ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1079 ธงพระพฤหัสบดี
เฉินเฉียนหัวเข้าไปในนพยมโลก ระดับพลังฝึกปรือไม่ได้รับผลกระทบจากกฎของเขตแดนแห่งฟ้าดินในโลกแปดพิภพอีกต่อไป ลมปราณของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับเปลี่ยนจากมดเป็นช้าง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ในอดีต เสวียนมู่อ๋องเคยเสด็จมายังโลกแปดพิภพ ทว่าถูกเยี่ยนตี๋ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส หลังจากกลับโลกซ้อนโลก อาการบาดเจ็บก็ยังคงร้ายแรง
ส่วนเฉินเฉียนหัวที่ฝึกฝนฐานของโลกสำเร็จ หลังจากพลังฝึกปรือกลับคืนสู่ระดับมนุษย์เซียน อาการบาดเจ็บเมื่อก่อนหน้าก็ฟื้นฟูขึ้นมากกว่าครึ่ง แต่ว่าแผลมารไร้รูปที่เกิดขึ้นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอโยนดวงแสงสีดำใส่ กลับยังคงอยู่ บัดนี้บาดแผลมีแสงสีดำซึมออกมา เหมือนกับเลือดกำลังไหลออกจากแผล
เฉินเฉียนหัวได้รับการกระตุ้น แทบจะสัมผัสได้ในทันทีว่าทุกทิศที่อยู่ไกลออกไปมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกำลังสั่นไหว ถูกดึงดูดความสนใจ หันเหมายังด้านนี้ อีกทั้งมีจอมมารแห่งนพยมโลกที่อยู่ในระดับสูงสุดอย่างแท้จริงอยู่ด้วย
‘…พิธีลวงมาร?’ เฉินเฉียนหัวงงงวย ‘นี่คือพิธีลวงมารที่ยอดฝีมือใช้ลวงสังหารจอมมารนพยมโลกก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่หรือ’
หลังจากได้รับผลกระทบจากแผลมารไร้รูป จอมมารในนพยมโลกก็กรูกันเข้ามาเหมือนกับปลาฉลามในทะเลที่ได้กลิ่นคาวเลือด
ด้วยพลังฝึกปรือของเฉินเฉียนหัว การเข้ามาในนพยมโลกแล้วถูกยอดฝีมือจากนพยมโลกจำนวนมากกลุ้มรุมโจมตี ก็ยังถือว่ามีอันตรายรอบด้าน ถ้าหากว่าดึงดูดมารที่มีระดับสูงกว่ามา เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
หากอยู่ในสถานการณ์อื่น มาตรแม้นจะได้รับบาดเจ็บ เฉินเฉียนหัวก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีได้อย่างรวดเร็ว และสามารถออกจากนพยมโลก กลับโลกซ้อนโลกผ่านมิติต่างแดนได้ในระยะเวลาสั้นๆ
แต่ว่าบัดนี้ ถ้าไม่ขจัดพิธีลวงมาร ก็จะถูกกลุ้มรุมทันที เขาคิดจะรักษาอาการบาดเจ็บ และออกจากนมยมโลก ยากยิ่งกว่ายาก ยิ่งอยู่ด้านในอาณาเขตที่แน่นอน ก็โดดเด่นสะดุดตาอย่างกับแสงเทียนในราตรีมืดมิด แสดงตำแหน่งของตัวเองให้แก่หมู่มารในนมยมโลกตลอดเวลา
เฉินเฉียนหัวได้สติ เห็นร่องแยกเริ่มจะสมานตัวเพราะการสะกดจากเยี่ยนจ้าวเกอ
“ท่านถึงกับรู้จักแม้แต่พิธีลวงมารหรือ” เฉินเฉียนหัวตาเป็นประกาย “อย่างที่คิดไว้เลย คนที่น่าสนใจที่สุดที่โลกแปดพิภพแห่งนี้ให้กำเนิดคือท่าน!”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างไม่นำพา เขาโบกมือให้อีกฝ่าย “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น ท่านเล่นสนุกให้เต็มที่เถอะ”
ร่องแยกนพยมโลกถูกสะกดอีกหน
เฉินเฉียนหัวที่อยู่อีกด้านเริ่มหายไปจากคลองจักษุของเยี่ยนจ้าวเกอ
ภาพสุดท้าย เป็นภาพที่จอมมารซึ่งเดิมทีไม่ได้สนใจโลกเบื้องล่างเช่นโลกแปดพิภพ เริ่มรวมตัวกันแล้วรุมล้อมเข้าหาเฉินเฉียนหัว
ร่องแยกนพยมโลกในปัจจุบันหลังจากถูกผนึกโดยสมบูรณ์แล้ว ควันมารที่คลุ้มคลั่งในเหวลึกแห่งปฐพีพิภพก็หายไปด้วยเช่นกัน
โลกแปดพิภพในที่สุดก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
แต่ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอจำเป็นต้องเอาจริงเอาจังกับการต่อสู้กับเฉินเฉียนหัว ดังนั้นโลกทั้งใบจึงยังได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภูมิประเทศซึ่งอยู่รอบๆ ปฐพีพิภพ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน
การไหลเวียนของปราณวิญญาณในโลกแปดพิภพแตกต่างไปจากเดิม แทบจะแหลกสลาย จากนั้นก็ฟื้นฟูกลับมา
หลังจากผนึกปฐพีพิภพแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปอีกด้าน
ณ ที่แห่งนั้น ร่างแยกศาสนาพุทธของเฉินเฉียนหัวต้านทานร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เพียงแต่ว่าเขากลับไม่คิดจะสลัดหลุดจากการสะกดของพลังแห่งเขตแดน เพื่อลอยกลับสู่โลกซ้อนโลก
ร่างแยกนี้มีพลังฝึกปรือไม่ต่ำกว่าระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเหมือนกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก การมายังโลกแปดพิภพทำให้ตัวมันถูกสะกดพลังฝึกปรือไว้เหมือนกับร่างจริงของมัน
พอสัมผัสได้ถึงความสงสัยของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ร่างแยกของเฉินเฉียนหัวก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก ท่านได้ผนึกร่องแยกนพยมโลกไปแล้ว ไม่อย่างนั้นร่างแยกนี้ของข้าจะได้ลงไปด้วย มารร้ายนพยมโลกวุ่นวายยากคาดเดา แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วโง่งมยิ่ง ดังนั้นจึงไม่ได้น่าสนใจนัก แต่ว่าการเที่ยวชมระหว่างทางก็ถือเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง”
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ท่านลองกลับโลกซ้อนโลกดูก็ได้ แต่อาจจะถูกข้าสังหารทิ้งที่นี่ก่อนได้กลับไปมากกว่า”
อีกฝ่ายหัวเราะฮ่าๆ “จะกลับไปหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตอนนี้ข้าสนใจในตัวท่านยิ่ง มากกว่าจักรพรรดิแพรด้วยซ้ำ ท่านน่าสนใจกว่าเขามากทีเดียว”
ขณะที่พูด ร่างของมันก็กลายเป็นสีทอง เหมือนพระพุทธรูปทองเหลือง ก่อนที่วินาทีต่อมาจะมีแสงสีน้ำเงินอมทะลักขึ้น ไหลออกจากในร่างกายของมัน กลายเป็นกระจก
มันกำลังจะดับขันธ์มรณะด้วยตัวเอง เหมือนกับจอมยุทธ์แดนสุขวดีที่มีแสงพุทธแห่งพลังศรัทธา
การมรณะของจอมยุทธ์แดนสุขาวดี คือการใช้แสงพุทธส่งตัวเองสู่ความตาย ร่างแยกนี้ของเฉินเฉียนหัวฝึกฝนวิชาพุทธ จิตใจบริสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อน ยากจะขัดขวาง หากต้องการทำเรื่องนี้ จำเป็นต้องฝึกฝนแบบศาสนาพุทธจนถึงระดับหนึ่งถึงจะทำได้
“อ้อ” ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยิ้มอย่างไม่สนใจ “เช่นนั้นท่านก็ตายเถอะ”
หมัดหนึ่งต่อยออก โดนใส่ศีรษะของอีกฝ่ายพอดี!
พระพุทธรูปที่เหมือนกับกระจกถูกทำลาย
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูแวบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
ตอนนี้เขานับว่ามีความเข้าใจในตัวประมุขทิศบนผู้นี้เล็กน้อยแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนบ้าอย่างแท้จริง
เพื่อความคิดบ้าๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาของเขา แม้แต่ความเป็นความตายของตัวเองก็ไม่สนใจ
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอยังคิดอยู่ว่า ถ้าเฉินเฉียนหัวได้รับความพ่ายแพ้ในโลกแปดพิภพจริงๆ หลังจากกลับโลกซ้อนโลกแล้วจะแก้แค้นตนกับเขากว่างเฉิงหรือไม่ แต่ดูจากตอนนี้ อีกฝ่ายจะต้องกลับมาแน่นอน แต่น่าจะหมายตาแค่เขาเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น เป็นเพราะว่าในสายตาของเฉินเฉียนหัวแล้ว คนอื่นๆ ล้วนน่าเบื่อ
นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน
สาเหตุที่เหล่าคนเสียสติรับมือยาก เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่อาจใช้เหตุผลมาคาดเดาได้
โดยเฉพาะคนเสียสติผู้นี้ยังมีพลังทำลายล้างสูงถึงขีดสุด ยิ่งน่ารังเกียจกว่าเดิม
เฉินเฉียนหัวที่ครองวรยุทธ์มากมาย พูดถึงระดับความยิ่งใหญ่ของญาณจริงแท้เมื่อในระดับเดียวกัน ยังสู้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ แต่ก็นับว่าน่าทึ่งยิ่ง
เขาที่รวบรวบหกคัมภีร์นภาหลังกำเนิด ซึ่งอยู่ในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสิบม้วนสายหยกพิสุทธิ์ครบ ได้แสดงให้เห็นถึงฐานของโลก พลังฟื้นฟูแข็งแกร่งยิ่งกว่าจวงเซิงที่ฝึกฝนม้วนคัมภีร์ร่างหงส์อมตะและนักพรตเทียนอี้ที่ฝึกฝนคัมภีร์อายุวัฒนะ
หากเทียบแค่ความสามารถในการฟื้นฟูดู เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นสู้เขาไม่ได้ แต่ว่าหากเทียบพลังในการควบคุมกระบวนท่าและพลังที่ระเบิดในชั่วพริบตา เขามีชัยโดยสมบูรณ์
รอยตราพลิกนภาที่ก่อให้เกิด ‘การพลิกการสรรสร้าง’ เป็นการสะท้อนถึงแก่นการฝึกฝนสามพิสุทธิ์ร่วมกันของเยี่ยนจ้าวเกอ ดังนั้นเมื่ออยู่ในระดับเดียวกันจึงเอาชนะเฉินเฉียนหัวได้เหลือเฟือ
‘แต่พูดอีกอย่างหนึ่ง คนผู้นี้ก็มอบความประหลาดใจให้กับข้าจริงๆ’ เยี่ยนจ้าวเกอมองธงยาวที่เปล่งแสงสีเขียว
ธงพระพฤหัสบดียังคงสู้กับตราประทับตะวัน เพียงแต่เป็นเพราะว่าก่อนหน้าถูกกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าโจมตี จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไป ทดลองเก็บธงพระพฤหัสบดีดู ทว่ามีความลำบากไม่น้อย ถึงอย่างไรมันก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบได้กับตราประทับตะวัน
ประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวทิ้งตราประทับและจิตแห่งหมัดของตัวเองเอาไว้ นั่นเป็นร่องรอยที่มีแต่ผู้เป็นประมุขในหมู่คนเท่านั้นถึงจะทิ้งไว้ได้
ร่องรอยที่ประมุขในหมู่คนเพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับเซียนจริงแท้ได้เหลือเอาไว้
ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอ คิดจะแก้ไขต้องเปลืองแรงอยู่บ้าง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังรู้สึกดียิ่ง สำหรับเขาแล้ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นธงพระพฤหัสบดีมีความหมายไม่ธรรมดา
ภายใต้การดูแลจากตราประทับตะวันและกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า เยี่ยนจ้าวเกอฝืนสะกดธงพระพฤหัสบดี แล้วเก็บไว้ได้
จะควบคุมอาวุธเทพศาสตราวิเศษชิ้นนี้อย่างแท้จริงได้อย่างไร สามารถหาวิธีได้ในภายหลัง
………………..