ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 75 สิ่งเล็กๆ แต่กระทบทุกสิ่ง!
ภายในหุบเหวปราการมังกร ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ มองดูหุบเหวที่ราวกับจะถล่มลงได้ทุกเมื่อ
ชายชุดดำเหล่านี้ยืนอยู่เหมือนกับภูเขาสูงเรียงราย
สงบเงียบ หนักแน่น เคร่งขรึม
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นจอมยุทธ์ของเขาไร้พรมแดน
เขาไร้พรมแดนครอบครองอาณาบริเวณอันกว้างขวางของภูผาพิภพ และยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนน้อยในโลกเช่นเดียวกันกับเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
ข้างกายของจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนกลุ่มนี้ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ รัศมีแผ่ซ่าน ดูดื้อรั้นหัวแข็ง
เขาคนนั้นคือจ้าวฮ่าว องค์ชายสิบหกแห่งอาณาจักรถังตะวันออกนั่นเอง
“ควบคุมความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรได้แล้ว หมอกดำก็สงบลงมากแล้ว จอมยุทธ์ระดับหลอมกายสามารถเข้าไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงต้องเปลืองแรงข้าอีก”
จ้าวฮ่าวมองไปยังจอมยุทธ์จากเขาไร้พรมแดนที่อยู่ข้างกาย “ท่านผู้อาวุโสเฮ่อ ระบุตำแหน่งของเสด็จพ่อข้าได้หรือไม่”
จอมยุทธ์ผู้นำกลุ่มจากเขาไร้พรมแดนนั้น เป็นชายชราคนหนึ่งที่มองดูแล้วอ่อนแอและเคลื่อนไหวไม่คล่องนัก
ถึงกระนั้นเมื่อเขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนกับภูเขาสูงลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่หุบเหวปราการมังกร
ชายชรากล่าวอย่างเฉยเมย “ขอเพียงแค่โอสถผงที่เจ้าให้มาไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไร ก็ต้องหาพบได้แน่”
จ้าวฮ่าวพยักหน้า “เช่นนั้นก็อย่ารอช้า พวกเรารีบไปกันเถอะ”
“ตอนนี้ข้าเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับหลอมกายเท่านั้น ต่อสู้กับจ้าวซื่อเลี่ยที่เมืองชมตะวันไม่ไหวหรอก”
“แต่ถ้าจะลงมือกับเสด็จพ่อข้าก็พอจะมีโอกาสอยู่”
ผู้อาวุโสเฮ่อกล่าวว่า “ดูจากวิธีการของเจ้าแล้ว เพื่อที่จะทำให้เขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เปิดศึกกัน ท่านผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักเราจึงไม่ได้เข้ามาที่ถังตะวันออก แต่ก็เตรียมพร้อมเอาไว้เช่นกัน”
“ขอเพียงแค่เจ้าทำสำเร็จ กองหนุนของสำนักเราก็มาสบทบได้ทันที และเข้าไปยังถังตะวันออกช่วยให้เจ้าได้ครองบัลลังก์”
“ถ้าหากว่าไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไร เจ้ากลับไปที่ภูผาพิภพกับพวกข้าก็ย่อมได้”
“พรสวรรค์และฝีมือของเจ้ามากพอที่จะเข้าเป็นศิษย์สำนักเขาไร้พรมแดนของเราได้”
จ้าวฮ่าวก้าวเดินนำไป “ข้าจะไม่ทำพลาดแน่”
“ยามตื่นมือครองดาบคร่าชีวิตคน ยามเมามายมีสามงามรายล้อม นี่ถึงจะเป็นชีวิตคน”
…
“ท่านผู้อาวุโสเหยียน ดูแล้วจุดมุ่งหมายของอีกฝ่ายจะไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอ แต่เป็นทั้งอาณาจักรถังตะวันออกเลยขอรับ” จอมยุทธ์ที่เกิดความกังวลคนหนึ่งพูดขึ้น
เหยียนซวี่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “พวกเราไปที่พระราชวังถังตะวันออกกัน ก่อนอื่นต้องจัดการค่ายกลชมตะวันให้มั่นคงได้เสียก่อน”
ไม่ว่าส่วนตัวจะคิดวางแผนอะไรไว้ แต่เหยียนซวี่เองก็ไม่อยากเห็นถังตะวันออกถูกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยึดครอง แล้วเขากว่างเฉิงของตนเองเป็นฝ่ายถูกขับไล่ออกมาเช่นกัน
เขาจัดการแบ่งหน้าที่ให้จอมยุทธ์ที่อยู่ใต้บัญชา พลางถามว่า “เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในหุบเหวปราการมังกรแล้วหรือ”
ผู้ที่อยู่ใต้บัญชากล่าวตอบว่า “ขอรับ เข้าไปพร้อมกับท่านผู้อาวุโสข่ง”
“ตอนนี้ในหุบเหวปราการมังกรโกลาหลอย่างยิ่ง คนทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่รอบนอก”
“เกรงว่าท่านผู้อาวุโสฉินและท่านผู้อาวุโสข่ง จะกำลังเปิดศึกอย่างดุเดือดกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่ขอรับ!”
เหยียนซวี่พยักหน้า ไม่พูดอะไร คิดในใจว่า ‘สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คิดจะจัดการทั้งถังตะวันออกและเยี่ยนจ้าวเกอไปพร้อมๆ กัน’
‘ท่านผู้อาวุโสฉินและท่านผู้อาวุโสข่งถูกทะยานบูรพาและบรรดายอดฝีมือรั้งเอาไว้ ซึ่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีคนอื่นอีก’
สายตาของเหยียนซวี่เคร่งขรึม ‘ข้าไม่มีทางมอบถังตะวันออกให้พวกสุริยันศักดิ์สิทธิ์แน่ ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอน่ะหรือ…’
เขาเรียกคนสนิทของตัวเองมาแล้วออกคำสั่งว่า “คอยจับตาดูสถานการณ์ที่หุบเหวปราการมังกรให้ดี”
…
ณ จวนจิ่นอ๋อง เมืองชมตะวัน เมืองหลวงอาณาจักรถังตะวันออก
จ้าวซื่อเลี่ย จิ่นอ๋องยืนอยู่ที่สวนหน้าจวน ด้านหลังมีจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งยืนนิ่งเงียบ ทุกคนดูเตรียมพร้อมและฮึกเหิม
ข้างกายจ้าวซื่อเลี่ยกลับเป็นจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง เขามองไปยังจ้าวซื่อเลี่ยพลางกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ท่านจิ่นอ๋อง ถึงเวลาต้องตัดสินใจแล้วขอรับ”
จ้าวซื่อเลี่ยสูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง
การกระทำในระยะนี้ของจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออก เอนเอียงไปทางเขากว่างเฉิงอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ต่างๆ ก็เริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งของจ้าวซื่อเลี่ยก็กลายเป็นความน่าอึดอัดใจอย่างยิ่ง
เขาเป็นมหาปรมาจารย์ และเป็นหนึ่งในสามมหาปรมาจารย์ยอดฝีมือแห่งราชวงศ์อาณาจักรถังตะวันออก
การคิดคำนึงถึงความสามารถโดยรวมของถังตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นจ้าวซื่อเฉิงหรือผู้ดำรงตำแหน่งต่อจากจ้าวซื่อเฉิง ก็ไม่อาจแตะต้องเขาได้โดยง่าย
แต่ถ้าหากว่าปัญหาระหว่างเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคำนึงถึงความสงบปลอดภัยของถังตะวันออกแล้ว สถานการณ์ของเขาจ้าวซื่อเลี่ยก็ดูท่าจะไม่ปลอดภัยแล้ว
จ้าวซื่อเลี่ยรู้จักเสด็จพี่จ้าวซื่อเฉิงของตนเองดี เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ เขานับเป็นคนที่ตัดสินใจเฉพาะหน้าได้เด็ดขาดคนหนึ่ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ตนเองก็จำเป็นต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดเช่นกัน!
“ออกเดินทาง! ศูนย์กลางค่ายกลอยู่ในอาณาเขตภายในพระราชวัง” จ้าวซื่อเลี่ยก้าวเท้านำหน้าออกไป
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางที่จะเล่นงานเขากว่างเฉิงให้ราบคาบได้ในเวลาอันสั้น ต่อให้ตอนนี้ยึดถังตะวันออกได้แล้ว ก็ต้องเผชิญหน้ากับการโต้กลับของเขากว่างเฉิงเช่นกัน
เมื่อนั้น อาณาจักรถังตะวันออกจะกลายเป็นศูนย์กลางการแย่งชิงของทั้งสองฝ่าย
ทว่าเมื่อดูสถานการณ์ที่นับวันยิ่งแย่ลง แทนที่จะนั่งรอความตายอยู่เฉยๆ ลองออกไปสู้กันสักตั้งน่าจะดีกว่า
พูดก็คือจ้าวซื่อเลี่ยไม่พอใจที่จะต้องอยู่ภายใต้คนอื่นเช่นนี้ไปตลอด!
มหาปรมาจารย์ยอดฝีมือของราชวงศ์แห่งอาณาจักรถังตะวันออก นอกจากจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักร และจ้าวซื่อเลี่ย จิ่นอ๋องผู้นี้แล้ว ก็ยังมีอ๋องเฒ่าที่เป็นผู้อาวุโสของพวกเขาอีกท่านหนึ่ง
ผู้อาวุโสผู้นี้ก็มีใจเช่นเดียวกับจ้าวซื่อเฉิง บัดนี้รับหน้าที่ควบคุมศูนย์กลางของค่ายกล
เรื่องที่ค่ายกลเกิดความผิดปกติ และจ้าวซื่อเฉิงได้รับบาดเจ็บอีกทั้งยังถูกกักขังไว้ เขารับทราบและกำลังปิดข่าวอย่างเงียบๆ
ทว่าเมื่ออ๋องเฒ่าเห็นจ้าวซี่อเลี่ยปรากฏตัวขึ้น ลางสังหรณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็กระจ่าง “ซื่อเลี่ย…”
“ล่วงเกินเสด็จลุงแล้ว” เมื่อจ้าวซื่อเลี่ยเจอเขาแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยพลัน
ท่านอ๋องอาวุโสถอนหายใจยาวๆ ครั้งหนึ่ง แล้วรั้งจ้าวซื่อเลี่ยเอาไว้
จอมยุทธ์ที่อยู่ใต้บัญชาของทั้งสองฝ่ายพลันปะทะเข้าหากัน!
ค่ายกลเมืองชมตะวันสั่นสะเทือน เมื่อมองจากภายนอกก็รู้สึกได้ถึงความสั่นคลอนเช่นกัน!
…
ภายในหุบเหวปราการมังกร หมอกดำตลบอบอวลไปทั่วสารทิศ ส่วนลึกของหุบเขามีแสงวงหนึ่งกำลังสาดส่องออกไปในบริเวณกว้าง
อาณาบริเวณที่แสงสาดส่องไปถึงนั้น บนพื้นพลอยปรากฏอักขระจิตกะพริบแสงอยู่รางๆ ด้วย
อักขระวิญญาณตัดสลับกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน ประกอบกันเป็นภาพค่ายกลขนาดมหึมา มองไปแล้วคล้ายกับค่ายกลของอาณาจักรถังตะวันออกที่อยู่ที่เมืองชมตะวัน เพียงแต่ว่าขนาดพื้นที่เล็กกว่ามากนัก
ในหุบเหวปราการมังกรนอกพื้นที่ที่ค่ายกลปกคลุม มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก
พลังจากการปะทะระหว่างจอมยุทธ์ของเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พลังของค่ายกลนี้สั่นไหวเหมือนจะพังทลายลง
จุดศูนย์กลางที่อักขระวิญญาณตัดกัน มีจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกหมดสติอยู่
บนร่างกายของเขามีปราณสีดำลักษณะเหมือนเสายื่นออกมา ภายในเสาปราณมีแสงสีแดงกะพริบสั่นไหว
ปราณสีดำยื่นออกไปไกล เสียดสีต้านทานกับพลังของค่ายกล ส่วนปลายของอีกด้านหนึ่งยื่นลงไปในหุบเหว
เหมือนกับงูเหลือมสีดำดุร้ายตัวหนึ่ง กำลังกัดร่างของจ้าวซื่อเฉิงอยู่
บรรดาจอมยุทธ์ถังตะวันออกที่อยู่ข้างกายของจ้าวซื่อเฉิง ล้อมรอบกายเขาไว้ แบ่งกำลังประคับประคองค่ายกลเอาไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ทดลองตัดปราณดำออก เพื่อช่วยให้จ้าวซื่อเฉิงหลุดพ้นจากอันตราย
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ค่ายกลก็หมือนกับถูกบางสิ่งกระตุ้น อักขระค่ายกลแต่ละแถวบิดเบี้ยวไปอย่างรุนแรง
เมื่อได้รับผลกระทบจากคายกล จ้าวซื่อเฉิงที่ยังหมดสติอยู่ก็สั่นสะเทือนไปทั้งร่าง
เขาที่ไร้ความรู้สึกแม้แต่น้อย บัดนี้มีเลือดสีดำไหลออกมาจากมุมปากเป็นทาง
“ฝ่าบาท!” ทุกคนตื่นตกใจ
เยี่ยนจ้าวเกอคอยหลบหลีกหินขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากด้านบนเป็นพักๆ พร้อมทั้งแหวกปราณดำออก ในที่สุดก็มาถึงที่ใกล้ๆ กับค่ายกล
ภาพแรกที่ได้เห็นก็คือค่ายกลกำลังสั่นสะเทือน ส่วนจ้าวซื่อเฉิงกำลังกระอักเลือด
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น “เกิดกบฏขึ้นที่เมืองชมตะวันดังคาดแล้วจริงๆ”
บรรดาคนของอาณาจักรถังตะวันออกเห็นเขากว่างเฉิงส่งคนมาช่วย ในใจก็รู้สึกดีใจ
ทว่าเมื่อเห็นว่ามีเพียงเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่เท่านั้น ใบหน้าก็พลันเต็มไปด้วยความผิดหวังทันที
หากจะตัดเสาปราณดำให้ขาด จำเป็นต้องให้มหาปรมาจารย์ลงมือถึงจะสำเร็จ!
ด้านนอกค่ายกล จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ระหว่างประมือ ก็พบว่ามีคนกำลังเข้าใกล้จ้าวซื่อเฉิงอยู่
ชั่วพริบตานั้น จู่ๆ หมอกดำก็สลายหายไป มีแสงสีทองกะพริบขึ้นมาแทนที แสงนั้นราวกับดวงอาทิตย์เจิดจ้าดวงหนึ่งคล้อยตกลงไปในน้ำที่ลึกไม่มีที่สิ้นสุด ส่องสว่างไปในความมืดมิดทั้งแปดทิศ!
และแสงสีทองอันน่าหวาดกลัวนั้น กำลังตกลงไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ!
………………..