ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 90
“จากวันนี้ไป ฉันจะเปิดเผย “เวทมนตร์” สู่โลกใบนี้ค่ะ”
ในขณะที่เสียงของเอวานได้ส่งผ่านออกไปโดยไม่มีความลังเลใจใดๆเจือปนอยู่เลย ทําให้เทเลอร์ไนน์แสดงสีหน้าที่ซับซ้อนออกมา
“เวทมนตร์?”
เทเลอร์รู้เกี่ยวกับเวทมนตร์เพียงเล็กน้อย เธอรู้แค่ว่ามันเป็นความสามารถที่ยูซอดัมใช้บ่อยๆ เดิมที่เธอคิดว่าเวทมนตร์แบบนั้นควรที่มีแค่ยูซอดัมคนเดียวที่ใช้ได้เท่านั้น ถึงแม้ว่า เธอจะรู้ตัวตนของเครื่องราง แต่ว่าเธอไม่เคยคิดเลยว่าเครื่องรางจะเป็นสิ่งของที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์
“แต่นั้น…”
เวทมนตร์ที่ถูกใช้ออกมาด้วยยูซอดัมแตกต่างออกไปอย่างสมบูรณ์จากสิ่งที่เธอกําลังเห็นอยู่ในตอนนี้ ทุกครั้งที่ยูซอดัมใช้มัน มันจะมีวงเวทย์ที่เรืองแสงออกมาอย่างสว่างไสวซ้อนกันสามหรือสี่วงในอากาศก่อนที่เวทมนตร์จะถูกเรียกใช้งาน อย่างไรก็ตามเวทมนตร์ของเอวานกลับถูกเรียกใช้งานผ่านอุปกรณ์บางอย่าง ไม่มีวงเวทย์เกิดขึ้น ดังนั้นมันเลยดูเหมือนเป็นเพียงแค่พลังพิเศษทั่วๆไป
แน่นอนว่านั้นไม่ได้หมายความว่าเวทมนตร์ของเอวานไม่ได้พิเศษ
บางที่เอวานคงเตรียมการแสดงครั้งนี้ไว้ล่วงหน้า มีนักเวทย์มากกว่าสามคนรวมทั้งตัวของเอวานเอง ได้ขึ้นมาแสดงเวทมนตร์แบบต่างๆ พวกเขาได้แสดงพลังเหนือธรรมชาติหลากหลายประเภทออกมา
มีคนที่สามารถจะใช้พลังหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน อย่างตัวเช่น ใช้ทั้งคําสาปปิดกั้นการมองเห็นและพลังสายโจมตีได้ในเวลาเดียวกันและอีกคนก็สร้างโล่พลังงานในขณะที่ครอบครองความสามารถเสริมร่างกายในเวลาเดียวกัน
ทั่วทั้งโลกใบนี้ มีเหล่ายอดมนุษย์เพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้นที่ครอบครองความสามารถ “สายธาตุ” เพิ่มเติมจากความสามารถพิเศษเดิมได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนมากของคนพวกนี้แล้วจะ มีความสามารถในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน และมีพวกเขาเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความสามารถพิเศษแบบคู่ที่ไม่หักล้างกันเองแบบคนอื่นๆ และไม่มีใครในโลกใบนี้ที่มีพลังพิเศษ “สายธาตุ” มากกว่าหนึ่ง
อย่างไรก็ดี เหล่านักเวทย์ที่อยู่เบื้องหน้าของเทเลอร์ได้เรียกใช้พลังธาตุที่หลากหลายออกมาในเวลาเดียวกัน
พวกเขาเรียกกระแสลมขึ้นมาในขณะเดียวกันก็สร้างเปลวไฟขึ้น สร้างกําแพงดินให้พูดขึ้นมาพร้อมกับสร้างน้ําแข็งขึ้นมากลางอากาศ ระดับพลังงานของมันเองอยู่ในระดับของแรงค์ B แต่ความจริงตรงหน้าของทุกๆคนที่มีคนๆหนึ่งสามารถใช้งานความสามารถหลายอย่างได้ผ่านการ “เรียนรู้” ก็เป็นสิ่งที่จะพลิกคว่ําโลกทั้งใบได้
เทเลอร์ส่งข้อความไปหายูซอดัมในทันที
[เทเลอร์ : เฮ้]
[เทเลอร์ : ตอนนี้นายอยู่ไหน?]
เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
[ซอดัม : อเมริกา]
[เทเลอร์ : ทําไรอยู่?]
[ซอดัม : ฉันพบมิติดีๆบางที่ด้วยหละ…]
[ซอดัม : ตอนนี้พวกเรากําลังทําการเชื่อมต่อมิติกับประตูมิติหลายๆบานไปยังทีต่างๆทั่วโลกเลยนะ ดังนั้นมิติแห่งนี้ก็จะสามารถใช้เป็นฐานแห่งใหม่ของกิลด์พันธมิตรมริมได้เลย]
[ซอดัม : แล้วไม่ใช่ว่าเธอกลับไปรัสเซียแล้วหรอกเหรอ?]
[เทเลอร์ : แม่นแล้ว]
[เทเลอร์ : นายกําลังดูถ่ายทอดสดอยู่ไหมตอนนี้?]
[ซอดัม : ถ่ายทอดสดอะไร?]
[เทเลอร์ : เดวฉันส่งลิงก์ไปให้]
มันไม่ได้เป็นปัญหาเลยเพราะว่าการถ่ายทอดสดนี้พึ่งจะเริ่มไปแค่ไม่กี่นาทีก่อนเอง แค่ให้เวลามันสักพัก เดวผู้คนก็จะพากันบ้าคลั่งเอง เทเลอร์คิดว่ายูซอดัมควรรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เพราว่าอีกไม่นานนี้ ตัวตนของเขาเองก็จะสอดคล้องกับคําว่า “เวทมนตร์” เหมือนกันและเธอคิดว่าถ้าหากว่าคนอื่นได้มันไปก่อนหน้าเขา เขาอาจจะมีปัญหาได้
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น การตอบรับของยูซอดัมกลับค่อนข้างที่จะเฉยๆ
[ซอดัม : โอ้ว…พวกเขารวมเวทมนตร์เข้ากับวิทยาศาสตร์สินะ]
เทเลอร์ผงะไปกับการตอบสนองมันเฉยชาของเขา
[ซอดัม : ที่พวกเขาสร้างเครื่องมือเพื่อให้งานเวทมนตร์ขึ้นมาก็เพราะว่าพวกเขาไม่รู้วิธี การสร้างไม้เท้าหละมัง?]
[ซอดั้ม : ฉันควรเรียกนั้นว่าตัวปล่อยอีเทอร์ดีไหมนะ?]
[ซอดัม : มันยอดดีนะ]
จุดที่เขาสนใจดูเหมือนว่าจะเป็นเทคโนโลยีนั้นของกิลด์โมเรียนแทน
[เทเลอร์ : เฮ้! รู้สึกว่ามันอัตรายสักหน่อยสิเห้ย!]
ซอดัมเงียบหายไปสองสามนาทีก่อนที่จะตอบกลับไป
[ซอดัม : ก็ฉันไม่คิดว่ามันจําเป็นเลยนิ]
แล้วเขาก็เพิ่มไปอีกประโยคว่า
[โซอดัม : ตราบเท่าที่คนพวกนี้ไม่ได้ข้ามเส้นหละก็]
อย่างไรก็ตาม
ในขณะเดียวกันกับที่เทเลอร์กําลังอ่านข้อความสุดท้าย
“นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่เวทมนตร์สร้างขึ้นได้ มันเป็นแค่หนึ่งในเวทมนตร์นับไม่ถ้วน! ด้วยเวทมนตร์มันเป็นไปได้สําหรับพวกเราที่จะเปิดประตูของ “ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยว” ที่พวกเราไม่อาจจะตีความมันได้!”
พูดแบบนั้นแล้ว เอวานก็ได้ชี้ไปที่ด้านหลังของเธอ ที่นั้นมันมีคําที่กําลังลอยอย่างแปลกๆอยู่ที่ เขียนว่า “ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยว” ส่องประกายออกมาราวกับว่าเป็นภาพลวงตา
ตึกๆนี้ที่ได้จัดงานเลี้ยงอัศวินขึ้นอยู่ที่กรุงมอสโคล และไม่เคยถูกใช้งานเลยจนกระทั้งถึงทุกวันนี้นับตั้งแต่การปรากฏตัวของตัวแปรที่เรียกว่าดันเจี้ยนเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน
เทเลอร์ก็เคยสงสัยเช่นกันว่าทําไมรัฐบาลรัสเซียถึงได้ตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงที่ตึกๆนี้ สถานที่ที่มีดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวตั้งอยู่
“ไม่มีทางน่า นี่แม่งคงไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม?”
ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแห่งนี้ซึ่งได้ปรากฏขึ้นที่กรุงมอสโคเมื่อนานมาแล้ว ได้ถูกทิ้งไว้อย่างไร้รอยขีดขวนมานานกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ที่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไป โชคยังดีที่การตีความยังคงดําเนินต่อไปอย่างช้าๆบนพื้นฐานของทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อันหลากหลายที่อยู่เหลือทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้วจนกระทั้ง “การประสานตัว” ได้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามผู้คนจํานวนมากต่างเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์มันออกมาได้ด้วยพลังของวิทยาศาสตร์เพียงลําพัง
แต่ในตอนนี้ โมเรียนได้ประกาศออกมาผ่านการถ่ายทอดสดนี้ว่าเงื่อนไงทั้งหมดที่ใช้ในการเข้าดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวซึ่งได้กระจายไปทั่วทั้งโลกและไม่สามารถจะตีความมันได้นั้นชัดเจนเลยว่า มีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์
“นับจากตอนนี้ไป พวกเขาจะตีความดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวที่สร้างปัญหาให้กับกรุงมอสโคมานานกว่า 10 ปี แห่งนี้”
และแล้ว ยูซอดัมก็ส่งข้อความอีกอันให้กับเทเลอร์ในขณะที่กําลังดูการถ่ายทอดสดนี้ไปด้วย
[ซอดัม : ไอ้พวกโง่เอ้ย!]
ตามจริงแล้วมันไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้ว่าพวกเขาจะเปิดดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้ก็ตาม ส่วนมากของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวจะมีระดับอยู่ที่ระหว่างแรงค์ A และ S และการเปิดเกตๆนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเกิดอุบัติเหตุขึ้นในทันที
“หลักๆของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวซึ่งปรากฏตัวในช่วงเวลาปัจจุบันจะประกอบไปด้วย “พลังงานที่ระบุไม่ได้” วิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันไม่สามารถที่จะคาดเดาถึงพลังงานที่ระบุไม่ได้เหล่านั้น แต่จริงแล้วพลังงานที่ระบุไม่ได้เหล่านั้นนะเป็น แกนพลังงานที่เป็นแหล่งพลังงานของเวทมนตร์ค่ะ”
วิ้งงงง
เครื่องจักรขนาดยักษ์หมุนและเริ่มตีความทางเข้าของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแห่งนี้
“นับจากตอนนี้ไป เมื่อไหรก็ตามที่มีดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็จะไม่จําเป็นที่จะต้องเกรงกลัวมันเพราะว่าพวกเราไม่รู้ว่ามันจะมีการประสานเกิดขึ้นเมื่อไหรอีกต่อไป พวกเราจะสามารถทําการฟื้นฟูดินแดนที่เคยถูกทอดทิ้งเอาไว้ได้ เพื่อเป็นการพิสูจน์คําพูดของฉันเอง ในวันนี้ ฉันจะตีความดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวในกรุงมอสโคแห่งนี้ค่ะ ฉันจะเปิดเกตนี้และโจมตีมันด้วยเหล่าฮันเตอร์ที่สวมใส่เครื่องราง
มีเหล่าฮันเตอร์อยู่ 27 คนถัดจากเอวาน มีฮันเตอร์แรงค์ S 7 คนและฮันเตอร์แรงค์ A 20 คน ซึ่งพวกเขาแต่ละคนสวมอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘เครื่องรางเอาไว้’ ดังนั้นพวกเขาเลยมีความสามารถที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ s ได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ดีพวกเขายังไม่ได้เข้าใจความจริงอยู่เรื่องหนึ่ง
[ซอดัม : นี้มันค่อนข้างที่จะเป็นอันตรายเลย]
[โซอดัม : ถ้าหากว่าดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวถูกปล่อยทิ้งไว้โดยที่ไม่ได้รับการเปิดเป็นเวลานานหละก็แก่นพลังงานจะถูกสะสมและพลังงานภายในดันเจี้ยนแห่งนั้นก็จะได้รับการยกระดับขึ้น]
ตามจริงแล้วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซอดัมได้พุ่งเป้าไปที่ “ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยว” มากกว่าที่จะเป็นดันเจี้ยนทั่วๆไป ส่วนมากของดันเจี้ยนทั่วไปมักจะถูกมอบให้กับกิลด์อื่นๆเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันแทบจะไม่มีที่ว่างให้กับกิลด์เล็กๆแบบเขาเลย
และในขณะที่เขาได้โจมตีดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวจํานวนมากเหล่านั้น เขาก็ได้ค้นพบความจริงบา งอย่างเกี่ยวกับมันว่าเมื่อดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวถูกละเลยไว้ช่วงเวลาหนึ่ง พลังงานภายในของดันเจี้ยน แห่งนั้นจะถูกสะสมและใช้ออกไป ด้วยพลังงานนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งสุดๆอย่างบอ สหรือมอนสเตอร์ชั้นสูงบางส่วนจะถือกําเนิดขึ้นจากพลังงานนั้น!
[ซอดัม : ครั้งล่าสุดที่ฉันได้ลงดันเป็นดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวอายุห้าปี…เหล่ามอนสเตอร์แรงค์ S พากันปรากฏตัวออกมาอย่างบ้าคลั่งในทันทีที่ฉันได้เปิดเกตนั้น]
[ซอดัม : ฉันต้องดิ้นรนถอยรนสุดกําลังเลย]
[ซอดัม : ด้านในของดันเจี้ยนแห่งนั้นแน่นเอี้ยดไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์เลยหละ]
เหล่าแม่มดแห่งศตวรรษที่ 21 พวกนั้นจะไปรู้ข้อมูลเหล่านี้ที่แม้แต่ฮันเตอร์ผ่านศึกที่มีประสบการณ์ 16 ปีและห้องสมุดของแม่มดขาวก็ยังไม่รู้ได้ยังไงกัน?
ยูซอดัมได้ส่งข้อความถัดไปในกับเทเลอร์และส่งเทเลพาที่ให้กับเยคาเทริน่าผ่าน “ห้องสมุดของแม่มดขาว”
[ซอดัม : รีบออกมาจากที่นั้นด่วนๆเลย]
– เธอไม่ควรที่จะอยู่ที่นั้นในตอนนี้ เธอควรที่จะออกไปโดยเร็วเลย บางสิ่งบางอย่างที่อันตรายกําลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามพวกเธอทั้งคู่ได้ปฏิเสธเขา
พวกเธอรับรู้ได้ว่านี้เป็นโอกาสที่พวกตนจะสามารถปลดโซ่ตรวจแห่งโชคชะตาอันมหึมาที่เหนี่ยวรั้งพวกเธอเอาไว้อยู่ในตอนนี้ได้
[เทเลอร์ : ไว้ค่อยคุยกันนะ]
– ไม่ค่ะ ฉันมีงานที่ต้องทําอยู่
พวกเธอทั้งคู่ได้เดินไปยังจุดๆเดิมที่เธอเคยอยู่
เทเลอร์ได้พูดกับอเล็กซานเดร
“ถ้าหากว่าดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้ระเบิดออกมันจะเป็นอันตราย พวกเราจําเป็นที่จะต้องออกไปจากที่นี่และเตือนคนอื่นๆ!”
ในขณะเดียวกับเยคาเทริน่าก็พูดกับเอวาน
“เอวาน คุณไม่ควรที่จะเปิดดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้นะ”
แต่ว่า
“เทเลอร์ บลิสแตน ไม่ว่าจะทั้งเรื่องความโง่เง่าและการนอกลู่นอกทางของเธอตั้งแต่เมื่อ 16 ปีก่อนก็มากพอแล้ว นี่เป็นเวลาสําคัญสําหรับพวกเราที่จะได้รับพลังอํานาจใหม่และก้าวต่อไปข้างหน้า”
อเล็กซานเดร บลิสแตน ยอดมนุษย์แรงค์ S ที่ไม่สามารถจะไปถึงความฝันของการกลายเป็นยอดมนุษย์แรงค์ SS อันแสนห่างไกลของเขาได้ มันไม่มีทางที่เขาจะหันหลังให้กับพลังอํานาจที่ระบบไม่ได้ที่เรียกว่า “เวทมนตร์” นี้ซึ่งสามารถที่จะทําให้ความฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมาได้หรอก
เช่นกัน เอวานก็พูดในสิ่งที่คล้ายกับออกมา
“พวกเราต้องการที่จะเปิดเผยเวทมนตร์ของพวกเราให้กับโลกได้รับรู้ เธอต้องการที่แทรกแซงอย่างงั้นเหรอ? ถ้าหากว่าเธอไม่อยากที่จะถูกขังไว้อีกหละก็เงียบๆไปซะ”
หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนาน ในที่สุดเธอก็ประสานเวทมนตร์ที่ไม่สมบูรณ์ด้วยวิทยาศาสตร์ได้สําเร็จ และได้สร้างสถานที่ซึ่งเธอสามารถที่จะแพร่ขยายอิทธิพลของตัวเองในโลกใบนี้ออกไปได้ด้วยเวทมนตร์
“เธออยากที่จะให้ฉันปล่อยโอกาสแบบนี้ไปงั้นหรือ? ไม่มีวันซะหรอก”
และแล้ว
บานประตูของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแห่งนี้ก็ได้ถูกเปิดออกในที่สุด
“อ้าาาาาา!”
“ด..ดันเจี้ยนนี้แม่งเต็มไปด้วยฝูงมอนสเตอร์!”
“มอนสเตอร์โผล่ออกมามากเกินไปแล้ว”
เป็นเช่นเดียวกับสิ่งที่ยูซอดัมได้พูดเอาไว้ ดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ระเบิดออกและเหล่ามอนสเตอร์ที่ทรงพลังต่างพากับโผล่ออกมาจากด้านในดันเจี้ยนแห่งนี้
“เป็นไปไม่ได้”
เอวานก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็วจากบริเวณใกล้เคียงปากทางเข้าของดันเจี้ยน หน้าตาของเธอซีดเซียว
“มอนสเตอร์พวกนี้เป็นแรงค์ A ไม่ก็สูงกว่านั้น”
ไปไงมาไงก็ไม่อาจทราบ เหล่ามอนสเตอร์แรงค์ A ได้รับการปฏิบัติราวกับว่าเป็น “ฝูงลูกกระจ๊อก” ด้านในดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแห่งนี้ การต่อสู้จริงๆจะเริ่มจากเหล่ามอนสเตอร์แรงค์ S
อย่างน้อยที่สุด ดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแห่งนี้คงจะต้องเป็นแรงค์ SS
นี้มันสถารการณ์อะไรกันแน่เนี่ย? สถานที่แห่งนี้ควรที่จะเป็นสถานที่ที่เธอได้รับการจดจํามายิ่งขึ้นด้วยการเปิดเผยตัวตนของเวทมนตร์ในกับคนในโลกใบนี้ได้รับรู้สิ
มันเป็นตอนนี้เท่านั้นเองที่เอวานจําคําเตือนของเยคาเทริน่าได้ เธอค่อยๆหันไปยังด้านหนังของเธอ เยคาเทริน่าได้ยืนอยู่ที่นั้นในขณะเดียวกันก็กําลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าตามปกติของเธอ
“เยคาเทริน่า”
“เอวาน ฉันเตือนคุณแล้ว”
“แต่นี้มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สําหรับความฝันของพวกเรานะ”
“ฉันรู้”
มันเป็นเอวานเองที่เป็นคนที่อยากจะให้ตัวตนของแม่มดได้รับการเปิดเผยออกไปสู่โลกภายนอกอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมานี้มันโหดร้ายเกินไปจะต้องมีผู้คนมากมายเพียงใดกันที่ ถูกฆ่าตายลงด้วยการกระทําของเธอในเหตุการณ์ครั้งนี้? คนจํานวนเท่าไหรกันที่เธอจะสามารถซื้อได้ด้วยข้อตกลงแลกกับพลังเวทมนตร์? เธอต้องข่มเหงเยคาเทริน่ามานานแค่ไหนกันเพื่อมาถึงจุดๆ
ดังนั้นแล้ว เยคาเทริน่าจึงได้ตัดสินใจที่จะต่อรองกับเอวานในท้ายที่สุด
“เอวาน มาทําข้อตกลงกัน”
“อะไรนะ?”
“เป็นข้อตกลงที่อยู่ภายใต้เงื่อนไข กฏของแม่มดมันเป็นข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบที่ ไม่ว่าใครก็มิอาจบิดพลิ้วได้”
เมื่อเยคาเทริน่ากล่าวถึงกฎของแม่มดออกมา นัยน์ตาของเอวานได้หดเล็กลง มันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่แม่มดที่เติบโตขึ้นมาจะไม่รู้ถึงเรื่อง “กฎของแม่มด” กันแต่ว่ามันไม่ได้เป็นส่วนสําคัญ
“ฉันอาจจะไม่มีพลังพอที่จะเอาชนะมอนสเตอร์เหล่านั้นที่หลบหนีออกมาจากดันเจี้ยนนั้น ได้…แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดฉันก็สามารถที่จะปิดเกตนั้นได้”
“เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก เครื่องมือที่ใช้ในการปิดเกตยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา !”
“มันไม่ใช่แค่ว่าเธอไม่อยากที่จะเชื่อว่าฉันไม่สามารถที่จะปิดเกตลงได้ไม่ใช่หรือไง?”
ด้วยคําพูดนั้นเอง เอวานได้เบิกตาของตัวเองกว้าง
เอวานเป็นแม่มดที่ได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย แม้ว่าเธอเข้าใจสถานการณ์ช้าไปอยู่บ้างเนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดไว้นี้ เธอก็ทําสิ่งต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ
“เธอต้องการอะไรตอบแทน?”
“ให้คํามั่นสัญญากับฉันด้วยกฏของแม่มด ว่าถ้าหากว่าฉันปิดประตูดันเจี้ยนนี้ได้ กิลด์โมเรียนจะต้องปล่อยฉันไป”
เอวานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปสักพักหนึ่ง แต่ไม่มีทางเลือกอื่นเลย
เอวานได้แต่ผงกหัวของเธอ แต่เธอไม่อาจที่จะซ้อนการแสดงออกที่แสนงุ่มงามของเธอเอาไว้
“ดี ถ้าหากว่าเธอปิดประตูนั้นได้หละก็ ฉันจะเติมเต็มคํามั่นสัญญาของฉันอย่างแน่นอน”
มันเป็นเรื่องยากที่จะต้องยอมรับว่าเวทมนตร์ของเธอเองนั้นอ่อนแอกว่าเยคาเทริน่า