ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1080 ความยินดีในการตบแมลง
หลังจากผนึกร่องแยกนพยมโลกที่อยู่ด้านล่างเหวลึกของนพยมโลก และเก็บธงพระพฤหัสบีดีได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รั้งอยู่ต่ออีก
เขาเดินทางไปทางตะวันตก มุ่งหน้าสู่เขากว่างเฉิง
เป็นเพราะการต่อสู้กับเฉินเฉียนหัวเมื่อก่อนหน้า การไหลเวียนปราณวิญญาณของโลกแปดพิภพจึงปั่นป่วนโดยสิ้นเชิง หากปล่อยไว้โดยไม่จัดการ โลกใบนี้จะเสื่อมโทรมลง
บนเขากว่างเฉิงมีพิธีกรรมที่วางไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อใช้เปลี่ยนแปลงการไหลเวียนปราณวิญญาณในโลกแปดพิภพ ในตอนนี้สามารถใช้ประโยชน์ได้พอดี ช่วยให้การไหลเวียนปราณวิญญาณของโลกใบนี้ฟื้นฟูกลับมา
คนในเขากว่างเฉิงล้วนสัมผัสการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ชนิดพลิกฟ้าคว่ำดินได้ ทว่าจิตใจของพวกเขากลับเยือกเย็นยิ่ง เพราะได้รับการแจ้งเตือนก่อนแล้ว ว่าร่องแยกนพยมโลกในปฐพีพิภพอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้
และเซียนผู้ถูกเนรเทศ เยี่ยนจ้าวเกอยอดฝีมือที่สร้างวีรกรรมไว้มากมายที่สุดของสำนัก ลงมายังโลกแปดพิภพเพื่อจัดการเรื่องนี้แล้ว
หลังจากทราบเรื่อง ทุกคนก็ใจเย็นลง เหมือนกับแค่ได้ยินชื่อนั้น ความกังวลก็หายไป
ผลลัพธ์สุดท้ายได้พิสูจน์เรื่องนี้อย่างชัดเจนอีกครั้ง
ถึงแม้จะสะเทือนฟ้าสะท้านดิน ก่อเกิดความโกลาหลอย่างใหญ่หลวง ทว่าการเปลี่ยนแปลงของนพยมโลกก็ถูกหยุดลงได้อีกครั้ง โลกแปดพิภพกลับคืนสู่ความสงบ
การกลับสำนักของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกฮึกเหิม ลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงที่เคยสัมผัสกับเยี่ยนจ้าวเกอล้วนรู้สึกเป็นเกียรติ
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นใบหน้าเก่าๆ ที่คุ้นเคย ก็รู้สึกปลาบปลื้มเช่นกัน
การไหลของเวลาในโลกแปดพิภพคือประมาณหนึ่งในสองของโลกซ้อนโลก และหนึ่งในห้าของโลกผืนสมุทร
ชายหนุ่มผจญภัยบนโลกซ้อนโลกมาหลายปี บนโลกแปดพิภพความจริงยังผ่านไปไม่ถึงสิบปี
หลายปีมานี้ก็เกิดเรื่องราวขึ้นไม่น้อย ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่องที่เฟิงฉือได้สำเร็จเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมเพราะว่าได้รับการสนับสนุนทรัพยากรจากเขากว่างเฉิงที่อยู่บนโลกซ้อนโลก และเพราะปราณวิญญาณของโลกแปดพิภพเมื่อก่อนหน้าถูกปรับเปลี่ยนจนเพิ่มระดับให้แก่จอมยุทธ์ได้แล้ว ในลูกศิษย์รุ่นหลัง ก็มีผู้มีความสามารถที่โดดเด่นส่วนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ทว่าก็มีลูกศิษย์ที่เสียชีวิตเช่นกัน
เขากว่างเฉิงในตอนนี้ครองความเป็นใหญ่บนโลกแปดพิภพเพียงผู้เดียว แทบไร้ผู้ต่อกร
แต่ลูกศิษย์กว่างเฉิงบ้างก็ถูกธาตุไฟเข้าแทรกในระหว่างที่ฝึก บ้างก็ยังคงมีโอกาสพบอันตรายเวลาฝึกฝนในสถานที่ต่างๆ เช่น มหาทะเลทรายแดนตะวันตก วังสุสานทุ่งร้างแดนใต้ และบึงทะเลมายา
อย่างเช่นลวี่เวิ่นลูกศิษย์ของฟางจุ่น ซึ่งเคยได้รับการขนานนามเทียบเท่ากับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย และซือคงจิง ถึงแม้ว่าจะหลบรอดภัยพิบัติมารได้เพราะการช่วยเหลือจากสวีเฟย แต่สุดท้ายเป็นเพราะว่าจิตของตนสับสน คิดถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้า จึงถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนเสียชีวิตไปในตอนที่เข้าฌานปิดตาย
บางทีเขาอาจไม่คิดจะเปรียบเทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ แต่ว่าพวกซือคงจิง เฟิงอวิ๋นเซิง และอิงหลงถูกพากันไล่ตามมา ทำให้เขามีแรงกดดันยิ่งมายิ่งมาก
คนที่เข้าฌานปิดตายแล้วตายขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว และไม่มีทางเป็นคนสุดท้าย ถึงอย่างไรเสียการฝึกฝนวรยุทธ์ที่แล้วมาไม่ใช่เส้นทางราบเรียบ
หลังจากฟื้นฟูปราณวิญญาณในโลกแปดพิภพจนเสถียรแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็บอกลาพวกเฟิงฉือ แล้วกลับหอคลื่นโหมซึ่งอยู่ที่บึงพิภพ ที่นี่คลื่นลมสงบมาตั้งแต่ต้น เหมือนกับตัดขาดจากโลกภายนอก
แม้ว่าก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอจะสู้กับเฉินเฉียนหัวจนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ แต่ที่นี่ก็ยังคงบสงบสุข เหมือนกับเป็นโลกอีกใบหนึ่ง
หลังจากที่ทักทายจอมยุทธ์หอคลื่นโหมเช่นอันชิงหลินและเซี่ยโยวฉานแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็มาถึงเรือนน้อยที่เฉินหมิงอิงอยู่
จักรพรรดิแพรกำลังสนทนากับเฉินหมิงอิงอยู่ด้านในลานบ้าน เขามีท่าทีอ่อนโยนสง่างาม กล่าววาจาน่าฟัง ทำให้เฉินหมิงอิงที่ทราบถึงสถานะของเขาไม่ได้เครียดเกร็งเช่นตอนแรก
เมิ่งหว่านนั่งอยู่ด้านข้าง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มไม่หยุด หลายปีมานี้ นางน้อยครั้งจะมีช่วงเวลาที่น่ายินดีเช่นนี้
จักรพรรดิแพรเห็นเยี่ยนจ้าวเกอกลับมา ก็หันไปมองเขาแวบหนึ่ง ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ดูจากท่าทางเจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ เฉินเฉียนหัวกลับโลกซ้อนโลกแล้วหรือ”
“เขาเข้าไปในนพยมโลกเองแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า
ถึงแม้ตอนนั้นจะเหมือนถูกนพยมโลกกลืนกิน จนร่างถูกฉุดดึงไว้ แต่ถ้าหากเฉินเฉียนหัวคิดสลัดหลุดจากการสะกดของเขตแดนแห่งฟ้าดินซึ่งส่งผลต่อพลังฝึกปรือของเขา ก็สามารถสลัดหลุดจากการกัดกินของนพยมโลก ลอยกลับโลกซ้อนโลกได้
แต่ตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้เตรียมการไว้แล้วเช่นกัน
เป็นเพราะตัวตนในนพยมโลกจะทำให้เฉินเฉียนหัวได้รับอุปสรรคอยู่หลายส่วนในตอนที่ลอยขึ้น
สาเหตุที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้รอยตราพลิกนภากระแทกเฉินเฉียนหัวเข้าไปในเหวลึก ก็เพื่อให้ร่องแยกนพยมโลกถ่วงเวลาเขาไว้
ด้วยเหตุนี้ ถ้าเขาคิดจะสลัดหลุดจากการสะกดของพลังแห่งเขตแดนเพื่อลอยขึ้นไปยังโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอก็เตรียมจะเข้าไปขัดขวาง
แน่นอนว่าแม้นจะเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่มีความมั่นใจมากพอว่าจะหยุดเฉินเฉียนหัวไว้ได้
แต่เทียบกับเฉินเฉียนหัวที่มีพลังฝึกปรือที่แท้จริงล้ำเลิศแล้ว นี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดที่เอาไว้รับมือกับอีกฝ่าย
น่าเสียดายที่ความคิดของคนเสียสตินั้นไม่อาจคาดเดาได้
จักรพรรดิแพรได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าช้าๆ “นี่กลับเป็นนิสัยของเขา”
“แต่ก่อนที่ข้าจะไป ข้าได้ส่งพิธีลวงมารให้แก่เขา” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ถูกเหล่ามารไล่ล่า ต่อให้เขาไม่ตาย ก็อย่าหมายออกจากโลกซ้อนโลกได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
เมื่อกำจัดปัจจัยที่ไม่แน่นอนนี้เอาไว้ในนพยมโลกแล้ว ต่อจากนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็สามารถติดตามจักรพรรดิแพรและเมิ่งหว่านไปตามหาเฟิงอวิ๋นเซิงได้อย่างสบายใจ
แม้ว่าเฟิงอวิ๋นเซิงจะไปยังมิติต่างแดน แต่ก็อาจเกี่ยวข้องกับนพยมโลก
“มีไม่กี่คนที่ยินยอมสู้กับเฉินเฉียนหัว” บนใบหน้าอันหล่อเหลาของจักรพรรดิแพรประดับด้วยรอยยิ้มหลายส่วน “ที่คนส่วนใหญ่สู้เขาไม่ได้ถือเป็นสาเหตุหลัก แต่ต่อให้เป็นคนที่เหนือกว่าเขา เมื่อลงมือกับเขายังรู้สึกไร้รสชาติ เป็นเพราะว่าคนผู้นี้ไม่สนใจความเป็นความตาย ชนะแพ้ มีเกียรติหรือเสียเกียรติ หากชนะเขาได้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกอับอาย ขุ่นข้อง เสียหน้า ผิดหวัง”
จักรพรรดิแพรยิ้ม “ผู้ชนะชิงสินสงครามไปจากเขามากเท่าไร เขาก็ไม่ใส่ใจ แม้แต่ความเป็นความตายเขาก็ไม่นำพา”
สิ่งที่เฉินเฉียนหัวยึดมั่นไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นขณะที่ต่อสู้กัน อีกฝ่ายสามารถสร้างสิ่งที่ทำให้เขาสนใจได้หรือไม่
นอกจากนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุญคุณความแค้น ผลแพ้หรือชนะ ความเป็นความตาย ผลได้ผลเสีย เขาล้วนไม่ใส่ใจ บางทีสมควรบอกว่า สิ่งที่เขาต้องการ แตกต่างจากคนส่วนใหญ่
โลกของคนเสียสติมักไม่เหมือนกับคนทั่วไป
“ไม่มีความโกรธของผู้แพ้ ขาดความยินดีของผู้ชนะ” จักรพรรดิแพรพูด “สำหรับคนที่เข้าใจเฉินเฉียนหัว เมื่อต่อสู้กับเขาแล้ว ต่อให้ชนะก็ไม่มีความสุขอันใด”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “นี่ก็ไม่แน่นัก สำหรับเฉินเฉียนหัวอาจจะใช่ แต่การได้ตบเขาเหมือนตบแมลง กลับเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับข้ายิ่ง เขาจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ”
จักรพรรดิแพรยิ้มเฉิดฉัน “คนที่มีระดับพลังฝึกปรือใกล้เคียง และสามารถตบเขาเหมือนตบแมลงได้จะมีสักกี่คน?”
เขาผุดกายขึ้น มองเมิ่งหว่านและเฉินหมิงอิง “ในเมื่อเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็กลับโลกซ้อนโลกเถอะ วันนี้รบกวนแล้ว สหายร่วมเส้นทางเฉินโปรดอภัยให้ด้วย”
“ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยบอกแล้ว แต่ว่าข้าก็ยังต้องขอรบกวนอีก เพราะพลัดพรากกับหว่านเอ๋อร์มาหลายปี จึงไม่ได้ทำหน้าที่ของผู้เป็นบิดา ล้วนต้องพึ่งพาท่านชุบเลี้ยงชี้แนะนาง ข้าซาบซึ้งใจจริงๆ”
เฉิงหมิงอิงรีบกล่าวว่าไม่กล้ารับ รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขณะมองเมิ่งหว่านที่ต้องลาจากกัน
เมิ่งหว่านปลอบนาง “วันหน้าหากมีโอกาส ศิษย์จะต้องมาเยี่ยมท่านอาจารย์อีกครั้ง”
จักรพรรดิแพรยิ้มพร้อมพยักหน้า
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นไหวเล็กน้อย
………………..