ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1120 ข่าวตำหนักโอสถของวังเทพ
ในหอหนังสือของวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่มีวิธีหลอมเปลี่ยนน้ำวิเศษผนึกมาร แต่จนปัญญาที่ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอไม่มีวัตถุดิบหลัก ดั่งคำพูดสตรีที่ดีไร้ข้าวก็ไม่อาจหุง ดังนั้นจึงไม่เคยคิดถึงของสิ่งนี้
ต่อให้ไม่ใช้มันรับมือกับมารร้ายจากนพยมโลก น้ำทว่าก็ยังคงเป็นวัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธที่ยอดเยี่ยมได้อยู่แล้ว
มันเอามาใช้หลอมสร้างอาวุธเซียนได้เหมือนกับผ้าหยกสหัส
ถ้าหากใช้สู้กับมารได้เท่านั้น ก็ดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไรนัก
สรรพคุณไม่ได้มีเพียงหนึ่ง และทุกๆ สรรพคุณก็เรียกได้ว่าล้ำเลิศ คุณค่าของมันจึงเพิ่มระดับขึ้นเป็นเส้นตรง
โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอพอใจก็คือ น้ำวิเศษผนึกมารหายากเหลือเกิน ขวดโหลตรงหน้าแม้ดูมีปริมาณไม่มาก แต่ความจริงนับว่าเยอะปานมหาสมุทรแล้ว
“ขอบคุณผู้อาวุโสฉู่” เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่เกรงใจ เก็บขวดโหลผลึกแก้ว จากนั้นก็ประสานมือให้แก่ฉู่หลีหลี “เพียงแต่ข้าผู้แซ่เยี่ยนไร้ความสามารถ มักจะเถลไถล ถ้าหากว่ามีการตอบกลับ อาจส่งกลับไม่ทันเวลา ถึงตอนนั้นต้องไหว้วานคนอื่น ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสฉู่จะว่าอะไรหรือไม่”
ฉู่หลีหลีคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ถ้าหากเจ้าเป็นคนจัดการย่อมประเสริฐสุด แต่ถ้าเจ้าทำไม่ได้ก็ให้พวกพี่ใหญ่เยว่ตัดสินใจแล้วกัน”
“ตามแต่ผู้อาวุโสจะฝากฝัง” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ
การสนทนาต่อจากนั้นผ่อนคลายลงมาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นการถกกันในด้านวิชาเต๋า
ฉู่หลีหลีได้ผลักเปิดประตูเซียน ไม่ต้องพูดถึงประสบการณ์
แต่ว่าในตอนที่คุยกัน นางก็ค้นพบอย่างแตกตื่นสงสัยว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ มีความรู้มากมาย ดูไม่ธรรมดา สุดที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปจะเทียบเคียงได้
คนทั้งสองคุยกันไปคุยกันมา สุดท้ายกลับเริ่มสัพยอกเกาฉิง ทำเอาเกาฉิงขุ่นเคืองจนกระทืบเท้า
เมื่อบทสนทนาจบลง ฉู่หลีหลีก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ดีใจจริงๆ แต่ก็ทำพวกเจ้าเสียเวลามากไปแล้ว ฉิงเอ๋อร์น้อยกลับไปพร้อมอาจารย์อาของเจ้าเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งมามรกตท่องฟ้าเป็นครั้งแรก”
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็บอกลา เกาฉิงยังกล่าวอีกว่า “หลังจากข้ากลับเขาแหนเขียวแล้ว จะมาคุยกับแม่เฒ่าอีก”
“ไปเถอะๆ” ฉู่หลีหลีโบกมือให้พวกเขา
รอจนสองคนออกจากตัวเรือน ฉู่หลีหลีก็ถอนใจ มองท้องฟ้าด้านบนอย่างเหม่อลอย ใบหน้าฉายแววโดดเดี่ยว
เฝยเฝยที่เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวน้อยกระโดดขึ้นหัวไหล่ของนาง หางปุกปุยปัดแก้มนางเบาๆ “หลีหลี อย่าเศร้าไปเลย กษัตริย์ดาราจะต้องไม่เป็นไรแน่ เมื่อได้รับข้อความจากท่าน ก็คงจะตอบกลับท่านเอง”
“ผิงผิง ข้าจะต้องกลับไปพบอาจารย์ให้ได้” สายตาที่เลื่อนลอยของฉู่หลีหลีเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ นางกล่างย้ำชัดทุกคำ
…
เยี่ยนจ้าวเกอออกจากหุบเขานาวาสมัยพร้อมกับเกาฉิง จากนั้นก็กลับเขาแหนเขียวบนดินแดนสุขี
ระหว่างทาง เขาหันไปมองเขาฟ้าไพศาลอันเป็นที่อยู่ของหุบเขานาวาสมัย
“อาจารย์อาเล็ก เป็นอะไรไปหรือ” เกาฉิงเห็นการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ จึงกล่าวถามอย่างสงสัย
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม พลางส่ายหน้า “ไม่มีอะไร พวกเราไปเถอะ”
เกาฉิงแม้ว่าจะค่อนข้างสนิทสนมกับฉู่หลีหลี แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวฉู่หลีหลีกันแน่ เหตุใดถึงต้องออกจากโลกซ้อนโลก มาแอบซ่อนตัวอยู่ในมรกตท่องฟ้า
ถึงขั้นที่ว่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดของมรกตท่องฟ้าก็ยังรู้สึกสงสัย คาดว่าพวกเขาเองก็จับตาดูฉู่หลีหลีเป็นระยะเวลานานเช่นกัน ต่อให้ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง
เหมือนที่มีคนลองหยั่งเชิงเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งมาจากโลกซ้อนโลก จนก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น
ฉู่หลีหลีแทบจะไม่ออกมาด้านนอก และยากจะได้รับข้อมูลที่สำคัญของมรกตท่องฟ้า ดังนั้นจึงไม่กลัวว่านางจะส่งข่าว
แต่เกรงว่าข้อความในหยกอู้ปี้ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอนั้น แม้แต่เกาเสวี่ยโพกับหลงเสวี่ยจี้สองพี่น้องก็รู้สึกสนใจ
“จริงสิ ท่านอาจารย์อาเล็ก” ระหว่างทาง เกาฉิงพลันนึกอะไรได้ “ท่านยังจำตอนที่พวกเราเจอกันเป็นครั้งแรกได้หรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “จำได้ เป็นโลกโอสถเซียนเจ็ดชั้นนั่น”
ความคิดของเขาทำงาน คิดถึงเรื่องราวในตอนนั้น
ในตอนนั้นนอกจากเขากับพวกเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว ยังมีลูกศิษย์จากมรกตท่องฟ้าที่มีเกาฉิงเป็นผู้นำ รวมถึงจอมยุทธ์ยอดเขาอัศจรรย์ที่มีฟู่ถิงเป็นผู้นำ
ครั้งนั้นสามฝ่ายรวมตัวกันแย่งชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับในโลกโอสถเซียน
ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาขาวเรืองบนเขาแหนเขียวในมรกตท่องฟ้า หรือว่าเป็นผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ในเขาคุนหลุน ตอนนั้นต่างก็มียอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายลงมือ
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนนั้นยังเป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูป ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ยากจะสั่นสะเทือน
คิดจะหยิบเกาลัดในไฟย่อมมีความยากไม่น้อย ได้แต่ดูว่าทั้งสองฝ่ายจะเพลี่ยงพล้ำไปทั้่งคู่ มอบโอกาสในการเป็นชาวประมงได้ประโยชน์ให้แก่เขาหรือไม่
ผู้ใดหาทราบไม่ ว่าถึงตอนสุดท้ายกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าประหลาดขึ้น
ตำหนักโอสถของวังเทพสะท้อนเป็นเงาลวง คล้ายกับสัตว์ประหลาดที่มีชีวิต กั้นไว้ด้วยมิติเวลามากมาย กลืนกินจอยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนของยอดเขาอัศจรรย์และยอดเขาขาวเรืองเข้าไปพร้อมกัน!
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับถูกเหนี่ยวนำ เดินทางทะลุมิติเวลา เหมือนกับกลับคืนสู่ตำหนักโอสถ เป็นผลให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ ฟู่ถิง และเกาฉิงถูกดูดไปด้วย
ระหว่างนั้นเยี่ยนจ้าวเกอได้ลอบวางหมาก กระตุ้นเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ กระแทกให้มันหลุดออกจากการดูดของตำหนักโอสถ ทุกคนจึงค่อยรอดชีวิตออกมาได้
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกออย่างลับๆ เพราะเหตุนี้
ภายหลังพวกเขาพลัดหลงเข้าไปในดินแดนสุขาวดีของศาสนาพุทธ ไปถึงโลกของศาสนาพุทธที่มีชื่อว่าแดนขวางกั้น
ทว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนที่ถูกดูดไปก่อนกลับไม่รอด ภายหลังก็ไม่มีข่าวคราวอีก
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเจอฟู่ถิงอีกครั้งก็ยังคงพูดถึงเรื่องนี้ ว่ากันว่าจักรพรรดิแพรกับยอดฝีมือของยอดเขาอัศจรรย์วางแผนค้นหา แต่ไม่มีผลลัพธ์ใด
“ไม่ทราบว่าเหล่าสหายของสำนักท่านที่ติดอยู่ในมิติเมื่อครั้งนั้น ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เขาถามเกาฉิง “มีข่าวคราวแล้วใช่หรือไม่”
เกาฉิงตอบ “ยังไม่มีข่าวคราวของพวกอาจารย์ปู่น้อยถัง แต่ว่าอาจารย์อาเล็กก่อนหน้าพบเบาะแสส่วนหนึ่งนี้อยู่ในมิติ คล้ายชี้ไปที่ตำหนักโอสถของโถงเซียนในตำนาน”
นางรู้สึกเป็นห่วง “ผ่านไปตั้งสิบกว่าปี แม้จะเจอตำหนักโอสถ แต่เกรงว่าพวกอาจารย์ปู่น้อยถังคงจะ…”
“ขอให้ฟ้าคุ้มครองพวกเขา” ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่สมควรพูดอะไรอีก
มรกตท่องฟ้ามีเบาะแสใหม่แล้วย่อมเป็นเรื่องดี แต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตนควรจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ ไปก่อน
ตำหนักโอสถของวังเทพรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ แต่ว่าตอนนี้คล้ายกับแฝงความประหลาดอยู่หลายส่วน
คนทั้งสองกลับถึงยอดเขาขาวเรือง ไม่เห็นร่องรอยของหลงเสวี่ยจี้ เหลือแค่เกาเสวี่ยโพกับหลงฮั่นหัว
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ปิดบังเรื่องที่สองฝ่ายได้เจอ บอกเล่าให้ฟังคร่าวๆ
“ส่งให้กษัตริย์กระบี่กับกษัตริย์เร้นลับ แต่ไม่พูดถึงจักรพรรดินี…” เกาเสวี่ยโพครุ่นคิด ครู่ต่อมาค่อยพูดว่า “เรื่องนี้เจ้าอยากจะรับไว้ก็รับเถอะ ถ้าหากว่าลำบาก ข้าหาคนมาทำแทนก็ได้เหมือนกัน ไม่เกิดความผิดพลาดแน่นอน”
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นอันตรายมากกว่าวาสนาต่อเยี่ยนจ้าวเกอ ถ้าหากว่าล่วงเกินจักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงย่อมได้ไม่คุ้มเสีย หากให้มรกตท่องฟ้าส่งคนมาทำแทนก็ไม่มีข้อกริ่งเกรงนี้อีก
“หาเป็นไรไม่ อาจารย์ลุงเกาไว้ใจข้าเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกล่าว แต่ไม่ได้มีเจตนาล้อเล่น
เกาเสวี่ยโพเห็นดังนั้นก็พยักหน้า จากนั้นเขาเปลี่ยนหัวข้อพูด “เพิ่งมีข่าวหนึ่งส่งมาจากโลกซ้อนโลก”
“เช้าวันนี้ ประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวบุกผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์”
………………..