั้นพอๆกันช่วงเวลาพักน้อยในโรงเรียน
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A89,213]
ภายในลูปที่ราวกับเป็นนิรันดร์เช่นนี้ จิตวิญญาณของผู้ย้อนเวลาที่ได้ถูกเผาไหม้ไปเรื่อยๆทำให้มันร้อนเสียยิ่งกว่าอาทิตย์ที่แผดเผาออกมาแต่กลับริบหลี่ยิ่งกว่าแสงเทียน
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ A99,999]
[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 90]
(ผู้แปล : ตอนแรกเลเวลก็เอกเป็น 51 นั้นแหละครับคุณไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอก ผมเดาว่าที่มันกลายเป็น 90 น่าจะเป็นเพราะว่าตัวเอกคนนี้เติบโตขึ้นระหว่างที่สู้กับมิสคลีนนะครับ(หรือไม่ก็ผู้แปลอิ้งเขียนผิดหรือลืมนะครับ 5555))
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น 4]
[ 900 วันของอายุขัยได้ถูกเพิ่มเข้ามา]
[อายุขัยคงเหลือ : 4,819 วัน 9 ชั่วโมง 53 นาที]
[ทำการเคลื่อนย้ายสู่เส้นเวลาของโลกที่ B1]
ยูซอดัมมองดูไปยังที่ๆอโดเนนเคยถูกเผา ในตอนนี้มันไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้ว
“ดูเหมือนว่าตัวเอกคนนี้จะใช้พลังในการย้อนเวลากลับไปมากอยู่นะ มันจะโอเคแน่หรือ?”
<ต้นเหตุของปัญหาในเรื่องนี้ก็คือการที่ผู้ย้อนเวลาคนนี้มีความสามารถที่ย้อนเวลากลับไปและสามารถที่จะบิดเบือนกฎแห่งกรรมของสิ่งอื่นๆในโลกใบนี้ได้นะคะ>
<เพราะงั้นต้องขอบคุณคุณนะคะที่ทำให้เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลยในขณะที่ได้ย้อนเวลากลับไปมากกว่า 100,000 ครั้งเช่นนี้>
<แผนการของคุณยอดเยี่ยมมากค่ะ>
“อย่างงั้นนะเหรอ?”
ณ จุดที่อโดเนนได้ตายลงไป ไม่ได้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นอีกไม่มีการวนลูปอีกต่อไป
[คุณได้ทำการดูดกลืนสกิล ‘เพ่งจิต (S)’]
ยูซอดัมเมินเฉยต่อข้อความใหม่ที่เด้งขึ้นมาในขณะที่เขาได้เห็นวิญญาณสีเทาได้หลุดลอยออกไปจากขี้เถ้าของอโดเนน หลังจากนั้นชั่วครู่ ยูซอดัมก็ได้หันหน้าของเขาและสบตาเข้ากับมิสคลีน
เธอมีสีหน้าที่จนปัญญากับความจริงที่ว่าเธอได้ฆ่านักรบที่แข็งแกร่งคนหนึ่งด้วยวิธีการที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับดาบเลยสักนิด
“ชายคนแรกที่สามารถจะสร้างภัยคุกคามให้กับข้าได้มากถึงเพียงนี้ในการต่อสู้กันในความจริงแล้วกับเป็นเพียงแค่คนที่ใช้เวทมนตร์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนเอง”
สายลมได้โบกสะบัดปะทะกับเส้นผมสีเงินของมิสคลีน รูปลักษณ์ในมุมด้านข้างของเธอค่อนข้างที่จะน่าจับตามอง มันเป็นความสวยงามที่เปล่งประกายออกมาไม่ใช่เพียงเพราะว่าเธอเป็นหญิงสาวที่สาวงามแต่เป็นเพราะว่าเธอนั้นแข็งแกร่ง
มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาของฉันเท่านั้นนะ แต่ว่า…
คงไม่ใช่ว่าอโดเนนนั้นได้รับเธอมาเป็นสหายหลังจากที่ได้ดูดกลืนพลังของเธอไปจนหมดแล้วหรอกนะ?
มันค่อนข้างจะเป็นการคาดเดาที่สมเหตุสมผลกับความเป็นไปได้ที่ตัวของอโดเนนในอนาคตจะทำกับมิสคลีนเช่นนั้นหลังจากที่เขาได้เอาความแข็งแกร่งทั้งหมดของเธอไปและเปลี่ยนให้เธอกลายมาเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอ
อโดเนนคงจะไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบนั้นใช่ไหมนะ? แต่ว่าเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องของแท็ก ‘ตัวละครรอง’ ที่อยู่เหนือหัวของมิสคลีน ความเป็นไปได้ของการคาดเดาที่ฉันได้คิดไว้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
หลังจากที่ตัวเอกได้ตายลง แท็กคำว่า ‘รอง’ จากคำว่า ‘ตัวละครรอง’ ได้หายไปในตอนนี้เธอสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของเธอเองโดยที่ไม่ต้องเป็นเพียงแค่ตัวละครรองในโลกใบนี้ที่ทุกสิ่งทุกอย่างของตนเองวนเวียนอยู่รอบๆ
ตัวเอกเท่านั้น
“อืม…”
เธอกำมือของตนเองและพูดกับฉัน
“ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของเขาภายในตัวข้าจะถูกทำให้บริสุทธิ์แล้ว ข้าสามารถที่จะรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของข้าที่ค่อยๆกลับคืนมา”
“อย่างนั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเธอจะยังไม่ได้กลับไปอยู่ที่จุดเดิมของตนเอง
“ข้าก็ไม่ได้แน่ใจในเรื่องนี้มากนักแต่ข้าสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างคล้ายกับ ‘แหล่งพลังงาน’ของความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในร่างกายของข้า…และมันดูราวกับว่าข้าสามารถที่จะกำหนดสัดส่วนของมันไปยังแนวทางที่ข้าต้องการได้”
“หะ?”
[มิสคลีนได้เปิดใช้งานสกิล ‘การลงค่าสถานะ (-)’]
มันไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนักกับร่างกายของเธอยกเว้นเพียงแค่ความสูงของเธอที่ค่อนข้างจะต่ำกว่า 170 เซนติเมตรแต่กลับกันบรรยากาศตัวรวมรอบตัวเธอกลับเปลี่ยนแปลงไป
“นับตั้งแต่ที่ข้ายังเป็นเด็ก ร่างกายของข้าก็มักจะแข็งแกร่งและทรงพลังมากยิ่งขึ้นแต่ข้ามักที่จะด้อยกว่าคนอื่นในเรื่องของความว่องไวและความคล่องตัวอยู่เสมอ”
“โอ้ว จริงรึ?”
มิสคลีนปิดดวงตาของเธอและจับไปที่ดาบของเธอ เธอยกมันขึ้นไปในอากาศและกระแทกมันลง กระบวนการพวกนั้นถูกเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่ช้าเป็นอย่างมากแต่ก็มีบางสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม
เพลงดาบเก่าของเธอนั้นทรงพลังและหนักหน่วงแต่ด้วยเพลงดาบใหม่ของเธอในตอนนี้มันกลับดูเบาเป็นอย่างมากแต่ใช่มันยังคมและรวดเร็วกว่าเดิมเช่นกัน
นี้นับเป็นการถือกำเนิดขึ้นของเพลงดาบรูปแบบใหม่
มิสคลีนที่มักจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยเพลงดาบที่ช้าแต่ทรงพลังยิ่งกว่าใครๆ ได้โยนรูปแบบเก่าของตนเองทิ้งไปโดยสมบูรณ์และปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบใหม่
มันเป็นเพลงดาบซึ่งเขาไม่กล้าเอาชีวิตของตนเองเข้าไปเสี่ยง
มันเป็นเพลงดาบของคนๆหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักล่าในโลกแห่งดาบใบนี้
มันเป็นเพลงดาบที่มนุษย์อันแสนต่ำต้อยเช่นเขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึงมัน
มิสคลีนได้เปิดตาของเธอขึ้นและยิ้มออกมาเบาๆและตบไปที่ไหล่ของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การตบเบาๆเท่านั้นมันก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
“ข้าจะชดใช้ให้กับเจ้าสำหรับการล้มจอมขมังเวทย์ตนนี้รวมทั้งยังช่วยให้ข้าได้รับพลังกลับคืนมา”
แล้วเธอก็ชี้ไปที่ดาบอีเทอร์ที่ห้อยอยู่ที่เอวของฉัน
“ข้าจะสอนวิชาดาบให้กับเจ้าเอง”