ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 88 หากจะโทษก็โทษเหยียนซวี่เถอะ
ชายชราตาเดียวเคลื่อนไหวร่างกาย ใช้วิชาสุริยันทะยานบูรพา ราวกับดวงอาทิตย์ทะยานขึ้นทางทิศตะวันออก อันไม่อาจหยุดยั้งได้
ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงผู้นั้นต่อสู้หนึ่งต่อสอง เลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกหนุนซ้ายแคลนขวา ดูแลไม่ทั่วถึง
วิชาวายุอัคคีไม่สามารถช่วยเขาหยุดยั้งศัตรูเอาไว้ได้
ผู้อาวุโสสูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง ใบหน้าที่ซูบผอมแห้งเหี่ยวพลันมีฝาดสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
ฉับพลันนั้นราวกลับเพลิงเดือดลุกโหมท้องฟ้า!
ร่างกายของชายชรายืนอยู่กลางอากาศ เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างผอมเล็กก็ราวกับจะสูงใหญ่เสียดฟ้า
เขาดันฝ่ามือทั้งสองข้างออกไป ต้านหัตถ์เทพกลางเวหาของชายชราตาเดียว โจมตีอย่างหนักหน่วงโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์!
เฒ่ามารหัวขวานเปล่งเสียงคำรามแสบแก้วหูออกมาครั้งหนึ่ง มือทั้งสองตั้งขึ้นมาดุจดาบยาว ฟาดฟันออกไปข้างหน้า ประหนึ่งกับถือขวานสองด้ามกวัดแกว่งฟาดฟัน
ลำแสงสีดำมากมายหลอมรวมกันเป็นขวานบินไร้ด้ามเป็นเล่มๆ โลดแล่นไปมาอยู่บนท้องฟ้าราวกับลมหมุน!
นั่นก็คือฝ่ามือขวานมาร ความสามารถเฉพาะตัวของหานเซิ่ง!
ทันทีที่เขาใช้วิชานี้ พลังที่ออกมาพลันก่อตัวเป็นลมหมุน รุนแรงแปลกประหลาด ประดุจขวานบินทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายเป็นการเฉพาะ ขณะที่แสดงอานุภาพอย่างรุนแรงนั้น ก็ก่อให้เกิดภาพลวงยากจะคาดเดา ทำให้คนป้องกันไม่ถูก
วิชานี้ดูเหมือนแข็งกระด้างและรุนแรง ทว่าภายในกลับแฝงไปด้วยความเย็นเยียบดุร้ายเอาไว้ด้วย ประหนึ่งกับมีเทพมารปลดปล่อยคมขวานออกมา ทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่มีพลังความสามารถและระดับวรยุทธ์ใกล้เคียงกัน ทว่าหากไม่รู้พื้นฐาน ก็ต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ขวานบินแต่ละเล่มที่หมุนวนส่องแสงสีดำ บ้างก็วาดฟันเป็นเส้นโค้งที่แปลกประหลาด ผ่าพลังฝ่ามือม่านทองของผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงจนแหวกออก บ้างก็ฝืนหมุนวนเพื่อตัดเชือกสีทองมากมายให้ขาดออก
หานเซิ่งถือโอกาสขณะที่ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงกับชายชราตาเดียวสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กำลังประมือกัน มุ่งไปยังกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกออย่างมาดร้าย!
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าเกิดแสงสีดำวูบวาบ ชั่วขณะหนึ่งภาพทิวทัศน์ราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เสียงคำรามดังขึ้นที่ข้างหู เสียดแทงโสตประสาท ราวกับร่างกายติดอยู่ในอเวจีก็ไม่ปาน
อาหู่ สวีชวน และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ลงมือเช่นนี้ อย่าว่าแต่โจมตีโต้ตอบกลับไปเลย แม้แต่จะต้านทานหลบหลีกก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้เช่นไร
“นายน้อยเยี่ยน นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของท่านด้วยใช่หรือไม่”
ครั้นฟังเสียงขมขื่นของสวีชวน เยี่ยนจ้าวเกอก็ลูบคางของตนเอง “พูดตามตรงนะ ไม่อยู่”
เมื่อเห็นสวีชวนที่ยิ้มบอกบุญไม่รับอยู่เรื่อยๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มพลางส่ายหัว “เฒ่ามารหัวขวานนั่น นับว่าเขาอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของข้า”
“หากพูดตามหลักแล้ว ในสถานการณ์ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งกำลังแก่งแย่งชิงดีกันเช่นนี้ หากเขากับหัวหน้าค่ายซื่อหลิงฉลาดมากพอ ก็ไม่ควรเข้ามาผสมโรงด้วย”
“ดังนั้นการปรากฏตัวขึ้นของเขา ข้าจึงมีความยินดีมากกว่าที่จะเรียกว่าแปลกใจ”
สวีชวนชะงัก เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล่าวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า “เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเยี่ยจิ่งพี่น้องร่วมสาบานนั้น หานเซิ่งจึงมาแก้แค้นข้าอย่างนั้นหรือ ไปหลอกเด็กเสียเถอะ”
“เขาอยากได้ของบางอย่างจากตัวข้าต่างหากเล่า เหตุผลยังไม่ชัดเจนนัก ทว่านี่ก็หมายความว่าสิ่งของที่อยู่กับข้าสำคัญยิ่งนัก”
ขณะนี้ขวานขนาดยักษ์สีดำ กำลังหมุนวนเข้ามาประชิดอยู่เบื้องหน้าแล้ว
ทุกๆ คมขวานขนาดยักษ์มองไปแล้วยังมีขนาดใหญ่กว่าห้องทั่วไปนัก ซึ่งกำลังหมุนวนอยู่ ราวกับกำลังหั่นผืนฟ้าและผืนแผ่นดินอยู่!
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเรียบเฉย เขาดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “ของสิ่งนั้นสำคัญกว่าที่ตัวข้ารู้ก่อนหน้านี้ และมีความลับที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้”
“ท่านว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจหรือ?”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ลมเมฆก็พลันเปลี่ยนไป
บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของทุกคน จู่ๆ ลมเมฆทั่วทั้งท้องฟ้าก็พลันรวมตัวกัน และเปลี่ยนเป็นสีทอง
กลางชั้นเมฆสีทองประหนึ่งกับเกิดน้ำวนขนาดมหึมาขึ้น ภายในน้ำวนลมเมฆหลอมรวมกันเป็นรูปฝ่าเท้าขนาดยักษ์ข้างหนึ่ง กำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า!
ฝ่าเท้านั่นใหญ่ยักษ์เช่นนี้ บดบังฟ้าและตะวัน ราวกับจิตวิญญาณเทพขนาดใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ในขณะที่เท้าขนาดยักษ์ตกลงมา ดินฟ้าอากาศทั่วทุกทิศราวกับถูกหยุดนิ่งเอาไว้ ลมไม่พัด เมฆไม่เคลื่อน แม้กระทั่งแสงอาทิตย์ก็เหมือนกับจะเปลี่ยนรูปเป็นผลึกแก้วที่มีรูปร่าง
ทว่าด้านนอกไกลออกไปร้อยลี้ กลับมีคลื่นสูงระฟ้าก่อตัวขึ้น ขยายออกไปสี่ทิศแปดทางอย่างต่อเนื่อง แม้แต่หินผายอดเขาต่างก็ถล่มทลายลงมา
เท้าสีทองขนาดยักษ์ยังไม่ได้เหยียบลงมาอย่างสิ้นเชิง ทว่าขวานขนาดยักษ์แหวกฟ้าที่เปลี่ยนรูปมาจากพลังฝ่ามือขวานมารของหานเซิ่งก็หยุดหมุน หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างน่าประหลาดและน่าขัน
ทุกคนต่างก็เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าอย่างตกตะลึง
มีเพียงเยี่ยนจ้าวเกอและมหาปรมาจารย์เขากว่างเฉิงเท่านั้น ที่ยังมีสีหน้าเป็นปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอมองเท้าสีทองขนาดยักษ์นั้น แล้วยิ้มเล็กน้อยพลางคำนับ “ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ ท่านมาแล้ว”
เมื่อได้ยินการเรียกขานของเยี่ยนจ้าวเกอ คนอื่นๆ ต่างก็พากันสะดุ้งเฮือก
เมื่อหานเซิ่งเบิกตามองเท้าสีทองขนาดยักษ์ที่กำลังสั่นสะเทือนครั้งหนึ่ง เขาทำอะไรไม่ถูก ทำให้ขวานสีดำขนาดยักษ์ที่เปลี่ยนรูปมาจากพลังฝ่ามือของเขา แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที “ราชสีห์เหล็ก สือเถี่ย?!”
ชายชราตาเดียวแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน “ราชสีห์เหล็ก เหตุใดเขาถึงได้ปรากฏตัวที่อาณาจักรถังตะวันออก แห่งเกาะนภาตะวันออกได้รวดเร็วถึงเพียงนี้”
ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงผู้นั้น ก็รู้สึกว่าเหนือความคาดหมายเช่นเดียวกัน “เซียวเซิงถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่า แม้ว่าจะแจ้งข่าวยอดฝีมือของสำนักในทันที แต่ท่านผู้อาวุโสสือจะมาเร็วไปหน่อยกระมัง”
สวีชวน จ้าวหยวน และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกดีใจและมีหวังเป็นอย่างมาก “ท่านผู้อาวุโสสือ!”
แม้ว่าผู้ที่มาเยือนจะยังไม่ได้เปิดเผยใบหน้า ทว่าทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ล้วนรู้ถึงฐานะของเขาดี
ผู้อาวุโสตำหนักอาญาแห่งเขากว่างเฉิง หนึ่งในสามวีรบุรุษแห่งเขากว่างเฉิง
สือเถี่ย ราชสีห์เหล็ก ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งโลกแปดพิภพ!
ระดับวรยุทธ์ของเขาสูงยิ่งกว่าผู้อาวุโสฉิน ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะนภาตะวันออกเขากว่างเฉิง และทะยานบูรพาของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เสียอีก
แม้ว่าสือเถี่ยจะยังไม่ได้เปิดเผยตัว ทว่าการออกโรงในครั้งนี้ ก็ได้ทำให้ผู้คนคลายความสงสัยแล้ว
กลางชั้นเมฆมีเสียงทุ้มหนักสายหนึ่งดังออกมา “จัดการตรงหน้าเสียก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อพูดจบ เท้าสีทองขนาดยักษ์นั้นก็เคลื่อนลงมา!
อากาศด้านใต้ของเท้าขนาดยักษ์เกิดการสั่นสะเทือนไม่หยุด มองจากที่ไกลๆ ราวกับกำลังบิดเบี้ยว คล้ายจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
ฝ่าเท้าขนาดใหญ่ยักษ์ที่เกิดจากเมฆหมอก บัดนี้หลอมรวมกันประหนึ่งกับเหล็กกล้า เท้าหนึ่งย่างก้าวลงมา เหยียบย่ำทุกสิ่งอย่าง ทุกสรรพสิ่งที่สัมผัสถูกเหยียบเป็นผุยผงไปทั้งสิ้น
หานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานเห็นดังนั้นก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
บุคคลตรงหน้าไม่ใช่เหยียนซวี่ที่มีความแค้นเกี่ยวพันกับเขา ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ทว่ากลับเป็นการดำรงอยู่ของยอดฝีมือและยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าเหยียนซวี่นัก!
กระนั้นยิ่งหานเซิ่งหลีกหนีไปเท่าใด ก็รู้สึกเพียงว่าร่างกายของตนเคลื่อนไหวช้าลงเท่านั้น อีกทั้งยิ่งหนักอึ้งขึ้น
เมื่อเขาตั้งใจมองให้ดี ถึงพบว่าตนเองเหมือนกำลังเดินอยู่กับที่อย่างไรอย่างนั้น ไม่สามารถเคลื่อนตัวไปได้แม้แต่น้อย
เยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเพียงแค่เท้าสีทองขนาดยักษ์นั่นตกลงมาท้องฟ้า เพียงครู่เดียวก็เหยียบหานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวาน มหาปรมาจารย์ผู้นี้เอาไว้ใต้ฝ่าเท้า!
เมฆหมอกกลายรูปเป็นเท้าสีทองขนาดยักษ์สีทอง ขณะที่แปรเปลี่ยน ก็กลายเป็นกรงขังพันธการหานเซิ่งเอาไว้
บริเวณกลางท้องฟ้า เมฆหมอกสลายหายไปจนสิ้น ค่อยๆ ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งขึ้นมา
ผู้มาเยือนรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อเทียบกับอาหู่ซึ่งมีร่างสูงใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยังสูงกว่าอยู่ครึ่งศีรษะ
ร่างสูงใหญ่ผิวสีดำคล้ำราวกับทองแดงโบราณ ยืนตรงนั้นก็เหมือนกับหอคอยโลหะสีดำที่หลอมมาจากเหล็กกล้า
ใบหน้าทรงเหลี่ยม องคาพยพทั้งห้าราวกับมีดขวานแกะสลัก ไม่ได้หล่อเหลานัก ทว่ากล้าหาญเกรียงไกรถึงที่สุด
ซึ่งนั่นก็คือสือเถี่ย ผู้อาวุโสตำหนักอาญาแห่งเขากว่างเฉิง!
สีหน้าของผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นย่ำแย่จนถึงขีดสุด “หากก่อนหน้านี้สือเถี่ยอยู่ที่เขากว่างเฉิง ได้รับข่าวการสิ้นชีพของเซียวเซิงแล้วรีบเดินทางมา ก็ไม่น่ามาถึงเร็วเช่นนี้”
“ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่เกาะนภาตะวันออก หรือว่า…เขาเดินทางมาที่นี่ตั้งนานแล้ว!”
เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ที่เดิม มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าสบายใจ สายตาของชายชราตาเดียวผู้นั้นหันมามองทางตนเองทันควัน แววตาราวกับจะกินคนเข้าไปให้ได้
“อย่ามามองข้า หากจะโทษ ท่านก็โทษเหยียนซวี่เถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แต่เดิมแล้วนี่เป็นสิ่งที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้เขา พวกท่านถือโอกาสเอาเปรียบข้า…แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดูเหมือนจะกลายเป็นเขาที่ถือโอกาสเอาเปรียบพวกท่านแทน”
………………