ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 55 จ้าวฮ่าวคนดี
จ้าวเฉิงแทงเข็มไปเก้าครั้งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนจ้าวฮ่าวลงเข็มไปห้าครั้ง โอสถเม็ดกลับระเบิดขึ้น นี่ไม่ใช่เพราะจ้าวฮ่าวเก่งไม่เท่าจ้าวเฉิง กลับกัน เป็นเพราะเหนือกว่าจ้าวเฉิงมากต่างหาก
จ้าวเฉิงไม่รู้วิชานี้เลยสักนิดเดียว ทั้งเก้าเข็มล้วนเป็นการทำที่เปล่าประโยชน์ เพียงแค่สร้างรูเล็กๆ บนโอสถเม็ดก็เท่านั้น
ในขณะที่จ้าวฮ่าวแทงเข็มเข้าไป เขาใช้ลมปราณสั่นสะเทือนโอสถเม็ดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์
ถึงกระนั้นก็น่าเสียดาย แม้ว่าเขาจะเก่งกาจกว่าจ้าวเฉิง ทว่าก็ยังคงไขปริศนาวิชาเข็มทองผ่านโอสถนี้ไม่ได้
จ้าวฮ่าวยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ต้องการถอยหลบแต่ก็ไม่ได้โบกมือปัดเป่าฝุ่นละอองออกไป
ส่วนฝุ่นละอองที่กระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้าตกลงมาเปรอะเปื้อนทั่วศีรษะและใบหน้าของเขา จนผมกลายเป็นสีขาวโพลน อีกทั้งบนใบหน้ายังถูกขี้เถ้าสีขาวปิดทับไปชั้นหนึ่ง มองไปแล้วช่างน่าขันเป็นที่สุด
จอมยุทธ์ที่อยู่ใต้บัญชาของจ้าวหยวนและจ้าวเฉิง ก็มองไม่เห็นความหยิ่งยโสของเขาก่อนหน้านี้ บัดนี้เห็นเขาประสบกับความโชคร้ายเข้า ก็อดพากันหัวเราะไม่ได้
ใบหน้าจ้าวฮ่าวเต็มไปด้วยฝุ่นเถ้าสีขาว ดวงตาทั้งสองดุจดั่งหมาป่า สายตาจดจ้องไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ
สายตาของเขาในขณะนี้ ไม่มีการดูถูกหรือเหยียดหยาม ทว่าเป็นสายตาของการศัตรูด้วยความแค้นแทน
ไม่ใช่ความแค้นที่มีต่อเขากว่างเฉิง ทว่าเป็นความแค้นที่มีต่อเยี่ยนจ้าวเกอเพียงคนเดียว
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนนี้อยู่ในสายตา
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเรียบนิ่ง และก็ไม่มองจ้าวฮ่าวเลยสักครั้งเดียว ทว่ายกมือประสานกันให้กับจ้าวซื่อเลี่ย “วันนี้ต้องขอบคุณจิ่นอ๋องที่ให้คำแนะนำ เป็นการประลองที่ดุเดือดจริงๆ”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอทำเหมือนตนเองไม่มีตัวตนอยู่ จ้าวฮ่าวก็พลันหรี่ตาลงเล็กน้อย
บางครั้งการละเลยมองข้ามนั้น หนักหนายิ่งกว่าการดูถูกเหยียดหยามเสียอีก
โดยปกติจ้าวฮ่าวเป็นคนที่เมื่อคนอื่นบ้าคลั่ง เขาก็จะบ้าคลั่งยิ่งกว่า แล้วบัดนี้เขาจะทนรับการละเลยมองข้ามของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไรเล่า
แววตาของเขายิ่งดุดันขึ้น
“น้องสิบหกต้องการจะทดลองใหม่ดูอีกครั้งหรือไม่” จ้าวหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ในตอนนี้เองที่ข้างหูของเขามีเสียงดังขึ้น
จ้าวฮ่าวหลับตาลง มือทั้งสองกำหมัดแน่นเงียบๆ เล็บมือจิกเข้าไปกลางฝ่ามือ
เมื่อครู่เพียงแค่ทดสอบไปครั้งหนึ่ง เขาก็รู้ว่าวิชาเข็มทองผ่านโอสถไม่ใช่วิชาที่แค่สังเกตอยู่ข้างๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ง่ายๆ
ต่อให้เขามีระดับความสามารถในการกลั่นโอสถที่อยู่เหนือคนส่วนมากบนโลกใบนี้ แต่ไม่ใช่แค่ทดลองเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถคลำหาทางเจอ
จ้าวหยวนมองดูจ้าวฮ่าวแล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ดูเหมือนน้องสิบหกจะไม่คิดทดลองต่อแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นการประลองครั้งนี้ของพวกเรา ผลจะว่าอย่างไรเล่า?”
ร่างกายของจ้าวฮ่าวเซเบาๆ เมื่อลืมตาขึ้นไม่ได้มองจ้าวหยวนเลยสักนิด สายตาจ้องตรงไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ ‘ดักห่านทั้งปี กลับโดนนกกระจอกจิกตาบอด[1]…’
เขาสูดหายใจเข้าลึก เปิดปากพูดว่า “ครั้งนี้เป็นข้าเองที่พ่ายแพ้”
จ้าวฮ่าวมองจ้าวหยวนแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา คร้านจะพูดไร้สาระให้มากความ
เขามีความมั่นใจเต็มร้อย หากจะให้จ้าวหยวนกลั่นโอสถรักษาบาดแผลด้วยตนเองสักเม็ดแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่เปรียบกับเขาเลย แค่ให้เขาถือรองเท้าให้กับโอสถรักษาบาดแผลของจ้าวฮ่าวก็ยังไม่คู่ควรเลย
ทว่าก่อนหน้านี้เขาพลั้งพูดอย่างมั่นใจออกไปว่าสิ่งที่จ้าวหยวนทำได้ ถ้าจ้าวฮ่าวไม่สามารถทำได้ดีกว่า ก็จะถือว่าเขาแพ้
ผลในขณะนี้ก็คือสิ่งที่จ้าวหยวนทำได้ เขากลับทำไม่ได้
ถึงแม้ว่านั่นไม่มีทางเป็นความสามารถที่แท้จริงของคนอ่อนหัดอย่างจ้าวหยวน จะต้องเป็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้ปราณจิตราส่งกระแสจิตคอยชี้นำเป็นแน่
จ้าวฮ่าวแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง แล้วจึงกล่าวตรงๆ ว่า “คนที่ถูกข้าสังหารไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีคำให้การที่มีประโยชน์อะไร”
“มีเพียงจุดหนึ่ง การรวมขุมอำนาจของพวกเขามีขอบเขตกว้างนัก ไม่เพียงแค่ถังตะวันออกเท่านั้น และไม่ใช่แค่เพียงเกาะนภาตะวันออกอีกด้วย”
“อย่างน้อย ที่เกาะนภาเหนือก็ยังมีฐานที่มั่นของพวกมันอยู่ แต่สถานการณ์ที่แน่ชัด เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอที่ฟังอยู่ด้านข้าง พลางจดจำทุกอย่างเอาไว้ในใจ ทว่าสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จ้าวซื่อเลี่ย
เมื่อโบกมือครั้งหนึ่ง กงจักรเพลิงสุริยะก็ถูกเก็บกลับเข้าไปอีกครั้ง รัศมีหายไปเช่นกัน แววตาของจ้าวซื่อเลี่ยเหมือนกับจะดับมืดลงไปเล็กน้อยด้วย
“กลับเมืองหลวงอาณาจักรถังตะวันออกไป คงยังต้องรบกวนจิ่นอ๋องด้วยนะพะยะค่ะ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก
จ้าวซื่อเลี่ยมองจ้าวฮ่าว มองจ้าวหยวน แล้วก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “จ้าวเกอมาเยือน ข้าก็ต้องต้อนรับขับสู้แน่นอนอยู่แล้ว”
เขามองไปทางจ้าวหยวน แล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าหลานจะรอบรู้เกี่ยวกับวิชากลั่นโอสถโบราณก่อนวิกฤตการณ์ น่าชื่นชมยิ่ง”
“แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะสามารถเปิดเผยให้ใช้อย่างกว้างขวางได้ วิชาเช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้โอสถที่ผลิตขึ้นในถังตะวันออกของเรา ได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว”
จ้าวหยวนประสานมือขึ้นคารวะครั้งหนึ่ง “ที่เสด็จอาจิ่นกล่าวมา หลานก็รู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ปัจจุบันยังคงคลำหาทางอยู่ คิดว่าอย่างน้อยๆ ก็ให้ก้าวเท้าแรกให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยรายงานให้เสด็จพ่อท่านทรงทราบ”
“แต่แน่นอนว่ากลับเมืองหลวงครั้งนี้ต้องรายงานให้เสด็จพ่อรับรู้อยู่แล้ว”
“หอศิลาโอสถอาจจะต้องทำการทดลองอย่างแพร่หลายเสียก่อนกระมัง อย่างไรทุกสิ่งก็ให้เสด็จพ่อเป็นผู้ตัดสินเองดีกว่า”
จ้าวซื่อเลี่ยได้ยินดังนั้น คิ้วพลันก็กระตุกแล้วกระตุกอีก จนเกือบจะยับยั้งความโกรธภายในใจเอาไว้ไม่อยู่
หอศิลาโอสถ เดิมทีอำนาจของที่แห่งนี้ก็เพิ่มขึ้นเพราะโอสถหมอกควันสลายอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว บัดนี้เห็นได้ชัดว่าจะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกขั้น
หากหอศิลาโอสถพัฒนาตนเองได้ต่อไปเรื่อยๆ ก็สามารถคาดได้ว่า ต่อแต่นี้ไปหอศิลาโอสถก็จะขึ้นนำเหนือที่อื่นๆ กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของอาณาจักรถังตะวันออก
ทว่าบัดนี้กลับจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองแล้ว…
จ้าวซื่อเลี่ยทอดถอนใจครั้งหนึ่ง เขารู้ตัวแล้วว่าดูถูกเยี่ยนจ้าวเกอมากเกินไป
เขาเป็นมหาปรมาจารย์ บุตรของตนเองก็อายุมากกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ
แม้ว่าช่วงหลายวันมานี้เยี่ยนจ้าวเกอจะโดดเด่นออกนอกหน้านอกตา ทำให้ผู้คนได้เห็นถึงพลังความสามารถและศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ด้านวรยุทธ์
ทว่าจ้าวซื่อเลี่ยก็คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าวิชากลั่นโอสถของเยี่ยนจ้าวเกอจะเหนือกว่าจ้าวฮ่าวได้เช่นกัน
เป็นจริงเช่นที่ท่านผู้เฒ่าหวังกล่าวไว้ ระดับความสามารถวิชากลั่นโอสถของจ้าวฮ่าว เมื่อเทียบกับทั่วหล้าตอนนี้แล้วก็เป็นผู้เหนือชั้นที่มีจำนวนน้อย
ความสูงต่ำของระดับความสามารถในการกลั่นโอสถ มีความเกี่ยวข้องกับระดับสูงต่ำทางด้านวรยุทธ์ของจอมยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใกล้ชิดเหมือนอย่างการหลอมอาวุธ
ในบางระดับก็เป็นความรู้ในอีกแขนงหนึ่ง หากอยากจะชำนาญก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ และต้องดูระยะเวลาที่สั่งสมความสามารถ
ในความคิดของจ้าวซื่อเลี่ย วรยุทธ์เยี่ยนจ้าวเกอมีระดับความรู้ซึ้งสูงเช่นนี้ แน่นอนว่าจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ ตั้งใจฝึกฝน ซึ่งได้ใช้เวลาและกำลังวังชาไปมาก
ต่อให้คนอื่นมีพรสวรรค์ในการกลั่นโอสถที่ไม่ธรรมดา แล้วจะมีเวลาทุ่มเทมากขนาดนั้นได้อย่างไร
หากแค่เพียงบังเอิญรู้วิชาลับเก่าแก่วิชาหนึ่งก็แล้วไป ทว่าถ้าเยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้ลึกซึ้งในทุกๆ ด้านของวิชากลั่นโอสถแล้วล่ะก็ นั่นเกรงว่าจะถึงจุดที่ทำให้ผู้คนนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว
จ้าวซื่อเลี่ยเองก็นับว่าเป็นคนที่ผ่านฟ้าผ่านฝนมาไม่น้อยแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังมีความรู้สึกที่ตนมีความรู้และความสามารถน้อยกว่าเยี่ยนจ้าวเกออยู่มากโข
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นการยิ้มเจื่อน
จ้าวหยวนขณะนี้ส่งกระแสจิตอย่างลับๆ ‘ครั้งนี้ต้องขอบคุณจ้าวเกอจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคิดเลยว่าน้องสิบหกของข้าจะเก็บซ่อนพลังของตนเองได้มากถึงขนาดนี้’
‘บุญคุณในวันนี้ ต้องตอบแทนเจ้าแน่’
‘อีกเดี๋ยวเสด็จพ่อถามถึงเรื่องวิชาเข็มทองผ่านโอสถ ข้าคงจำเป็นต้องพึ่งความเห็นของเจ้า’
เยี่ยนจ้าวเกอตอบกลับไปว่า ‘ถึงเวลาข้าจะไปคุยกับท่านลุงเอง ฝ่าบาทวางใจได้ ส่วนเรื่องวิชานี้ ภายใต้เงื่อนไขของขอบเขตของผู้ที่รู้เรื่องราวด้วย หอศิลาโอสถสามารถนำไปใช้ได้’
‘ข้าเข้าใจ’ จ้าวหยวนเข้าใจแจ่มแจ้ง ‘วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้เขากว่างเฉิงเสียเปรียบแน่นอน’
เฟิงอวิ๋นเซิงยืนอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอ “เป็นท่านที่ช่วยองค์ชายใหญ่แห่งถังตะวันออกผู้นั้นใช่หรือไม่”
ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอแสดงสีหน้าที่ระมัดระวังยิ่ง “นี่ๆ เงียบไว้”
“เจ้าค่ะๆ เงียบไว้ๆ เงียบที่สุด” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มพลางส่ายหน้า จากนั้นก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “แต่วิชาลับเช่นนี้ เขากว่างเฉิงของพวกท่านไม่เก็บเอาไว้หรือ ถึงได้ยอมเผยแพร่ให้กับอาณาจักรตะวันออกเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะเคยได้ยินมาว่าบิดาของท่านกับราชาอาณาจักรถังตะวันออกจะเป็นสหายร่วมทุกข์กันก็เถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนางแวบหนึ่ง “เจ้าควรพูดว่า ‘เขากว่างเฉิงของพวกเรา’ สิถึงจะถูก”
อันที่จริงเฟิงอวิ๋นเซิงยังไม่ได้เข้าสำนักอย่างเป็นทางการ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเพียงแค่รับปากจะช่วยนางเท่านั้น ท่าทีของเขากว่างเฉิงที่มีต่อนางจะเป็นเช่นไร ก็ยังไม่แน่นอน
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงที่ได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มอย่างสดใส “ท่านพูดถูก เป็นความผิดของข้าเอง ต้องเป็นเขากว่างเฉิงของพวกเรา”
“อืม ลื่นหูขึ้นเยอะ” เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะอย่างพอใจ แล้วจึงพูดว่า “วางใจเถิด ก่อนหน้านี้ข้าเคยรายงานวิชาเข็มทองผ่านโอสถให้ท่านพ่อรับทราบแล้ว และทางสำนักเองก็มีพื้นฐานแล้วเช่นกัน”
“ทางด้านถังตะวันออก ต้องขับไล่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเขาไร้พรมแดนออกไป จึงต้องลงทุนเสียหน่อยเป็นธรรมดา”
“ถึงจะไม่มีเรื่องวันนี้ ก็ต้องพิจารณาแผนอื่นเอาไว้อยู่แล้ว”
“ดังนั้นข้าถึงได้ยึดตำแหน่งของจ้าวซื่อเลี่ยที่หอศิลาโอสถอย่างไรเล่า”
เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ ข้าก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่ามันจะราบรื่นง่ายดายเช่นนี้”
ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็มองจ้าวฮ่าวแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างไร้ความเป็นมิตร “ช่างเป็นคนดีเสียจริง ขอบใจเจ้ามากนะ”
………………..
[1] ดักห่านทั้งปี กลับโดนนกกระจอกจิกตาบอด หมายถึง เพราะประมาทเกินไปจึงพลาดท่าให้กับเรื่องที่ไม่ควรพลาด