ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1059 เยี่ยนจ้าวเกอ พ่อค้าอาวุธรายใหญ่
ในการเติบโตของเยี่ยนจ้าวเกอกับการผงาดขึ้นของเขากว่างเฉิงก่อนหน้านี้ เตาผลึกหินชั้นในแสดงให้เห็นถึงประโยชน์สำคัญ
บนโลกแปดพิภพในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่มีระดับพลังฝึกปรือขนาดไหน ในด้านจำนวนและคุณภาพของอาวุธ ล้วนเรียนกได้ว่าบรรจุอาวุธเต็มอัตรา บดขยี้สำนักอื่นๆ ได้เหลือเฟือ
แต่ว่าพร้อมกับที่พลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ยิ่งมายิ่งมากขึ้น ประโยชน์ของเตาผลึกหินชั้นในก็ลดน้อยลง
เขาวางแผนอื่นๆ ไว้ในใจตั้งแต่แรก เพื่อเพิ่มระดับความสามารถในการแข่งขันของสำนักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเตาผลึกหินชั้นในจึงเอามาขายเพื่อหากำไรได้เหมือนโอสถหรืออาวุธ ใช้มันเพื่อหาของล้ำค่าและทรัพยากร แล้วนำมาสนับสนุนการพัฒนาในด้านอื่น
ในอีกมุมหนึ่ง นี่จะมอบการเพิ่มพลังให้แก่สำนักอื่นๆ และลดความได้เปรียบส่วนหนึ่งของเขากว่างเฉิงไป แต่ต่อให้ความได้เปรียบส่วนหนึ่งจะถูกลดทอน สิ่งที่ได้มาแทนก็คือความได้เปรียบในด้านอื่นๆ
หากกล่าวโดยสรุปแล้วก็คือ กำไรมากกว่าขาดทุน ได้รับมากกว่าสูญเสีย
เตาผลึกหินชั้นในที่ไม่ใช่ความลับของสำนัก และที่มาของความสามารถในการแข่งขันหลักอีกแล้ว สามารถใช้เป็นแต้มต่อ เพื่อแลกผลประโยชน์อย่างอื่นได้ และเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่กังวลถึงเส้นทางการค้ามัน
ขุมกำลังที่เป็นปรปักษ์และยืนอยู่ตรงข้ามกันสองขุมกำลัง ล้วนพยายามเพิ่มระดับตัวเอง หมายจะกดดันไปจนถึงกลืนกินอีกฝ่าย
สมมติว่ายอดฝีมือระดับสุดยอดของทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น หากไม่มีวัตถุดิบมากพอยังทำเนา แต่ถ้ามีวัตถุดิบมากพอ ย่อมคิดจะหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางออกมาชิ้นหนึ่ง
คนทั้งสองที่ตอนแรกสูสีกันเมื่อมาเปรียบเทียบกัน ฝ่ายหนึ่งใช้มือเปล่าหมัดเปลือย อีกฝ่ายหนึ่งมีอาวุธอยู่ในมือ ก็แทบจะตัดสินผลแพ้ชนะได้
ตอนแรกทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องสู้กันเป็นระยะเวลานาน แต่ว่าฝ่ายหนึ่งได้เปรียบเพราะเตาผลึกหินชั้นในช่วยประหยัดเวลามหาศาล หลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ต้องทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
เหตุผลเดียวกันนี้ก็ใช้ได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำเช่นกัน
แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้หายากเท่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง
โลกซ้อนโลกมียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ มีของวิเศษมหาศาล หากต้องการอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางชิ้นหนึ่งจริงๆ ก็ต้องจ่ายด้วยราคาแพงเพื่อแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ
แต่ว่ายังคงมีเพียงราคา ไม่มีตลาด
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางไม่ใช่เรื่องยาก แต่ว่าสายตาของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนแต่ละคน สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง
ถ้าหากว่าต้องการเอาอาวุธวิญญาณหรือาวุธวิเศษที่มีระดับต่ำกว่ามาครอง เช่นนั้นเตาผลึกหินชั้นในก็ตัดสินสภาวะได้โดยสมบูรณ์
สำหรับสำนักที่มีความทะเยอทะยาน ท่านไม่ต้องการ คู่ต่อสู้ของท่านต้องการ แล้วท่านจะทำอย่างไร
‘รู้สึกว่าข้าจะกลายเป็นพ่อค้าอาวุธรายใหญ่แล้ว’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ‘ในความทรงจำของข้า ธุรกิจค้าอาวุธมากมายต่างกระพือลมจุดไฟทั่วทุกที่ สร้างความขัดแย้งในที่ลับ ขยายเส้นทางการค้าให้แก่อาวุธของตัวเอง ข้าจำเป็นต้องใช้สมองกับเรื่องนี้หรือไม่ ดูเหมือนจะใจดำเกินไปหน่อย…’
เตาผลึกหินชั้นในไม่ใช่สินค้าชิ้นเดียวที่เยี่ยนจ้าวเกินเตรียมจะแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผนการของเขาเท่านั้น
ที่เขามาเขาคุนหลุนในครั้งนี้ นอกจากการตามหาเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดาแล้ว ก็เพื่อสำรวจสถานที่ในเขาคุนหลุน เอาไว้เลือกจุดที่เหมาะสมสำหรับเตรียมตัวเพื่อภายภาคหน้า จากนั้นก็รวบรวมของล้ำค่าและทรัพยากรบนโลกซ้อนโลกไว้ให้มากๆ
ปัจจุบันเขากว่างเฉิงเป็นใหญ่ในทะเลหวงเจีย จะหยิบจับอะไรในทะเลหวงเจียก็ได้ทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของพวกเขา
นอกจากทะเลหวงเจียแล้ว เยี่ยนตี๋ยังได้นำคนเข่นฆ่าเข้าเขตเพลิงทักษิณ
จากสถานการณ์ในปัจจุบัน เขตเพลิงทักษิณได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจต้านทานฝีเท้าของเขากว่างเฉิง
ถึงแม้ว่าเขากว่างเฉิงจะยังไม่มีคนเลื่อนสู่ระดับประมุข แต่ว่าถ้าหากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ เขากว่างเฉิงก็จะกลายเป็นราชาไร้มงกุฎแห่งเขตเพลิงทักษิณ
สำหรับทรัพยากรในเขตเพลิงทักษิณ เยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงต้องการอำนาจในการปกครองโดยเบ็ดเสร็จ แต่สถานที่อื่นๆ บนโลกซ้อนโลกก็ไม่แน่แล้ว
อย่าว่าแต่เขตมหานภากลาง หรือสถานที่อย่างเขตกระฟ้าประจิม และเขตสุราลัยบูรพา ต่อให้เป็นฝั่งตะวันออกเฉียงใต้กับฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับเขากว่างเฉิง ไปจนถึงเขตฟ้าแดงหรดีที่ไป๋เทาปกครอง ก็ไม่อาจมอบของที่เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงต้องการให้ทั้งหมดได้
ตัวพวกเขาเองก็มีความต้องการของตัวเองและผลประโยชน์ที่อยากได้ ย่อมต้องเอามาใช้เองก่อน นี่เป็นเรื่องที่ปกติยิ่ง
คิดจะใช้ทรัพยากรบนโลกซ้อนโลกทั้งหมด นั่นเป็นอำนาจของสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิในคุนหลุน
ในการคาดการณ์ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ก่อนพิธีเปิดสำนัก เดิมทีก็ไม่ได้หวังไกลขนาดนั้น การปีนขึ้นสูงทีละก้าว เมื่อไปถึงระดับหนึ่งแล้ว ย่อมได้สิทธิ์ที่ควรมีได้เช่นกัน
แต่ว่าตอนนี้เมื่อมีต้นไม้ใหญ่เช่นเขานครหยกคอยหนุนหลัง เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงจึงมีความต้องการเงินทุนที่มากพอกว่านี้
แน่นอนว่าหากใช้ชื่อของเขานครหยกมากางเป็นธงต่างหนังเสือเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จะต้องทำไม่ได้แน่นอน เพราะเขานครหยกยังไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวของโลกซ้อนโลก
สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิมีสิทธิ์ใช้ทรัพยากรของโลกซ้อนโลก แต่ถึงอย่างไรทรัพยากรก็มีอย่างจำกัด ระหว่างสามกษัตริย์ห้าจักรพรรรดิก็มีการแข่งขันเช่นกัน
แผนการในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอก็คือ รวบรวมทรัพยากรและของวิเศษแต่ละอย่างที่ตนอยากได้จากอีกมุมหนึ่ง เขานครหยกซึ่งเป็นที่พึ่งพิงหากมาทำเรื่องนี้ ก็อาศัยบารมีได้
แน่นอนว่าหากมองในมุมอื่น ก็คือการนำทรัพยากรและอำนาจในการต่อรองมามอบให้แก่เขานครหยกมากกว่าเดิม
ปัจจุบันถึงอย่างไรกษัตริย์กระบี่ก็ผงาดขึ้นมาช้าที่สุดในสามกษัตริย์ แม้ว่ากษัตริย์เร้นลับจะไม่เผยโฉม แต่กษัตริย์ดินก็ยังกล้าแข็งอยู่ดี
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่กล้าวิจารณ์การตัดสินใจมากมายของกษัตริย์ดิน เนื่องจากข้อมูลที่เขารู้ยังมีน้อยเกินไป จำเป็นต้องรวบรวมต่อ อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน
ความคิดในใจของคนคนหนึ่งกับการกระทำของเขา หลายๆ ครั้งมักไม่ไปด้วยกัน ดังนั้นนอกจากเรื่องมารดาของตนแล้ว ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงยังไม่มีความเห็นอะไร
แต่ถ้าหากต้องการให้เขาเลือกสนับสนุนกษัตริย์ดินหรือกษัตริย์กระบี่ ปัจจุบันเขาจะต้องเลือกษัตริย์กระบี่อย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัย
“ไม่ใช่แค่เตาผลึกหินชั้นในเท่านั้นหรือ” หวังผู่สัมผัสถึงจุดสำคัญในวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างรวดเร็ว
กล่าวในอีกมุมหนึ่ง ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของกษัตริย์กระบี่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นหวังผู่หรือประมุขหรดีไป๋เทา วิธีที่เขามองปัญหามีความแตกต่างกับเนี่ยจิงเสิน
ดังนั้นหวังผู่จึงเข้าในความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอในทันที “ที่ศิษย์น้องเยี่ยนเจ้ามาเขาคุนหลุนในครั้งนี้ ก็เพราะจะได้ลงมือเต็มที่นี่เอง”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “อาจารย์ลุงเยว่กับกษัตริย์ดินต่างไม่ได้อยู่บนโลกซ้อนโลก กษัตริย์เร้นลับก็น่าจะไม่ใส่ใจเรื่องเช่นนี้ ต่อให้ข้าคิดก่อปัญหา หลังจบเรื่องก็จัดการได้”
หวังผู่มองเยี่ยนจ้าวเกอพลางครุ่นคิด
ลักษณะนิสัยของเขาความจริงค่อนไปทางระมัดระวังตัว หากพูดจากใจแล้ว เขายังลังเลกับแผนการของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้าง
ทว่าหลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง เขาก็ยังพยักหน้า “ทำให้เต็มที่ นอกจากหุบเขาผีเสื้อมังกรแล้ว ยังมีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วยอีกหรือไม่”
“ขอบคุณศิษย์พี่หวังด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “หุบเขาผีเสื้อมังกรเป็นข้าใช้คนเดียวสำหรับการเตรียมงาน ไม่คิดจะป่าวประกาศ ต่อจากนั้นจึงค่อยบอกกล่าวอย่างเป็นทางการ ข้าจะหาสถานที่แห่งหนึ่งในเขตมหานภากลางด้านนอกเขาคุนหลุนเพื่อขยับขยาย จะมีลูกศิษย์เขากว่างเฉิงเป็นผู้ดูแล แต่ถึงอย่างไรคนไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ย่อมไร้พื้นฐาน ดังนั้นจึงคิดจะให้เหล่าศิษย์พี่ในเขานครหยกบัญชาการ”
………………..