ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 23 ซักถาม
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่นานนักผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออก และผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะนภาตะวันออกที่เดินทางมาไกล ก็มาถึงเมืองใกล้ปราการพร้อมกัน
และยังมีราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออก มาพร้อมกันกับผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะนภาตะวันออกด้วย
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่ได้รับความเคารพศรัทธาสูงสุดทั่วทั้งอาณาจักรถังตะวันออกท่านนี้ จะรีบรุดมายังเมืองใกล้ปราการเช่นกัน
เรื่องเกิดขึ้นที่ภายในอาณาจักรถังตะวันออก ทางอาณาจักรก็ต้องให้ความสนใจเป็นธรรมดา แต่พระราชาองค์เดียวแห่งอาณาจักรเสด็จออกจากเมืองหลวง เพื่อมายังพื้นที่ชายแดนเช่นนี้ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคนอยู่ดี
แต่เพราะอธิบายกับภายนอกว่าหุบเหวปราการมังกรเกิดความผิดปกติ อันเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสจนอาจถึงขั้นสร้างอันตรายไปเกินกว่าครึ่งของพื้นที่อาณาจักร องค์ราชาจึงเสด็จมาด้วยตนเอง
ทว่าในสายตาของสวีชวน เหวินหนิงจือ และคนอื่นๆ กลับรู้สึกว่าราชาผู้นี้มาเพื่อพบเยี่ยนจ้าวเกอเสียมากกว่า
การมาถึงของผู้อาวุโสฝ่ายอาญาไม่เป็นผลดีกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออกก็เป็นคนฝ่ายเดียวกับอาจารย์ลุงรองของเยี่ยนจ้าวเกออีกด้วย
ด้วยฐานะตำแหน่งที่เยี่ยนจ้าวเกอมี เขาไม่มีทางถูกคาดคั้นจนต้องยอมรับผิดเป็นแน่ แต่กระนั้นก็ต้องเผชิญความกดดันอยู่ไม่น้อยเลย
ราชาอาณาจักรถังตะวันออกกับบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นสหายกันมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงเห็นได้ชัดว่าครั้งนี้องค์ราชามาเพื่อหนุนหลังให้กับหลานชายของตนเอง
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รุกรานอาณาจักรถังตะวันออกอย่างหนัก แต่สำนักเขากว่างเฉิงก็ยังมีอำนาจในอาณาจักรถังตะวันออกมากกว่า เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือใจของราชาอาณาจักรถังตะวันออกอยู่ฝั่งสำนักเขากว่างเฉิงมากกว่านั่นเอง
สวีชวนเป็นกังวลกับข่าวที่ได้รับอย่างมาก ส่วนเหวินหนิงจือกลับดีใจ
การมาถึงของราชาอาณาจักรถังตะวันออก ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมีที่พึ่งพิงไปโดยปริยาย ทว่าการมาถึงของผู้อาวุโสท่านนี้คงทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรอดไปได้ยากขึ้น ทางวิหารอาญาของสำนักเอาจริงแล้ว จนถึงขั้นที่ราชาอาณาจักรถังตะวันออกก็ทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้
ซือคงจิงและศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นๆ อาจจะยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ภายใน ทว่าทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศน่าอึดอัด เหมือนกับพายุลมฝนกำลังจะมาเยือนก็ไม่ปาน
เยี่ยนจ้าวเกอหันหลังกลับไปมองพวกเขาแล้วยิ้ม ขณะยืนอยู่ด้านนอกตำหนัก “เป็นข้าที่ถูกซักถาม ไม่ใช่พวกเจ้า ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”
ทุกคนล้วนฝืนยิ้มออกมาโดยที่ไม่พูดอะไร ก่อนจะมีศิษย์หญิงรุ่นเยาว์คนหนึ่งที่อุ้มภูตแมวแสงอยู่ รวบรวมความกล้าแล้วกล่าวออกมาว่า “ศิษย์พี่เยี่ยน ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องไม่เป็นอะไรแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในตำหนักใหญ่
เมื่อเข้าไปในตำหนักใหญ่ เขาพลันเห็นคนสองคนนั่งอยู่คู่กันอยู่บนที่นั่ง
คนหนึ่งเป็นชายชราที่มีสีหน้าสุขุมเยือกเย็น ทว่ามีรัศมีดูน่าเกรงขาม ซึ่งก็คือผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะนภาตะวันออกของเขากว่างเฉิง
ส่วนชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง แม้ว่าจะสวมใส่เพียงชุดลำลองสีเหลืองสด ทว่ารัศมีบารมีแห่งราชาก็ยังคงแผ่กระจายออกมา ซึ่งนั่นก็คือราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออก
ถัดลงมาจากราชาถังตะวันออก มีชายชราสีหน้าเคร่งขรึม ร่างกายซูบผอมคนหนึ่งนั่งอยู่ นั่นก็คือเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออกของเขากว่างเฉิง
ถัดลงมาจากเหยียนซวี่ ที่นั่งอยู่แถวล่างสุดก็คือสวีชวน เจ้าของเดิมของดินแดนแห่งนี้ และเป็นผู้อาวุโสปฏิบัติกิจของเขากว่างเฉิงแห่งเมืองใกล้ปราการ ณ อาณาจักรถังตะวันออก
สวีชวนในขณะนี้สายตามองตรงไม่หันเหไปทิศทางอื่น ทว่าลึกๆ ในแววตามีความกังวลซ่อนอยู่
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในตำหนักใหญ่แล้ว เขาก็ทำความเคารพทุกคนด้วยความสงบ
หลังจากคำนับแล้ว ทั้งราชาอาณาจักรถังตะวันออกและเหยียนซวี่ต่างก็ไม่ได้กล่าวอะไร เอาแต่นั่งอย่างเงียบๆ ยกเรื่องการซักถามให้เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสฝ่ายอาญา
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ก่อนอื่นเลย ครั้งนี้ศิษย์หลานเยี่ยนเอาชนะเฉาหยวนหลงได้ ไม่ทำให้กว่างเฉิงของเราเสียชื่อก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและชื่นชม”
“แต่ว่าหลังจากนั้น เจ้าขับไล่เฉาหยวนหลงที่ไม่ได้สติและศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ออกจากเขตใจกลางหุบเหวของปราการมังกร”
“ระหว่างที่ประมือกันก็ไม่ได้เอาชนะแบบธรรมดา แต่ยังจงใจเหยียดหยามเฉาหยวนหลง ทำให้เขาเสียหน้า หลังจากนั้นก็ยังโบยศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ อีกด้วย”
“ทั้งหมดนี้เป็นคำฟ้องร้องของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ มีตรงไหนเป็นเท็จหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างเรียบเฉยว่า “โดยรวมแล้วเป็นความจริงขอรับ”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาเอ่ยถามว่า “เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”
เหยียนซวี่กล่าวเสริมว่า “บัดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาการประลองต่อสู้ระหว่างเจ้ากับเฉาหยวนหลงแล้ว”
“ที่ขับไล่พวกเขาออกจากเขตใจกลางหุบเหว เป็นเพราะพื้นที่บริเวณนั้นมีประโยชน์กับทางสำนักเราเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ต้องเก็บรักษาเป็นความลับด้วย จึงไม่สามารถให้คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่นต่อไปได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
สายตาของผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองผ่านมา “หือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ณ ตรงนั้นเป็นพื้นที่เก้าปราณพิษ ข้าจำเป็นต้องใช้พื้นที่ตรงนั้นทำการทดลอง เพื่อพัฒนาเตาผลึกหินชั้นในขอรับ”
เรื่องของเตาผลึกหินชั้นในนี้ นอกเหนือจากคนภายในของเขากว่างเฉิงแล้ว ราชาอาณาจักรถังตะวันออกเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เห็น
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาเอ่ยถาม “ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้วกระมัง เช่นนั้นเจ้ามีหลักฐานให้กับคำอธิบายของตนเองหรือไม่”
“เตาผลึกหินชั้นในที่ข้านำเข้าไปในปราการมังกรได้หายไปแล้ว หลักฐานที่แท้จริงคงไม่มี แต่ข้าได้ใช้เตานั่นหลอมสร้างอาวุธวิเศษระดับกลางออกมาชิ้นหนึ่งในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ศิษย์รุ่นเยาว์ที่ร่วมเดินทางไปกับข้าล้วนก็มองอยู่ข้างๆ สามารถเป็นพยานได้ขอรับ”
ซือคงจิงผู้ที่มีวรยุทธ์สูงที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ จึงถูกซักถามต่อจากเยี่ยนจ้าวเกอเป็นอันดับแรก
“คำพูดของศิษย์พี่เยี่ยนเป็นความจริงเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าและคนอื่นก็อยู่ข้างๆ เขา”
เหยียนซวี่มองซือคงจิง “พวกเจ้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับเตาผลึกหินชั้นในมากเพียงใด แล้วรู้หลักการทำงานทั่วไปของมันหรือไม่ จะตัดสินได้อย่างไรว่าสถานการณ์ในตอนนั้นเป็นจริงหรือเป็นเท็จ”
ซือคงจิงกล่าวตอบอย่างไม่ช้าแต่ก็ไม่เร็วว่า “ความรู้เกี่ยวกับเตาผลึกหินชั้นในของข้ามีจำกัด ไม่สามารถตัดสินสถานการณ์ในตอนนั้นได้จริง ข้าเพียงแต่พูดทุกอย่างตามความเป็นจริงจากสิ่งที่ศิษย์มองเห็นได้ด้วยตา”
“ศิษย์พี่เยี่ยนเตรียมอาวุธวิเศษระดับกลางมาก่อนล่วงหน้า จากนั้นหลอกสายตาทุกคนด้วยการใช้วิชาปกปิดเปลี่ยนให้กลายเป็นเพียงอาวุธธรรมดาหรือไม่ ด้วยระดับวรยุทธ์ของข้ายังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ดาบยาวสีดำเล่มนั้นเป็นอาวุธวิเศษระดับกลางอย่างไม่ต้องสงสัยเจ้าค่ะ”
“ส่วนพื้นที่เก้าปราณพิษมีความสามารถช่วยพัฒนาเตาผลึกหินชั้นในได้หรือไม่ ข้าไม่ทราบ แต่ข้ารู้จักเพียงพื้นที่เท่านั้น”
ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมองไปที่นางแวบหนึ่ง ‘พื้นที่เก้าปราณพิษ’ นี้ คนทั่วไปแทบจะไม่เคยได้ยินชื่อ อย่าว่าแต่รู้จักเลย
เหยียนซวี่มองซือคงจิง แล้วผงกศีรษะช้าๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
ราชาอาณาจักรถังตะวันออกเอ่ยพูดขึ้นเป็นครั้งแรก “ตามที่แม่นางซือคงกล่าวมา พื้นที่ตรงนั้นก็มีเอกลักษณ์ของเก้าปราณพิษอยู่ด้วย”
ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาผงกศีรษะ “ไม่ผิด”
“พื้นที่เก้าปราณพิษไม่ได้คงอยู่ตลอด มันสามารถเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะหายไป” เขามองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเตาผลึกหินชั้นใน หากล่าช้าอาจทำให้พลาดโอกาสได้ เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนจึงขับไล่ศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ถือว่าเป็นความผิด”
“หากสามารถยืนยันได้ว่าสามารถพัฒนาคุณภาพของเตาผลึกหินชั้นในไปอีกขั้นได้จริง ไม่เพียงแต่ไม่มีโทษ แต่กลับเป็นความดีความชอบอีกด้วย”
“ส่วนทางด้านสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทางสำนักจะจัดการเอง ไม่ต้องให้เจ้าออกหน้า แต่ถ้าศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มาท้าสู้กับเจ้า ขอประลองฝีมือด้วย นั่นก็เป็นเรื่องที่เจ้าต้องรับมือเอง”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “แน่นอนขอรับ”
ถึงแม้ว่าศักยภาพของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะเหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง แต่ในฐานะที่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเดียวกันกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สำนักเขากว่างเฉิงจะยังคงตัดสินให้เยี่ยนจ้าวเกอมีความผิด แต่เป็นการลงโทษส่วนตัวภายในสำนัก เพราะต้องทำให้ภายนอกเห็นว่าแข็งกร้าว ไม่เช่นนั้นจะดูด้อยกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เอาได้
และด้วยเป็นการลงโทษภายใน จึงไม่ลงโทษสถานหนักในสถานการณ์เช่นนี้ เพียงแค่อบรมสั่งสอนศิษย์ในสำนักไม่ให้ประมาทเลินเล่อและหุนหันพลันแล่น เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นให้กับสำนักเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดี ว่าต่อจากนี้ถึงจะเป็นส่วนที่สำคัญ
เป็นไปตามคาด ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาเปลี่ยนเรื่องพูดในทันใด “พักเรื่องของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เท่านี้ก่อน ศิษย์หลานเยี่ยนเป็นปรมาจารย์นำคณะในครั้งนี้ มีอะไรอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เยี่ยจิ่งสิ้นชีพที่หุบเหวปราการมังกรหรือไม่”
เหยียนซวี่กล่าวต่อ “ภายใต้หมอกดำที่ปกคลุมนั้น เจ้ากระทำอะไรลงไปกันแน่ จนถึงขั้นที่เยี่ยจิ่งต้องโกรธแค้นและไม่พอใจก่อนสิ้นใจไป”
“และเยี่ยจิ่งสิ้นชีพเพราะหัวหน้าค่ายชื่อหลิงจริงหรือ”
………………..