ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 7
มอนสเตอร์โดยส่วนมากจะปกคลุมไปด้วยอีเทอร์แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกมันทั้งหมดที่จะเป็นแบบนั้นซะทีเดียว
มันก็เหมือนกันกับพวกยอดมนุษย์ที่ปลุกพลังด้าน ‘ความแข็งแกร่งทางกายภาพ’
มันเป็นรูปแบบที่ธรรมดาที่สุดและเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่จะใช้อีเทอร์ เสริมความแข็งแกร่งร่างกาย
พวกเขาเหล่านั้นจะมีชั้นบาง ๆ ของอีเทอร์ปกคลุมอยู่ที่ผิวที่จะดูดซับอีเทอร์เข้าสู่ร่างกายพวกเขาและแปลงสภาพนั้นไปสู่พลังงานที่พวกเขาสามารถใช้ได้
ในตอนแรก มนุษย์ที่มีพลังพิเศษดูเหมือนกับมอนสเตอร์พวกนั้นในจุดนี้ทำให้ทำให้มีคนจำนวนมากเรียกพลังพิเศษนี้ว่าเป็นพลังของมอนสเตอร์
ที่ต้องพูดแบบนี้ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นมนุษย์แต่ฉันต้องคิดว่ามันเป็นเหมือนกับมอนสเตอร์
มานาที่เป็นพิษ
มันเป็นสภาวะที่บางครั้งก็เกิดขึ้นกับคนที่มีพลังพิเศษ
มีอย่างน้อยสองหรือสามเงื่อนไขที่ตรงกันก่อนที่มานาของมนุษย์จะเกินพิกัด
ในตอนที่พวกเขาได้เข้าสู่สภาวะของมานาเป็นพิษพวกเขาจะสูญเสียซึ่งเหตุและผลและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปราบพวกเขาอย่างง่าย ๆ เพราะว่าพลังของพวกเขานั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมานาที่เป็นพิษ
แต่ถึงจะพูดยังไงก็ตาม ยังไงซะมันก็ต้องถูกประหารอยู่ดี
คลิก!
ฉันมองลงไปที่ระเบิดมือ 5 ลูกที่อยู่ในมือฉัน ที่เอามันมาจากคิมจีแท
พวกเหนือมนุษย์ส่วนมากเชื่อในทักษะของพวกเขาดังนั้นปกติพวกเขาจะไม่พกอุปกรณ์อะไรมากมาย
แกร๊ก แกร๊ก!
ฉันโยนระเบิดไปหนึ่งลูกแล้วตามด้วยที่เหลือหลังจากนั้นก็ยิงปืนตามไปอย่างลวก ๆ
แบง!!
“กว้ากก…!”
ระเบิดพวกนั้นได้ระเบิดในจุดที่ต่ำกว่าข้อเท้าของมันและได้ฉีกกระฉากเกราะอีเทอร์จากร่างกายส่วนล่างของมัน
โดยที่ไม่พลาดโอกาส ฉันพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยดาบอีเทอร์ในมือของฉัน
บูม!!
“..ฮับ!”
อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ตัวนั้นได้คืนสมดุลจากแรงกระแทกอย่างรวดเร็ว และได้ฉีกกระฉากอากาศด้วยการกระแทกหมัดของมัน
มันรู้สึกเหมือนกับปืนใหญ่ได้ยิงมาที่ฉันพร้อมด้วยเสียงที่ดังสนัน
แต่ถึงอย่างงั้นก็ตาม ฉันก็สามารถเห็นได้ว่ามันกำลังเข้ามาและสามารถที่จะตัดมันแยกออกได้ด้วยดาบอีเทอร์ของฉันก่อนที่จะสไลด์ไปด้านข้าง
“กร้าวววว!!”
ฉันต้องไม่พลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่สิ เพราะฉันนะเป็นฮันเตอร์แรงค์ F ธรรมดา ๆ ที่แสนอ่อนแอ ไม่ได้รับสิทธิให้พลาดได้
ทันทีที่ฉันเขาสู่ระยะของมันฉันกลิ่งไปที่ด้านข้างของมันอย่างรวดเร็วและในตอนที่ฉันกลิ่งไปการตรงนั้นแล้ว ขาขนาดมหึมาของมอนสเตอร์นั้นก็ได้กระทืบลงมา
แคร็ก…!
พื้นตรงนั้นได้แตกออกเป็นรอยใยแมงมุมและสร้างหลุมที่กว้างกว่า 5 เมตร
ฉันชิงความได้เปรียบจากการกระเด็นโดยคลื่นกระแทกนี้ยิงไปที่หน้าของมันด้วยปืนของฉันก่อนที่ตกลงไกลออกไป
แล้วมันก็ยกแขนขึ้นโดยสัญชาตญาณมาปิดหน้าของมันแม้ว่ามันจะถูกยิงไปแล้วก็ตาม
นั้นเป็นข้อแตกต่างระหว่างมอนสเตอร์และมนุษย์
เจ้านี้มันล้มเหลวที่จะละทิ้งสัญชาตญาณมนุษย์
‘ตอนนี้แหละ!’
ปัง ปัง ปัง!
หลังจากการยิงไปที่มอนสเตอร์ทั้งสามครั้งอย่างต่อเนื่องด้วยปืนพกของฉัน มอนสเตอร์ก็ได้เหวี่ยงแขนของมันและทุบไปที่พื้นดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมที่จะโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเลยสินะ
ตูม….
แต่ว่านะ
“….!”
การเคลื่อนไหวของมันชัดเจนอย่างมากสำหรับฉัน
ฉันเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อนหรือป่าวนะ?
ฉันต้องคาดการณ์และหลบหลีกการโจมตีของศัตรูอยู่เสมอ และทั้งหมดที่ฉันทำได้คือต้องคอยระวังและอดทน
เปรียบเทียบกับฮันเตอร์คนอื่น ๆ คนที่เป็นรุ่นน้องฉัน ถ้าเป็นในอดีตฉันคงต้องเคลื่อนไหวทั้งร่างกายของฉันมาตรงนี้และเพื่อแค่จะล่อมอนสเตอร์ให้มันลดการป้องกันลงด้วยการทนการโจมตีสองสามครั้งโดยอุปกรณ์กาก ๆ ของฉัน
แต่ในตอนนี้ฉันเห็นมันได้อย่างชัดเจนเลย
‘นี่…เป็นสิ่งที่ฮันเตอร์คนอื่น ๆ รู้สึกใช่ไหมเนี่ย?’
มั่นใจในตัวเองในทักษะของตัวฉันเองและต้องไม่ประมาท!
หมัดที่ขนาดยักษ์ของมอนสเตอร์นั้นได้พุ่งตรงไปที่ฉันไปในจุดที่ฉันเคยอยู่ ฉันหลบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ฉันไม่เห็นมอนสเตอร์เหนือหัวฉันอีกต่อไป
ไม่ ให้ถูกจริง ๆ คือการโจมตีส่วนใหญ่ได้ถูกเบี่ยงเบน
มันอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้
ที่จะพยายามทำอะไรบ้า ๆ อย่างการเบี่ยงหมัดโดยการดูดซับแรงกระแทก
อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถทำมันได้แล้วในตอนนี้
หมัดได้ถูกเบี่ยงไปด้านข้างด้วยดาบอีเทอร์ของฉัน
หรือไม่หมัดนั้นก็จะเฉียดร่างกายของฉันและพลาดที่จะโดนฉันโดยห่างแค่เพียงนิ้วเดียว
มันเป็นไม่ได้ที่จะหยุดมันทั้งหมดโดยสมบูรณ์ดังนั้นฉันเลยยิงไปที่หมัดของมันด้วยปืนพกของฉันเพื่อเบี่ยงวิถีของมันออกไป
ถึงแม้ว่าปืนพกอีเทอร์จะเป็นปัญหาใหญ่เมื่อต้องการที่จะใช้มันในการที่จะปลดเกราะอีเทอร์ของมอนสเตอร์แต่มันชัดเจนเลยที่ว่าปืนพกอีเทอร์นั้นประกอบไปด้วยแรงผลักดันที่มหาศาลที่จุดตกกระทบ
ฉันกำลังใช้มันในการป้องกัน
ในจังหวะที่ถูกต้องถ้าฉันยิงไปในจุดที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำมัน แรงกระแทกจะสามารถเบี่ยงการเคลื่อนไหวได้อย่างแน่นอน
และ
ไม่นานมันจะกลายมาเป็นการสร้างโอกาสให้กับฉัน
“ชึบ!!”
เมื่อฉันเฉือนดาบผ่านลำคอของมัน มอนสเตอร์นั้นก้าวถอยหลังออกไปด้วยความประหลาดใจ
แต่แม้ว่ามันจะก้าวถอยออกไปแล้ว ฉันก็ได้วิ่งตรงไปหามันและในตอนที่มันตั้งตัวได้เรียบร้อยแล้วระเบิดก็ได้กลิ่งไปบนพื้นเรียบร้อยเช่นกัน
บ-บูม!!
เมื่อมันสูญเสียการทรงตัว ก็เกิดกระกายแสงที่ส่องสว่างออกจากมือของฉัน มันเป็นดาบที่ปกคลุมไปด้วยอีเทอร์
การเคลื่อนไหวรูปแบบใดที่มนุษย์สามารถทำได้บ้างนะหรือ?
แล้วเพลงดาบใดที่จะเราได้ใช้บ้างนะ?
ไม่ใช่แค่ว่าเราทำมันโดยการออกแรงมากขึ้น เร็วขึ้น ทรงพลังขึ้นในตอนที่เราเหวี่ยงดาบของเราอย่างโง่เขลาหรือ?
เพลงดาบหรือนั้นทั้งหมดจริง ๆ แล้วมันเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวที่ไร้ประโยชน์และไร้ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามเพลงดาบทั้งหมดที่ฉันเคยได้เห็นในโลกใบนี้ได้รับการคลี่ออกในใจฉัน
วิชาดาบของตัวเอกที่ได้ร่ำเรียนและพัฒนามานานกว่าหนึ่งพันปี ไม่ใช่วิชาดาบของคนสมัยใหม่เหมือนกันฉันคนที่มีอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น
[สกิลเพลงดาบสีขาว (S) – ได้เปิดใช้งาน]
[รูปแบบที่หนึ่ง อันตรวินิจไร้ใจ]
มันเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
และพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำ
วิชาดาบที่แสนจะลึกลับซับซ้อนที่ดูเหมือนว่าจะได้ถูกกางออกที่ปลายนิ้วของฉัน
ฉันรู้ขีดจำกัดของร่างกายฉันดี
พรสวรรค์ชำนาญดาบระดับ A+ ทำให้ฉันแสดงประสิทธิภาพได้อย่างดีเยี่ยมเมื่อจับดาบและเพลงดาบสีขาวก็ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับฉันที่จะเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับว่าฉันกำลังร่ายรำ ฉันได้ตรงไปด้านหน้าแทงดาบกระหน่ำไปทั่วเหมือนกับน้ำตกและลึกซึ้งอย่างรุนแรงราวกับเป็นพายุไต้ฝุ่น
“กว้าก!”
ในตอนที่มอนสเตอร์ได้อาละวาดอีกครั้งฉันก็ได้ขว้างระเบิดออกไป
จริง ๆ มันยากสำหรับฉันที่จะลดระยะห่างลง
“…อ้า”
บูม!
เหมือนกับว่ามอนสเตอร์ตนนี้จะรู้ว่าระเบิดในมือฉันมันอันตรายคงเพราะว่ามันยังมีความฉลาดเหลืออยู่บางส่วนดังนั้นมันเลยพยายามที่จะหลบเลี่ยงระเบิดนั้น
แต่นี้มันเป็นวิธีที่ฉันทำได้อย่างดีเยี่ยมอยู่แล้วก่อนที่ฉันจะได้รับพรสวรรค์ของชำนาญดาบมาซะอีก
ลูกระเบิดได้ลอยไปในอากาศคล้ายกับลูกบาสเก็ตบอลบินตรงไปตรงจุดที่มอนสเตอร์กำลังอาละวาดอยู่เหมือนกับว่ามันมีความคิดของมันเองและระเบิดไปที่หัวของเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้น
โดยรู้ดีว่าฉันไม่สามารถพลาดโอกาสนี้ไปได้ฉันก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็วหายไปจากตำแหน่งปัจจุบันของฉัน
มันเป็นโอกาสนี้โอกาสเดียวเท่านั้นสำหรับฉัน
ฉันเอาระเบิดลูกสุดท้ายออกมาและดึงสลักออก
ฉันต้องขว้างมัน
คลิก!
ระเบิดที่ซึ่งได้พลาดลื่นไถลออกจากมือฉันค่อย ๆ ตกลงไปที่พื้นอย่างช้า ๆ
“…!!”
ไม่สำคัญว่าพวกมันจะไร้ซึ่งเหตุผลอย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์และสัตว์ป่าเหล่านี้มีความสามารถในการปรับตัว
มันสังเกตเห็นความผิดพลาดของฉันและรีบพุ่งมากที่ฉันอย่างรวดเร็ว
มันคิดว่ามันคงจะต้านทานระเบิดได้และอัดฉันจนเละในเวลาเดียวกัน
แต่…
มันเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจ
ฉันฟื้นคืนจากความงุ่มง่ามของฉันในพริบตาและมองไปที่ระเบิดบนพื้นเหมือนว่าฉันมองไปที่ลูกกอล์ฟ
มอนสเตอร์นั้นไร้การป้องกันโดยสมบูรณ์เพราะงั้นฉันได้ใช้สันของดาบอีเทอร์ตีลูกระเบิดไปที่ปากของมัน
(ผู้แปล : ปังย่า)
ถัดจากนั้นฉันยิงปืนพกของฉันไปที่ใต้คางของมันคล้ายกับหมัดอัปเปอร์คัต
“กึก!”
เมื่อปากของมันได้ถูกปิดสนิทฉันรวบรวมมานาไปที่แขนและแทงดาบอีเทอร์ไปที่คางของมัน
แล้ว
…ตะ-ตะ-ตูม!!
ภายในร่างกายของมอนสเตอร์ได้มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นแล้วมันก็ล่วงลงไปที่พื้นอย่างช้า ๆ
ตูม…!
“ฟู…”
ปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าฉันออกและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตอนที่ฉันมองไปที่ซากมอนสเตอร์นั้น
……………………………………………………..
ตูม…!
ริมผีปากของคิมจีแทสั่นสะท้านในตอนที่เขามองไปที่มอนสเตอร์ที่สามารถอัดเขาเละไปกับพื้นได้อย่างง่ายดาย ในตอนนี้มันได้ตกลงสู่ลงที่พื้นแล้ว
“โอ้ มายก็อต…”
ในมุมมองของเขาเป็นหลังของยูซอดัมที่ดูสูงใหญ่ขึ้น
เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
คนธรรมดาทั่ว ๆ ไป คนที่ไม่มีอุปกรณ์จะสามารถจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ที่มีแรงค์แบบนั้นได้ “อย่างง่ายดาย”
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่จะเป็นฝ่ายชนะ
ด้วยชุดสูทอีเทอร์และอุปกรณ์เต็มสูบ อย่างน้อยที่สุดต้องมีสามคนในการรับมือเพื่อที่จะปราบมอนสเตอร์ในแรงค์เดียวกัน
ในทางตรงกันข้าม คิมจีแทคิด “ไม่ว่าจะมีอุปกรณ์ที่แพงมากเท่าใด ฉันก็ไม่สามารถที่จะล้มมอนสเตอร์แรงค์ C ได้ด้วยตัวคนเดียว”
นี้เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกของฮันเตอร์ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามเป็นบางครั้งคราว
ที่จะมีคนบางพวกที่เหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของคนทั่วไป
มันพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางของมหาสมุทรแปรซิฟิก มีเกตลึกลับที่ถูกเรียกว่า “เฮลเกต” ที่นำไปสู่อีกโลกหนึ่ง
ทหารผ่านศึกคนที่คุ้นเคยกันการเดินทางไปรอบ ๆ พื้นที่แบบนั้น สถานที่ที่สามัญสำนึกพื้นฐานและหลักการไม่สามารถนำไปใช้ได้ ไม่ใช่แค่การล่ามอนสเตอร์ที่มีแรงค์เดียวกันกับพวกเขาเท่านั้นแต่ยังสามารถที่จะล่ามอนสเตอร์แรงค์ที่สูงกว่าได้ด้วยตัวพวกเขาเอง
แต่…
นี่มัน มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
กับมอนสเตอร์ที่น่าเกรงขามที่มีความแข็งแกร่งอย่างน้อยที่แรงค์ B ถูกล้มลงโดยฮันเตอร์แรงค์ F คนที่มีเพียงแค่ปืนพกถูก ๆ และดาบอีเทอร์ทั่ว ๆ ไป
คิมจีแทตัวเขาก็เองได้พ่ายแพ้ในการปะทะกันในเรื่องของความแข็งแกร่งในเวลาไม่กี่วินาที
การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าสามารถที่จะคุณได้
อย่างไรก็ตามยูซอดัมเข้าต่อสู้โดยไม่แม้แต่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันพื้นฐานด้วยซ้ำและในท้ายที่สุดก็ล้มเจ้าตัวแบบนั้นได้ในการต่อสู้
“หน่วยสนับสนุนฉุกเฉินได้มาถึงแล้ว!”
[ปิ๊บ! กลุ่ม 7 รายงานตัว สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?]
“มัน…”
ในทันทีที่ได้ยินเสียง คิมจีแทก็ได้หันหน้ากลับไปตรวจสอบเสียงที่มาจากทางด้านหลัง
มีฮันเตอร์แรงค์ A 3 คนที่สวมใส่ชุดสูทสีน้ำตาลเข้มที่กำลังเหงื่อตก
ทหารแรงค์ A จากกองบัญชาการหลักสำหรับการป้องกันประจำเมืองหลวงที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการล่าเหล่ามอนสเตอร์
เป็นกลุ่ม 7 ของกองกำลังสนับสนุนฉุกเฉินสำหรับภัยพิบัติในกรุงโซล
พวกเขาเหล่านี้พึ่งจะมาถึงโดยอาศัยเฮลิคอปเตอร์ กำลังอยู่ในอาการสับสนงุนงงเมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่สถานีได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว
“นี่มันเกิดบ้า…อะไรขึ้นที่นี้?”
เมื่อถูกถามโดยยางซอนยองฮันเตอร์แรงค์ A และเป็นหัวหน้าของกลุ่ม 7 ของหน่วยสนับสนุน ยูซอดัมคนที่มาถึงก่อนตอบกลับแทนคิมจีแท
“ฉันเป็นฉันฮันเตอร์ที่บังเอิญผ่านมาตอนเหตุการณ์บัดซบนี้เกิดขึ้นเพราะงั้นฉันเลยจัดการมันไปแล้วหละ”
เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกตอนที่เธอได้ยินรายงานของยูซอดัม
มอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ระหว่างแรงค์ B กับแรงค์ A มันได้สร้างหายนะตรงใจตรงสถานีมหาลัยคอนกุกและทีมที่รับมือกับเหตุการณ์นี้ก็เป็นแค่แรงค์ D 5 คนและแรงค์ C 1 คนเท่านั้น
ไม่ใช่แค่การทำลายล้างเท่านั้นแต่ความเสียหายโดยรอบที่พวกเขาคิดว่ามันจะต้องมากมายแน่ ๆ เพราะงั้นพวกเขาเลยรีบไปตรวจดูรอบสถานทีแต่โชคดีที่มันดูเหมือนว่าจะได้รับการจัดการเป็นอย่างดีโดยฮันเตอร์ผ่านศีกคนนี้คนที่ดูเหมือนว่าจะแค่ผ่านมาโดยบังเอิญ
“โฮ ฉันดีใจมาก ๆ ที่มีฮันเตอร์มือโปรอยู่ที่นี้ฉันจะต้องรายงานความสำเร็จของคุณกับเบื้องบน คุณช่วยแสดง ID การ์ดให้ฉันดูได้ไหมคะ?”
“ได้แน่นอน”
ซอดัมก็ตั้งใจที่จะโชว์ไอดีการของเขาให้เธอดูอยู่แล้วเพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานให้ฟรี ๆ
เมื่อเห็นมันฮันเตอร์แรงค์ A ทั้งสามคนได้หายใจเข้าอย่างหนักหน่วง
“แรงค์ F …ถ-ถูกต้องใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ”
“…คุณจัดการเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นคนเดียวแน่ใช่ไหมคะ?”
มันเป็นไปไม่ได้
เขาน่าจะแค่หนึ่งในคนที่ยืนดูฮันเตอร์คนอื่นในเหตุการณ์ซะมากกว่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจางซอนยองคิดเช่นนั้น
ไม่ใช่ว่าเขาใส่แค่ฮูดดี้สีดำกับกางเกงวอร์มและมีแค่ปืนพกกับดาบอีเทอร์ติดตัวแค่นั้นหรือ?
มันไม่สำคัญว่าพวกยอดมนุษย์แรงค์ A จะแข็งแกร่งมากขนาดไหน คนพวกนั้นก็ไม่สามารถจัดการกับมอนสเตอร์แรงค์ A ด้วยอุปกรณ์เช่นนั้นได้
แต่
“ใช่สิ ไอ้เจ้าคนไร้ค่านี้ก็นอนแบะอยู่ตรงนี้และฉันก็จัดการมันคนเดียวถ้าคุณต้องการที่จะจ่ายก็จ่ายมันใช้ฉันทั้งหมดนั้นแหละ”
“โอ้ว…”
เขาตอบตามความเป็นจริง
เธอได้มองไปที่ ID การ์ดของยูซอดัมอีกครั้ง
‘แรงค์ F…#15?’
พระเจ้าช่วย
คน ๆ นี้ไม่ใช่แค่แรงค์ F ธรรดา ๆ ทั่วไป
ฮันเตอร์ผ่านศึกคนนี้คือคนที่อยู่รอดมานานเป็นเวลา 15 ปีผ่านการทำงานอย่างหนักในสนามรบที่โหดร้าย มันหาได้ยากจริง ๆ
แม้กระทั้งยอดมนุษย์คนที่มีพลังพิเศษที่พบได้เป็นปกติคือถ้าเจ็บหนักไม่ก็พิการในสนามรบไม่งั้นแล้วก็คงจะเกษียณออกไปในสภาพจิตใจที่เหนื่อยล้าเต็มที
แต่ฮันเตอร์คนนี้กำลังทำงานในปีที่ 15 ของเขา
‘ไม่ว่าคุณจะธรรมดาแค่ไหนคุณก็สามารถทำสิ่งแบบนี้ได้งั้นหรือถ้าคุณสู้ในสนามรบมานานกว่า 15 ปี?’
ไม่มีทาง
เธอบันทึกข้อมูลของยูซอดัมลึกลงไปในสมองของเธอ
มันเป็นเพราะว่าพวกเขาจำเป็นต้องติดต่ออีกฝ่ายตอนที่พวกเขาต้องจัดพิธีฉลองเพื่อตอบแทนให้กับคุณงานความดีของเขาในภายหลัง
“ฮันเตอร์คิมจีแท ถ้างั้นแล้วเราสามารถมอบคริสตัลอีเทอร์ให้กับฮันเตอร์ยูซอดัมที่อัตรา 100% ได้ใช่ไหมคะ?”
“อ้า นี้มัน…”
ตอนที่คิมจีแทกลายมาเป็นรู้สึกปันปวนข้างใน ยูซอดัมได้พูดออกมา
“เจ้านั้นไม่มีคริสตัลอีเทอร์”
“อะไรนะ…?”
มันไม่เกินไปเลยที่จะพูดว่าคริสตัลที่ได้รับการสกัดออกมาจากหัวใจมอนสเตอร์คิดเป็น 50% ของรายได้ฮันเตอร์
แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่มอนสเตอร์ทั้งหมดจะต้องมีคริสตัลอีเทอร์ภายในมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ซอนยองไม่เข้าใจคำพูดของซอดัมในทันที
“มันไม่ใช่มอนสเตอร์แต่มันเป็น ‘มนุษย์ที่กลายพันธ์’”
สังคมที่พวกยอดมนุษย์มีได้กลายมาเป็นตัวตนในระดับสากล
ตอนนี้แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ยังมีพรสวรรค์และถ้าพวกเขาเหล่านั้นสามารถที่จะได้รับการศึกษาที่วิทยาลัยของเหล่ายอดมนุษย์ได้
ในขณะที่ระดับคุณภาพการศึกษาของพวกยอดมนุษย์ได้เพิ่มขึ้น สัดส่วนของคนพวกนั้นที่ได้รับประสบการณ์มานาเป็นพิษก็ได้ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติดังนั้นแล้วในทุกวันนี้มีฮันเตอร์บางคนด้วยซ้ำที่ไม่เคยได้ยินคำว่า ‘มานาเป็นพิษ’
“ถ้าคุณไม่เชื่อฉันหละก็งั้น…เฮ้ คิมจีแท”
“ครับ!”
“ลงไปที่สถานีใต้ดินและหิ้วร่างไอ้พวกตูดหมึกทั้ง 5 คนขึ้นมาสิ”
“น-นี่…”
แล้วคิดจีแทก็เริ่มที่จะเหงื่อแตกออกโดยไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลยสักคำซอนยองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เช่นกัน
ในพวกเขาทั้งห้าคนต้องมีอย่างน้อยที่สุดหนึ่งคน
ถ้าหนึ่งในเลือดของฮันเตอร์เหล่านั้นได้ถูกวิเคราะห์และมานาเป็นพิษได้รับการตรวจจับ
ถ้าเป็นเช่นนั้นทุกอย่างที่ซอดัมพูดจะเป็นความจริง
‘แต่ทำไมเขาถึงต้องการที่จะซ่อนความจริงด้วยหละ?’
มันชัดเจนที่มันจะเป็นที่น่าอับอายสำหรับคนที่มานาเป็นพิษที่จะมาจากกิลด์แต่ซอดัมและซอนยองไม่เข้าใจว่าทำไมคิดจีแทต้องรู้สึกอับอายด้วย
ในตอนที่ฉันกำลังพยายามที่จะถามเขา เหล่านักวิจัยในชุดคลุมสีขาวและชายในชุดสูทก็เข้ามาและบล็อกฉันจากด้านหน้า
“ร่างกายเหล่านี้จะได้รับการตรวจสอบโดยพวกเราแล้วจึงส่งคืนครอบครัวของพวกเขาดังนั้นไม่ต้องกังวลและพักได้แล้วครับ”
“อ้า อะไรนะ โอเค”
ซอดัมผงกหัวของเขาลงและเช็คไปตราบนไหลของพวกเขา
แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว
“บริษัทเภสัชกรรมคิเนติก?”
มันเป็นชื่อที่คุ้นเคย
จากอะไรก็ตามที่ฉันจำได้มันเป็นบริษัทที่ตายไปแล้วอย่างชัดเจนแต่มันไม่คิดเลยว่าจะได้มันพวกเขาอีกทีที่นี้ในตอนนี้
ฉันมองไปที่พวกเขาที่กำลังเร่งรีบทำความสะอาดร่างกายของฮันเตอร์เหล่านั้นแล้วถามคิมจีแท
“เฮ้ พวกเขาดูแลเรื่องการทำความสะอาดพื้นที่สำหรับลอสเดย์ใช่ไหม?”
เมื่อฉันถามคิมจีแท เขาเหงื่อตกและพยักหน้า
“อ้า ใช่เพื่อคุณภาพชีวิตของฮันเตอร์ที่ดีขึ้นพวกเขาดูแลร่างของมอนสเตอร์หลังจากที่มันถูกล่าแล้ว”
ในเวลาเดียวกันที่คิมจีแทกำลังถามว่าเขาจะต้องถูกส่งไปรับการลงโทษจากทางกองทัพหรือป่าว
“มันแปลก ในทันทีที่ฉันออกจากกิลด์พวกเขาก็ร่วมมือกับคนพวกนั้น”
ซอดัมมีความประทับใจแย่ ๆ กับบริษัทเภสัชกรรมคิเนติก
ในทันทีที่ฉันถูกเตะออกจากกิลด์ มันชัดเจนเลยที่ลอสเดต์ได้ดูดกลืนบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกเหมือนกับว่ามันรอให้ฉันโดนเตะโด่งออกไป นี่มันทำให้ฉันได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาเลย
แต่มันไม่มีอะไรที่ฉันสามารถค้นหาได้ในตอนนี้ดังนั้นแล้วฉันจึงได้ดึงสติตัวเองกลับมา
ฉันไม่คิดว่าทุก ๆ สิ่งเหล่านี้ฉันจะสามารถจัดการกับมันได้เพราะยังไงซะฉันมันก็เป็นแค่แรงค์ F ในตอนนี้ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม
มองไปที่ยางซอนยองคนที่มองมาที่ฉันด้วยตาที่เป็นกำลังประกาย ฉันถาม
“ถ้างั้นแล้วฉันไปได้แล้วใช่ไหม”
“ด-ได้ค่ะ? แน่นอนค่ะ ตอนนี้พวกเราได้รับข้อมูลของคุณแล้วเราจะดำเนินการดำเนินกระบวนการจ่ายทรัพย์สินที่ได้รับค่ะ”
“โอเค ขอให้เป็นวันที่ดีนะ”
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ”
ซอดัมพยักหน้าตอบ ยางซอนยองแสดงวันทยาหัต์ให้ด้วยความชื่นชม
คิมจีแทกลืนน้ำลาย
มันเป็นเพราะว่าในท้ายที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าฮันเตอร์แรงค์ F คนที่เคยได้รับการละเลย นั้นมีค่าพอที่จะได้รับวันทยาหัตถ์จากฮันเตอร์แรงค์ A
ซอดัมคนที่มีร่องรอยแห่งความสุขปรากฎขึ้นที่หน้าของเขา ทันใดนั้นก็ได้เข้าหาคิมจีแทที่กำลังลังเลอยู่และตบไปที่หลังของเขาอย่างแรง
ปาบ!
“เอื้อก!”
“ตั้งแต่นี้ไปอย่าได้ใช่ชีวิตแบบเลื่อนลอยอีกและทำงานให้หนักขึ้น เข้าใจไหม?”
“ค-ครับ? ได้ครับผม”
“ดี งั้นฉันไปแล้วนะ”
กับคิมจีแทคนที่พฤติกรรมได้เปลี่ยนไปแบบ 180 องศาในตอนที่ยูซอดัมได้จากไป
…กลับไปในจุดที่เกิดอุบัติเหตุที่สถานีรถไฟใต้ติน
“แย่มาก สถานีรถไฟใต้ดินถูกทุบทำลายทั้งหมดเลย”
มองไปที่ภาพเบื้องหน้าในทีสุดเขาก็เดินออกมากและเรียกแท็กซี่
“มันเป็นปกติใช่ไหมที่แรงค์ F จะล่ามอนสเตอร์แรงค์ B คนเดียว?”
ยางซอนยองส่ายหน้าให้กับเขา
“แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว…แต่ถ้าคุณสวมใส่อุปกรณ์ราคาแพงมันก็จะเป็นเรื่องที่ต่างออกไป…”
แต่เขาตัวเปล่าปราศจากอุปกรณ์สวมใส่สักกะชิ้นเดียว
“มันเป็นไปได้ยากมากไม่ใช่แค่ในเมืองของเราเท่าแต่ในต่างประเทศก็เหมือนกัน”
และในวันถัดมา เหมือนอย่างที่ซอนยองคาดไว้ คลิปวีดีโอได้หลุดกระจายไปในโซเชียลเน็ตเวิร์ค