ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 85 ความเจ็บปวดของเขากว่างเฉิง
ทุกคนเปลี่ยนสถานที่หลบซ่อนอีกครั้ง อาหู่หันศีรษะกลับไปมองยังที่ที่ไกลออกไป
ซึ่งนั่นเป็นทิศของหุบเขาวายุวิญญาณ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นแล้วก็ตาม
อาหู่พูดด้วยความรู้สึกเสียดายอยู่บ้างว่า “สิ่งของบนพื้นดินของหุบเขาวายุวิญญาณถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว แต่โชคดีที่ทรัพยากรแร่ธาตุหลากหลายชนิดรวมถึงศิลาลายเมฆที่อยู่ใต้ดินไม่ได้รับความเสียหาย”
สวีชวนอยู่ด้านข้างกลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก “แม้ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะยึดครองที่แห่งนั้น ก็คงไม่ทำลายจนพังพินาศหรอก หรือหากจะระบายอารมณ์ก็คงไม่ถึงกับต้องเอาหุบเขาเล็กๆ มาระบายอารมณ์หรอก ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่สำนักของเราสร้างเอาไว้ให้เหลือแต่ซากสักหน่อยก็คงพอแล้ว”
“ขอเพียงแค่ความลับของแก่นสารหยกไม่รั่วไหลก็พอแล้ว ต่อให้พวกเขาจะยึดครองหุบเขาวายุวิญญาณไป ก็คงเพื่อขุดหาทรัพยากรทั่วไปเท่านั้น”
เขามองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ พลางกล่าวชื่นชมว่า “คนทั้งโลก เมื่อก่อนต่างก็ประเมินนายน้อยเยี่ยนต่ำไปนะขอรับ”
“ต่อให้ไม่พูดถึงการอุทิศที่สำคัญอย่างเตาผนึกหินชั้นในและศิลาลายเมฆ แต่ความสามารถส่วนตัวของนายน้อยเยี่ยน ก็เกรงว่าจะสามารถเป็นผู้นำของคนรุ่นเยาว์ได้แล้ว”
อาหู่ยิ้มด้วยความจริงใจ “น่าขันนักที่ก่อนหน้านี้ผู้คนทั่วหล้ายังกังขา ในตำแหน่งสี่คุณชายแห่งยุคของคุณชายข้า”
“หวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสง ก็ถูกขนานนามว่าเป็นรุ่งอรุณทั้งสี่ ไม่ต่างจากเซียวเซิงและเฉาหยวนหลง แต่คุณชายของข้าชนะเซียวเซิงและเฉาหยวนหลงที่มีระดับเดียวกันได้ง่ายๆ ราวกับล้วงของออกจากกระเป๋าอย่างไรอย่างนั้น!”
สวีชวนกล่าวพึมพำว่า “หวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสงนั้น นอกจากตอนที่บรรลุระดับปรมาจารย์ได้สำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว หลายปีมานี้มีข่าวคราวออกมาน้อยนัก”
“ไม่ว่าจะเป็นรุ่งอรุณทั้งสี่ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หรือจะเป็นคุณชายแห่งยุคก็ตาม คุณชายจรัสแสงเป็นเพียงคนเดียวที่ลึกลับที่สุด จึงยากนักที่จะตัดสินพลังความสามารถที่แท้จริงของเขาได้”
“หากไม่นับคุณชายจรัสแสง รุ่งอรุณทั้งสี่แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็คงมีเพียงแค่กระบี่แสงสว่างถังหย่งฮ่าว ที่อาจจะยังสามารถประมือกับนายน้อยเยี่ยนได้บ้าง”
“แต่ถึงแม้จะเป็นถังหย่งฮ่าว หากอยู่ในระดับเดียวกันแล้ว เกรงว่าก็จะไม่สามารถเอาชนะเซียวเซิงและเฉาหยวนหลงได้สบายๆ เฉกเช่นนายน้อยเยี่ยนได้”
กระบี่แสงสว่างถังหย่งฮ่าว เป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้นำรุ่งอรุณทั้งสี่แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน
ขณะเดียวกันก็เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุด ในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
หวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสงทำตัวเป็นจุดสนใจจนเกินไป หากไม่ใช่บุตรของเจ้าสำนักล่ะก็ ถังหย่งฮ่าวก็คงกลบรัศมีของเขาไปจนหมดสิ้น
บนโลกที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ปกครองนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยกย่องถังหย่งฮ่าวว่าเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นเยาว์ ภายในทั้งโลกแปดพิภพในยุคปัจจุบัน
นอกจากสถานการณ์พิเศษของสตรีจันทราแล้ว ไม่นับรวมสิ่งอื่นๆ ดูเพียงแค่พลังความสามารถส่วนบุคคลของจอมยุทธ์เท่านั้น ถังหย่งฮ่าวอยู่เหนือคนรุ่นเยาว์ในโลกแปดพิภพ
หากนำเขาไปปล่อยไว้ในพื้นที่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นปกครองอยู่ ก็ต้องไม่ยอมรับในเรื่องนี้เป็นธรรมดา
แต่ไม่ว่าใครก็ยอมรับ ว่าอย่างน้อยยอดคนรุ่นใหม่ ถังหย่งฮ่าวก็เป็นหนึ่งในผู้แข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มบางๆ “ถังหย่งฮ่าวเป็นคนที่มีความสามารถจริง แต่จากที่ข้าดู สิ่งที่จัดการยากกว่านั้น ก็คือคนผู้นี้กระทำการสิ่งใดค่อนข้างเปิดเผย ตรงไปตรงมา”
“แต่เขาต้องการแย่งชิงอันดับหนึ่งของคนรุ่นเยาว์ ก็ต้องชนะศิษย์พี่สวีของสำนักเราให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
สวีชวนยิ้มพลางผงกศีรษะ
‘วิหคเวหา’ สวีเฟย ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิง หนึ่งในแม่ทัพของคนรุ่นเยาว์แห่งเขากว่างเฉิง อายุเท่ากันกับถังหย่งฮ่าว อีกทั้งยังเป็นยอดอัจฉริยะที่ประมือกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงบัดนี้
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าและหุบรอยยิ้มลง จะว่าไปแล้วการประมือของคนรุ่นเยาว์แห่งเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นั้น สามารถใช้คำว่าคมปลายเข็มสู้คมปลายรวงข้าวบรรยายได้
สวีเฟยกับถังหย่งฮ่าว ลู่เวิ่นกับเซียวเซิง เยี่ยนจ้าวเกอในอดีตกับเฉาหยวนหลง เป็นต้น
เมื่อมองลงไปในรุ่นอายุที่น้อยลงไปอีก ในบรรดาคนที่เป็นตัวแทน ซือคงจิงเองก็แบกรับภาระประมือกับเมิ่งหว่านไว้ด้วยเช่นกัน และถ้าหากมองขึ้นไปในกลุ่มที่อายุมากขึ้นอีกหน่อย ก็เป็นประลองกันด้วยความแค้นไม่หยุดไม่หย่อนด้วยเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายไม่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ก็สู้สีกันตัดสินไม่ลง
ประหนึ่งเจ้าเป็นลมข้าเป็นทราย ข้องเกี่ยวตัดไม่ขาดตลอดกาล…
หลายปีมานี้ นอกจากเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เหนือกว่ารุ่นเดียวกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นเจ้าจู่โจมมาข้าตอบกลับมาโดยตลอด
พูดตามตรงแล้ว หากไม่นับรวมกลุ่มของเยี่ยนตี๋ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังคงได้เปรียบกว่าอยู่ดี
นี่คือผลกระทบที่เกิดจากข้อได้เปรียบในด้านพลังความสามารถโดยรวมของสำนัก
สวีชวนถอนหายใจเฮือก “ได้ยินมาว่าท่านเจ้าสำนักมีความคิดที่จะเข้าฌานตลอดชีพ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะสามารถบรรลุตำแหน่งจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่นับท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้ร่องรอยที่แน่ชัด เป็นหรือตายยังเป็นปริศนาอยู่ มีชีวิตอยู่เพียงแค่ในตำนานคำล่ำลือแล้วล่ะก็ เทียบเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ด้อยกว่าก็ตรงที่ขาดจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเท่านั้น
การต่อสู้กับโลกปีศาจอัคคีในอดีต เขากว่างเฉิงได้รับความเสียหายอย่างหนัก
เคราะห์ดีที่ได้มรดกตกทอดจากรุ่นอาวุโส จึงมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาสำนัก เขากว่างเฉิงปกป้องรักษาเขตอาคมมาเนิ่นนานนับหลายรุ่น และก็แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ขอบคุณบุรุษเทียมฟ้าจ่านซีโหลว แม้ว่าเขาจะล่วงลับไปแล้ว ทว่าในตอนที่เขาอยู่ในตำแหน่ง ก็สามารถรักษาลมหายใจสุดท้ายของเขากว่างเฉิงเอาไว้ได้
การเก็บสะสมรวบรวมตลอดเวลาที่ผ่านมา บุคลากรผู้มีความสามารถของสำนักจึงไม่ขาดแคลน ทุคนค่อยๆ เติบโตขึ้น จนในที่สุดก็ไม่เสียชื่อของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ถึงกระนั้นความเจ็บปวดที่สุดของเขากว่างเฉิงในปัจจุบัน ก็คือหลังจากที่บุรุษเทียมฟ้าจ่านซีโหลวล่วงลับไปนั้น ก็ไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กำเนิดขึ้นอีกเลย
ข้ามพ้นโลกีย์สู่ทางเทวะ ลำบากแสนเข็ญถึงเพียงใดหนอ
เมื่อมองไปทั้งโลกแปดพิภพ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นที่ยำเกรงในปัจจุบันก็มีเพียงแค่หยิบมือ
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “อาการบาดเจ็บในตอนนั้น สุดท้ายก็ยังคงส่งผลกระทบให้กับท่านอาจารย์ปู่ ทำให้เขายากที่ผ่านขั้นสุดท้ายไปได้”
ใบหน้าหน้าของสวีชวนก็เปี่ยมไปด้วยความเสียดายเช่นกัน
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเขากว่างเฉิงในปัจจุบัน ก็คือปราชญ์เทียมนภา หยวนเจิ้งเฟิง อาจารย์ปู่ของเยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าสำนักคนปัจจุบัน
เป็นที่รู้กันทั่วทั้งโลกแปดพิภพ ว่าอันดับหนึ่งถัดลงมาจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือจอมยุทธ์ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นสิบ ขั้นบรรลุธรรม
หยวนเจิ้งเฟิงผู้นี้มีพรสวรรค์อันโดดเด่น พลังความสามารถแก่กล้า แต่ไหนแต่ไรจะเข้าสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
น่าเสียดายที่ตอนวัยรุ่นเขาได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นรากฐาน ซึ่งยังไม่สามารถชดเชยส่วยที่ขาดไปได้ ส่งผลให้ทุกวันนี้หลังจากที่ก้าวเข้าสู้ขั้นบรรลุธรรมมานานเป็นแรมปีแล้ว ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถผ่านขั้นสุดท้ายที่จะบรรลุสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้
แม้แต่จอมยุทธ์นอกเหนือจากเขากว่างเฉิงเองก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่เสมอ เจ้าสำนักเขากว่างเฉิงมีระยะห่างเทียบเท่ากระดาษแผ่นหนึ่งขวางกัน ไม่ให้เขาบรรลุสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์นั้น ระยะห่างเล็กน้อยนั้น คิดจะก้าวผ่านไปให้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ทว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กลับมีเจ้าสำนักรุ่นก่อน ซึ่งก็คือ ‘สุริยันทิศบูรพา’ หวงกวงเลี่ย จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักอีกด้วย
บิดาของหวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสง บุตรชายของหวงกวงเลี่ยเจ้าสำนักรุ่นก่อน หวงซวี่ก็เป็นเจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบัน และเป็นมหาปรมาจารย์ยอดฝีมือเก่าแก่เช่นกัน
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาสำนักด้วยเช่นกัน ด้วยการผสานกันของจอมยุทธศักดิ์สิทธิ์หวงกวงเลี่ยและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งภายในสำนักมียอดฝีมือเฉกเช่นหวงซวี่ถือกำเนิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ประสบความสำเร็จในการเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของยุคปัจจุบัน
หากไม่จำเป็นจริงๆ เขากว่างเฉิงเองก็ไม่ยินดีนักที่จะเปิดฉากสงครามเต็มรูปแบบกันสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
สำหรับการเติบโตของเขากว่างเฉิง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เองก็คอยจับตามองอยู่เช่นกัน หลายปีมานี้พวกเขาพยายามที่จะสกัดกั้นเอาไว้อยู่ตลอด
การประมือกันของทั้งสองที่อาณาจักรถังตะวันออกครั้งนี้ เป็นเพียงการต่อสู้ครั้งหนึ่งที่ค่อนข้างจะดุเดือดก็เท่านั้น
หวงกวงเลี่ยเข้าฌานอีกครั้งเมื่อหลายปีก่อน หากออกฌานมา ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ยากที่จะประเมินได้ว่าพลังความสามารถของเขาจะไปถึงขั้นไหน
หยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักเขากว่างเฉิงมีใจจะเข้าฌานตลอดชีพเพื่อบรรลุระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็เพราะแรงกดดันที่มาจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเซียวเซิงจะเป็นฝ่ายลงมือสังหารก่อน ทว่าเมื่อคราวที่เยี่ยนจ้าวเกอลงมือสังหารเซียวเซิงจริงๆ สวีชวนและคนอื่นก็รู้สึกสับสนทำตัวไม่ถูกอยู่ในใจ
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอมองออกไปยังท้องฟ้าไกล ซึ่งนั่นคือทิศของเขากว่างเฉิง
“ของก็เตรียมพร้อมเกือบทั้งหมดแล้ว รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ก็สามารถทดลองเปิดเตากลั่นยาได้แล้วล่ะ”
……………