ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 95 ไล่สังหารเยี่ยจิ่งและเหยียนซวี่!
วิชาจันทราในแสงรัตติกาลของแสงรัตติกาลแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้ปกคลุมไปทั่วสารทิศ
ผู้คนที่อยู่ภายในอาณาเขตสนามพลังนี้ ต่างก็จะถูกวิชาจันทราในแสงรัตติกาลส่งผลกระทบ
ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาก็ยังคงเป็นสือเถี่ย
การเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเช่นนี้ แสงรัตติกาลก็จำเป็นต้องทุ่มพลังทั้งหมดเข้าสู้ ไม่สามารถจะเบนสมาธิไปสนใจสิ่งอื่นได้
ฉะนั้นอาณาเขตที่สนามพลังแสงรัตติกาลปกคลุมอยู่ ในตอนนี้จึงมีผลแค่บดบังการมองเห็นและก่อกวนประสาทสัมผัสเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำอันตรายอะไรกับคนอื่นๆ ของเขากว่างเฉิงได้
เยี่ยนจ้าวเกอทอดสายตามองไกลออกไป ทว่าเห็นเพียงความมืดมิดเบื้องหน้าเท่านั้น
ถึงกระนั้นสือเถี่ยทำให้เหยียนซวี่บาดเจ็บแล้ว แสงสีทองจากแก้วสายนั้นซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำลายร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
เหยียนซวี่ไม่สามารถขับมันออกจากร่างกายไปได้ ดังนั้นพลังของวิชากายเพชรของสือเถี่ย จึงส่งผลต่อภายในร่างกายของเขาตั้งแต่ต้น
แสงสีทองส่องทะลุออกมาจากภายในร่างกายของเหยียนซวี่ไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าร่างกายของเขาสามารถเปล่งแสงได้อย่างไรอย่างนั้น นับเป็นการระบุตำแหน่งให้เยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างดี
ส่วนเยี่ยจิ่ง แม้จะพยายามหนีสุดกำลัง ทว่าแสงเพลิงสีแดงทั่วร่างของเขาก็สว่างวาบ สะดุดตาท่ามกลางความมืดเป็นอย่างมากเช่นกัน
ทั้งสองคนเสมือนกับหิ่งห้อยในค่ำคืนอันมืดมิด ที่จะไม่เป็นจุดสนใจของคนอื่นก็คงยาก
และที่บังเอิญกว่านั้นก็คือ พวกเขาทั้งสองวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน อันเนื่องมาจากความร้อนใจจนปกปิดไม่มิด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่จำเป็นต้องแยกกับอาหู่ แค่จับตามองเหยียนซวี่กับเยี่ยจิ่ง แล้วไล่ตามไปก็พอ
เหยียนซวี่ผู้ซึ่งเป็นมหาปรมาจารย์ ที่จริงแล้วน่าจะเคลื่อนไหวตัวได้คล่องแคล่วรวดเร็วเป็นพันลี้ แต่เพราะบาดเจ็บสาหัสจนเกือบจะตายจากการโจมตีของสือเถี่ย ทำให้วรยุทธ์ของเขาลดลงจนต่ำกว่าระดับมหาปรมาจารย์แล้ว
อาการบาดเจ็บก็ทำให้เขาวิ่งช้าลง
ทั้งสองฝ่ายหลีกหนีไล่ตามกัน จนในที่สุดก็หลุดพ้นจากอาณาเขตของวิชาจันทราในแสงรัตติกาล
และเมื่อได้เห็นท้องฟ้าและแสงตะวันอีกครั้ง เบื้องหน้าของเหยียนซวี่ก็สว่างไสว และทันทีที่ประสาทสัมผัสฟื้นกลับคืนมา เขาก็รู้สึกได้ถึงการไล่ล่าจากด้านหลัง
เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมแล้ว!
เมื่อลองคำนวณจากความเร็วของทั้งสองฝ่ายแล้ว เหยียนซวี่ก็ค้นพบด้วยความกลัดกลุ้มว่า หากยังวิ่งต่อไปเช่นนี้ ผลก็มีแต่จะถูกไล่ทันเท่านั้น
ดวงตาทั้งสองของเขาทอประกายเยือกเย็นและดุร้ายออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอที่ไล่ตามอยู่ด้านหลัง เขาเห็นจู่ๆ เหยียนซวี่ก็หยุดฝีเท้าลง กลับหลังหันพุ่งเข้าหาตน!
สีหน้าอารมณ์ของเหยียนซวี่ดุร้ายอยู่บ้างเล็กน้อย “เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าก็จะสงเคราะห์เจ้าเอง!”
เยี่ยจิ่งเองก็อยู่บริเวณใกล้ๆ ด้วยความร้อนรนจึงทำให้เขารับรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบได้ไม่ดีนัก
เขาพุ่งตัวออกไปข้างหน้าอีกระยะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธ ครั้นเขาหันศีรษะกลับไปมอง ถึงได้สังเกตเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้ไล่ตามมาถึงด้านหลังแล้ว
เมื่อเยี่ยจิ่งเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างก็พลันแดงก่ำ เหยียนซวี่และคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาในทันที ภายในดวงตาคู่นั้นมีเพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอที่เขาเกลียดเข้ากระดูกดำเท่านั้น!
ท่ามกลางเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เยี่ยจิ่งก็หยุดฝีเท้าลงในทันที แล้วกลับหลังหันพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน!
เยี่ยนจ้าวเกอมองเหยียนซวี่ที่กำลังเข้าใกล้ตนด้วยสีหน้าสงบนิ่ง จากนั้นเขายกมือขวาขึ้นแล้วสะบัดครั้งหนึ่ง แสงสีมรกตดุจมังกรก็แล่นออกไป
ท่ามกลางเสียงมังกรคำราม กระบี่วิญญาณมังกรมรกตก็วิ่งเข้าหาเหยียนซวี่
แม้อาการบาดเจ็บของอาหู่จะยังไม่หายสนิทดี แต่ก็เข้าช่วยเยี่ยนจ้าวเกอรับมือกับเหยียนซวี่และเยี่ยจิ่งที่หันกลับมาต่อสู้กับพวกเขาเช่นกัน
เหยียนซวี่ยิ้มเยือกเย็น “น้ำหน้าอย่างพวกเจ้าก็กล้าคิดมาไล่สังหารข้าหรือ”
“เยี่ยนจ้าวเกอ หลายวันมานี้หนทางของเจ้าช่างราบรื่นนัก ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแล้วใช่หรือไม่”
ระหว่างที่กล่าว เหยียนซวี่ก็ลูบมือทั้งสองครั้งหนึ่ง แสงสลัวสายหนึ่งพลันส่องสว่างที่กลางฝ่ามือของเขา
ดาบสั้นทอประกายแสงสีฟ้าสลัวประจันเข้ากับกระบี่วิญญาณมังกรมรกตกลางอากาศ แล้วบังคับมันถอยกลับไป
พลังของดาบสั้นเปี่ยมล้นออกไปทั่วทั้งสี่ทิศประดุจกับคลื่นแสง อีกทั้งยังส่งเสียงหึ่งๆ ออกมาจากภายใน ราวกับว่ามีชีวิตเป็นของตนเองอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งนั่นก็คืออาวุธวิญญาณระดับกลางชิ้นหนึ่ง!
เหยียนซวี่จ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง ภายในดวงตาทั้งสองแผ่ไอสังหารไปทั่วทุกทิศ “นิสัยกำเริบเสิบสานไม่อยู่กับที่อยู่ตลอดเวลาของเจ้า เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดเจ้าถึงมีชีวิตรอดมาได้ถึงวันนี้”
“หากไม่ใช่เพราะตระกูลของเจ้า ข้าจะขยี้เจ้าหรือฝังเจ้า มันก็อยู่แค่ที่ความต้องการของข้าก็เท่านั้น”
“ตอนนี้ ที่แห่งนี้ไม่มีเยี่ยนตี๋ บิดาของเจ้า และไม่มีสือเถี่ย ไม่มีมหาปรมาจารย์คนไหนสามารถปกป้องเจ้าได้แล้ว!”
แสงดาบในมือของเหยียนซวี่สว่างขึ้น “ถ้าทิ้งความหวาดกลัวที่มีต่อพ่อของเจ้าแล้ว ข้าจะฆ่าเจ้ามันก็ง่ายเหมือนบดขยี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น!”
เมื่อแสงดาบสลัวๆ ส่องสว่างขึ้น ตะเกียงวังแปดทัศน์ลวงตาดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศในพริบตา
แสงไฟเปล่งประกาย เกิดสภาพการณ์นับร้อยพันปกคลุมเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้
สีหน้าเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเป็นเช่นปกติ เขากล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “ข้ามีชาติตระกูลอันโดดเด่น ซึ่งนำพาความสะดวกมาให้ข้ามากมาย แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยปฏิเสธ”
“ข้าพูดไม่ได้หรอกว่า ของพวกนั้นเป็นของบิดาข้า ไม่ใช่ของของข้า พอใช้แล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ”
“ร่างกายข้าก็ล้วนได้มาจากบิดามารดา ทั้งร่างกายนี้ จะมีสิ่งใดอีกเล่าที่ไม่ได้มาจากบิดามารดา”
“บิดาข้ามีฝีมือความสามารถ สามารถให้สิ่งของกับข้าได้มากมาย สิ่งของเหล่านี้ก็เหมือนกับมือและเท้าของข้า ข้าก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าแน่อยู่แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือซ้ายควบคุมกระบี่วิญญาณมังกรมรกต มันกลายรูปเป็นแสงสีมรกตโลดแล่นไปมากลางอากาศ “และที่สำคัญคือไม่ใช่ข้ายืมกำลังมาจากบ้านมามากมายเท่าไร”
“แต่เป็นเพราะข้ามีจุดเริ่มต้นที่สูงเช่นนี้ อนาคตจะสามารถไปได้สูงเท่าใด และจะตอบแทนบุญคุณคนในบ้านได้มากเท่าใดต่างหาก”
ชายหนุ่มมองเหยียนซวี่ด้วยรอยยิ้ม “นอกจากนี้ ท่านอยากจะสังหารข้า แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกกระมัง”
เหยียนซวี่แค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง
อาการบาดเจ็บที่เกิดจากสือเถี่ยนั้นสาหัสมาก ไม่เพียงแต่ทำให้ระดับวรยุทธ์ของเขาตกลงไปหลายขั้น กระทั่งทำให้ดาบแสงคลื่นคราม อาวุธวิญญาณระดับกลางของตนไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
บนคมดาบของดาบแสงคลื่นครามเกิดรอยร้าวเต็มไปหมด ทำให้ประกายดาบที่ไหลเวียนอยู่เบาบางลง
แม้กระทั่งคุณภาพก็ยังเทียบไม่ได้กับกระบี่วิญญาณมังกรมรกต ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับล่างเลย!
และแล้วเหยียนซวี่ก็ค้นพบว่า อาการบาดเจ็บนี้ทำให้เขาไม่สามารถจัดการคู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าได้
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่จึงใช้รูปแบบการต่อสู้อันยืดเยื้อ ค่อยๆ ทรมานเขาอย่างช้าๆ
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งจะส่งผลกระทบกับพลังความสามารถของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
เขาพูดว่า “ท่านเห็นข้าแล้วขวางหูขวางตา ข้าก็อยากจะช่วยบิดาข้าถอดตำแหน่งคุมการณ์ของท่านเช่นเดียวกัน”
“แต่เพราะเหตุใดท่านถึงอยากจะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ เพียงเพราะข้าทำท่านขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าหรือ”
การเคลื่อนไหวของเหยียนซวี่เชื่องช้าลงเล็กน้อย เขากล่าวว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องถามข้าหรอก”
“วันนี้เจ้าต้องตายสถานเดียว ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับคนตายหรอก”
“หากวันนี้ข้าหนีไปไม่พ้น ข้าก็จะนำความลับลงโลงไปด้วย เจ้ากับเยี่ยนตี๋ก็ไปเดากันต่อเถอะ”
ดูเหมือนเขาจะพูดโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทว่าพลังทั่วร่างกายของเขากลับพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว!
จู่ๆ บนใบหน้าของเหยียนซวี่ก็พลันเกิดแสงสีแดงราวกับไฟลุกโชนขึ้น!
วายุอัคคี พลังแห่งอัคคีภัย!
เหยียนซวี่ที่เดิมทีพลังค่อยๆ ลดลง ทว่าในระหว่างที่ปลุกเร้าปราณจิตราทั่วร่างกาย จู่ๆ เขาแข็งแกร่งขึ้น
เขาบังคับดาบแสงคลื่นครามในมือ แต่กลับไม่ใช่เพลงดาบที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นวิชาดาบวิญญาณแปดแฉกอีกแล้ว
ประกายดาบอ่อนๆ หลอมรวมกันกลางอากาศโดยฉับพลัน กลายรูปเป็นแสงสีดำสนิท
ปราณจิตราได้สร้างโลกมายาอันมืดมิดเงียบสงัดขึ้น
ในความมืดมิดมีแสงดวงดาวที่มีหางยาวส่องสว่างขึ้น สั่นสะท้านไปทั่วหล้า!
กลุ่มดวงดาวดิ่งลงไปที่เยี่ยนจ้าวเกอราวกับฝนดาวตก!
พลังทั้งร่างกายของเหยียนซวี่อยู่ที่ดาบเล่มนี้ ก่อนที่ระเบิดปะทุออกมาจนเป็นพลังที่น่ากลัว
ชั่วขณะหนึ่งเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเพียงว่าภาพทุกอย่างได้หายไปจากสายตาของเขา เหลือเพียงแค่ฝนดาวตกที่ตกลงมาเท่านั้น
แสงของดวงดาวเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และเข้ามาอยู่ในสายตาของตนอย่างรวดเร็ว
ปราณดาบน่าหวาดผวา ราวกับร่างกายถูกยึดให้อยู่กันที่ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ทำได้เพียงแค่ยืนรับดาบนั้นของเหยียนซวี่นิ่งๆ
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเรียบนิ่ง จู่ๆ เขาก็กล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า “ในใจของท่านมีความลับอยู่ ทำให้ท่านหวาดกลัว กลัวว่าพวกข้าบุตรบิดาจะรู้”
“ในตอนนั้นตระกูลเยี่ยนของข้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ระหว่างที่อพยพจากอัสนีพิภพมายังนภาพิภพ จนทำให้ผู้คนในตระกูลจำนวนมากประสบกับเคราะห์ร้าย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีท่านปู่กับท่านย่าของข้าอยู่ด้วย เรื่องนี้เกี่ยวพันกับท่าน จริงหรือไม่”
ประกายดาบฝนดาวตกที่ตกลงจากท้องฟ้าเหล่านั้น สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ จนชะงักไปครู่หนึ่ง
จากนั้นมันก็ตกลงมาด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเดิม จนถึงขั้นดูร้อนรนและบ้าคลั่ง!
แต่ในวินาทีนี้เอง เยี่ยนจ้าวเกอก็เคลื่อนไหว!
…………….