ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 22 เยี่ยนจ้าวเกอจะพลาดท่าแล้วหรือ
เหวินหนิงจือยิ้มพลางส่ายศีรษะ “แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีศักยภาพอันน่าทึ่ง แต่ในตอนนี้เขายังไม่ได้มีความสำคัญอะไร”
“ที่สำคัญคือท่านผู้อาวุโสเยี่ยน บิดาของเขา” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเหวินหนิงจือทุ้มต่ำลง สีหน้าก็จริงจังและดุดันขึ้น “การแย่งชิงระหว่างท่านผู้อาวุโสเยี่ยนและท่านผู้อาวุโสฟางมาถึงจุดวิกฤติแล้ว การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยล้วนมีผลต่อการตัดสินใจในท้ายที่สุดของเจ้าสำนักคนเก่า”
“เยี่ยนจ้าวเกอคือจุดอ่อนของท่านผู้อาวุโสเยี่ยน” เหวินหนิงจือยิ้มอย่างเยียบเย็น “ใครๆ ล้วนบอกว่าพ่อลูกตระกูลเยี่ยนคือพ่อพยัคฆ์ที่ไม่มีทางมีลูกสุนัข แต่ข้ากลับเห็นต่าง พวกเขาเป็นพ่อพยัคฆ์กับลูกสุนัขต่างหาก หากท่านผู้อาวุโสเยี่ยนต้องพ่ายแพ้ ก็เป็นเพราะลูกชายที่มักหาเรื่องให้กับเขา ดังคำกล่าวที่ว่าทำนบพันลี้พังทลายลงเพราะรังมด”
เหวินหนิงจือผุดลุกขึ้น “ภายหลังเจ้าก็จะเข้าใจเอง ว่าแท้จริงแล้วบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐาน แค่ ‘ความสงสัย’ ก็เพียงพอที่จะส่งผลต่อความรู้สึกของคนหนึ่งที่มีต่ออีกคนหนึ่งแล้ว”
“ส่วนเตาผลึกหินชั้นใน เฮอะ จะเป็นสิ่งที่เด็กอมมือปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสร้างขึ้นมาได้อย่างไรกัน”
คนที่อยู่เบื้องหน้าเขาตะลึงงันไปชั่วครู่ “ท่านผู้อาวุโสเหวิน ท่านหมายความว่า…”
เหวินหนิงจือกล่าวอย่างเรียบนิ่งว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นแผนการของท่านผู้อาวุโสเยี่ยน”
“หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอทำเพื่อเอาหน้า สร้างความดีความชอบให้บิดา ก็ต้องเป็นผู้อาวุโสเยี่ยนที่จงใจแบ่งผลความดีความชอบให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ เพื่อปูทางให้บุตรของตน”
“ข้าถึงได้บอกอย่างไรเล่า ว่าจะช้าหรือเร็ว ท่านผู้อาวุโสเยี่ยนก็ต้องพังพินาศด้วยน้ำมือของเด็กคนนี้”
ขณะที่พูด สีหน้าของเหวินหนิงจือก็พลันเจ้าเล่ห์ขึ้น “แต่ผลสุดท้ายกลับทำลายอาจารย์ของข้า”
จอมยุทธ์ที่อยู่ด้านข้างก้มศีรษะลง ไม่กล้าเอ่ยอะไร
เขาผู้เป็นคนสนิทของเหวินหนิงจือรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอทำให้ผู้อาวุโสชุยแห่งวิหารปฏิบัติกิจถูกปลดออกจากตำแหน่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังต้องถูกไต่สวนอย่างละเอียด ซึ่งผู้อาวุโสชุยคืออาจารย์ของเหวินหนิงจือ
ถึงแม้ว่าวรยุทธ์ของเหวินหนิงจือจะแก่กล้ากว่าอาจารย์มาก ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงให้ความเคารพกับผู้อาวุโสชุยเป็นอย่างมาก
เขาทำอยู่หลายวิถีทาง ทั้งยังขอให้เหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออกช่วยพูดให้ก็แล้ว ทว่าก็ทำได้เพียงช่วยให้ท่านผู้อาวุโสชุยมีชีวิตที่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เรื่องมาถึงขั้นเสียตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจไปแล้ว ผู้อาวุโสชุยรอดไปได้อย่างปลอดภัย แต่จะมีชีวิตในช่วงบั้นปลายโดยที่ไม่ต้องโทษได้หรือไม่นั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ยังไม่อาจรู้ได้
ฝั่งหนึ่งคือลูกชายแท้ๆ ของผู้อาวุโสเยี่ยน อีกฝั่งคือชนชั้นกลางที่มีความสามารถลึกล้ำ เห็นได้ชัดว่าระดับพลังของทั้งสองฝ่ายอยู่คนละชั้นกัน
หากแตะต้องเยี่ยนจ้าวเกอ ผลลัพธ์คงไม่ดีแน่ ก่อนผู้อาวุโสชุยลงมือก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว ทว่าคิดไม่ถึงว่านอกจากตนเองจะไม่ได้รับสิ่งใดแม้สักนิด มิหนำซ้ำยังไม่ได้สร้างผลงานอีกด้วย
และที่สำคัญ ไม่เพียงแต่ทำไม่สำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอยังมองเจตนาของเขาออก และเปิดโปงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีความดีความชอบ แถมยังต้องโทษอีกด้วย
แล้วจะทำให้คนที่อยู่เบื้องบนออกแรงปกป้องเขาได้อย่างไรเล่า
‘ท่านอาจารย์แก่ชราแค่เพียงกาย ทว่าจิตใจไม่ยอมชราภาพไปตามนั้น เขาไม่ยอมฟังคำเตือนของข้า รั้นจะลองดูเสียให้ได้ เพื่อช่วงชิงให้ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แต่ใครจะคาดคิดเล่า ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะขุดหลุมฝังเขาแทน’ เหวินหนิงจือรู้สึกหงุดหงิดมาก จึงคิดในใจด้วยความรู้สึกแค้นเคืองอยู่บ้าง ‘แต่ว่า ท่านอาจารย์ ช่องโหว่ที่ท่านหามาได้ช่างเยี่ยมยอดเสียจริง นิสัยสุนัขแก้ไม่ได้ เจ้าเยี่ยนจ้าวเกอบ้าระห่ำจนเคยชิน ในที่สุดก็เหยียบกับดักเข้าให้แล้ว’
จอมยุทธ์ที่อยู่ข้างกายกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “อย่างไรเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นบุตรของท่านผู้อาวุโสเยี่ยน ถึงครานี้ท่านจะทำสำเร็จ แต่หลังจากนั้นท่านก็ต้องแบกรับไฟโทสะจากท่านผู้อาวุโสเยี่ยนเช่นกันนะขอรับ”
เหวินหนิงจือยิ้ม “หากสำเร็จ ก็มีคนเบื้องบนช่วยข้าทัดทานท่านผู้อาวุโสเยี่ยนอยู่แล้ว”
“ตัวข้าไม่ได้มีช่องโหว่หรือจุดอ่อนใดให้อีกฝ่ายจับได้ อีกทั้งการที่คนเบื้องบนจะปกป้องข้าก็เป็นเรื่องง่ายนัก”
“เอาล่ะ นำเรื่องนี้ไปรายงานให้ท่านผู้อาวุโสเหยียนทราบ แล้วก็ส่งข่าวกลับไปทางสำนักด้วย”
“ดูสิว่าครั้งนี้เจ้าเด็กน้อยตระกูลเยี่ยนจะเอาตัวรอดได้อย่างไร สุดท้ายแล้วข้าจะถลกหนังมันออกมาให้จงได้! ”
…
หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอคุยกับสวีชวนได้ครู่ใหญ่แล้ว จึงหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาวางตรงหน้าสวีชวนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ศิลาลายเมฆนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหุบเขาวายุวิญญาณอย่างนั้นหรือ”
ศิลาลายเมฆเป็นศิลาแก้วสีเหลืองอ่อน ลวดลายที่อยู่บนผิวของมันมีลักษณะเหมือนกับเมฆสีขาว
นี่คือหนึ่งในสิ่งของที่สวีชวนมอบให้เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อไปถึงเมืองใกล้ปราการ และมันยังเป็นสิ่งที่มีเฉพาะละแวกใกล้เคียงเท่านั้น เมื่อนำมาวางไว้ข้างๆ ขณะที่จอมยุทธ์ฝึกฝน จะช่วยทำให้จิตใจสงบ อีกทั้งยังช่วยให้อัตราการฝึกฝนเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อยอีกด้วย
สวีชวนผงกศีรษะ “ถูกต้อง เกิดขึ้นจากหุบเขาวายุวิญญาณ”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วมือสัมผัสลูบศิลาลายเมฆนั่น แล้วพยักหน้า “ผลลัพธ์ไม่เลวเลยทีเดียว”
สีหน้าของสวีชวนไม่เปลี่ยนแปลง ทว่ากลับรู้สึกหวั่นใจอยู่เล็กน้อย
ด้านนอกของหุบเขาวายุวิญญาณมีหุบเหวปราการมังกรกั้นเอาไว้ ภายในจึงไม่ต้องแก่งแย่งกับผู้มีอำนาจอื่น ทั้งทรัพยากรที่ผลิตได้ก็อุดมสมบูรณ์ แม้ว่าผู้ที่ประจำการอยู่จะอยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ ทว่ากลับปฏิบัติงานมากเท่ากับภายในของอาณาจักรถังตะวันออก
ไม่เหมือนดังเช่นเมืองใกล้ปราการ ที่แม้ว่าตำแหน่งจะสูงส่ง แต่การทำงานกลับหนักหน่วง หากเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องกลายเป็นผู้รับผิดชอบไปโดยปริยาย
เหวินหนิงจือ ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณเป็นคนสนิทของเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออก และเป็นคนฝ่ายเดียวกับอาจารย์ลุงรองของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน
สวีชวนกำลังคิดในใจ สายตาพลางมองไปยังศิลาลายเมฆที่อยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาเคยเห็นของสิ่งนี้มามากแล้ว ทว่าดูอย่างไรก็ยังมองไม่ออกว่ามีอะไรเป็นพิเศษ
‘ของชิ้นนี้มีความลับมหัศจรรย์หรือ’ สวีชวนไม่เข้าใจ ‘หรือข้าคิดมากไปเอง เขาอาจจะแค่ชื่นชอบเท่านั้นกระมัง’
เมื่อส่งสวีชวนไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้นิ้วมือดีดบนศิลาลายเมฆเบาๆ สีหน้าเหมือนของเขาจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
หนึ่งวันหลังจากนั้น อาหู่มารายงานข่าวร้ายว่า “คุณชายขอรับ เมื่อครู่ข้าได้ข่าวจากสำนักที่อยู่ในเกาะนภากลางมาว่า วิหารอาญาออกคำสั่งให้ท่านผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะนภาตะวันออกเดินทางมายังอาณาจักรถังตะวันออกขอรับ”
ผู้ที่รับผิดชอบเกาะนภาตะวันออกของเขากว่างเฉิง นอกจากผู้อาวุโสคุมการณ์และผู้อาวุโสปฏิบัติกิจของแต่ละที่แล้ว ยังมีผู้อาวุโสฝ่ายอาญาที่ช่วยเหลืองานของผู้อาวุโสเกาะนภาตะวันออก ซึ่งทำการติดต่อโดยตรงกับวิหารอาญาของสำนัก และรับผิดชอบดูแลกฎระเบียบและการลงโทษของทั้งเกาะ
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถาม “รู้สาเหตุหรือไม่”
“สาเหตุแรกคือคนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มาฟ้องร้อง ส่วนสาเหตุที่สองคือเรื่องของเจ้าเยี่ยจิ่งขอรับ” อาหู่กล่าวตอบ
ก่อนที่เขาจะเบะปากพูดต่อ “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเจ้าเยี่ยจิ่งจะอาภัพเช่นนี้ ดันมาสิ้นชีพในหุบเหวปราการมังกรเสียได้ ต้องมีผู้ที่ถือโอกาสนี้สร้างเรื่องให้คุณชายลำบากเป็นแน่ขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอถามต่ออย่างไม่ใส่ใจว่า “แล้วท่านผู้อาวุโสฝ่ายอาญาต้องไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรถังตะวันออกหรือไม่”
“ไม่ขอรับ เขาจะมายังเมืองใกล้ปราการแห่งนี้ ท่านเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออกไล่ตามเฒ่ามารหัวขวานไปไม่สำเร็จ ส่วนหัวหน้าค่ายชื่อหลิงเองก็ไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัด อีกทั้งคลื่นในหุบเหวปราการมังกรรุนแรงเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงกลับมาประจำการอยู่ที่เมืองใกล้ปราการก่อนชั่วคราว ท่านผู้อาวุโสฝ่ายอาญาก็จะรีบเดินทางมาเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนของอาณาจักรถังตะวันออกติดตามมาด้วยขอรับ”
“เช่นนั้นก็รออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง
อาหู่ก็ลูบคางเลียนแบบเช่นกัน “คุณชายขอรับ ด้วยตำแหน่งฐานะของท่าน ไม่น่าจะมีปัญหากับวิหารอาญาได้ง่ายๆ แต่การที่ท่านผู้อาวุโสฝ่ายอาญาเดินทางมาเองเช่นนี้ ท่าจะไม่ดีนะขอรับ”
“ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ไม่ชอบนิสัยบ้าระห่ำของข้ามาตลอด เรื่องเตาผลึกหินชั้นในก่อนหน้านี้พอจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไปบ้าง แต่เมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นตอนนี้อีก เกรงว่าเขาคงจะผิดหวังยิ่งกว่าเดิมแน่ ยิ่งมีความคาดหวังมาก ความผิดหวังก็จะยิ่งมากตามไปด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางแบมือทั้งสองออก
“ท่านอาจารย์ลุงใหญ่อาจจะไม่มีทางเอนเอียงไปทางฝ่ายของท่านอาจารย์ลุงรอง แต่เกรงว่าครั้งนี้เขาคงอยากจะตักเตือนสอนกฎระเบียบให้กับข้าอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ข้า ‘ก้าวพลาด’ กระมัง”
อาหู่อ้าปากค้างไปชั่วครู่ “งานยากเลยขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอยกขาขึ้นไขว้ห้าง “ก็คงจะมีคนเจองานยากเข้าแล้วจริงๆ”
ไม่นานนัก คนอื่นๆ ก็ได้รับข่าวเช่นกัน รวมถึงพวกซือคงจิงด้วย
ในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้ร่วมเดินทางไปกับเยี่ยนจ้าวเกอ จึงต้องได้รับการซักถามเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นพยานยืนยันด้วย
ทุกคนที่ได้รับข่าวต่างก็มองหน้ากัน มีความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาชั่วขณะ
เป็นอย่างที่อาหู่พูด เยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างมีสิทธิพิเศษ และไม่อาจติดต่อวิหารอาญาได้โดยง่ายๆ ทว่าหากถึงขั้นนั้น นั่นก็หมายความว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อีกทั้งยังพลิกสถานการณ์ได้ยาก
ในกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนัก ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายในกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักเขากว่างเฉิง ผู้เรียกลมเรียกฝนได้คนนี้ ต้องพลาดท่าเข้าแล้วจริงๆ หรือ?
…………..