ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1209 จับกุม
นักพรตเสื้อคลุมเทากล่าวตามสัตย์จริง วินาทีที่เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือออกมา เขาตกใจยิ่งกว่าโมโห
ขณะที่ตกใจก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเหลือแสน ต่อให้อีกฝ่ายมาตามหาสั่วหมิงจาง แต่ว่าสั่วหมิงจางที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร เผ่าพันธุ์คุนเผิงให้ความสำคัญขนาดนี้เลยหรือ
หลังความตกใจก็กลายเป็นความโมโห
เด็กน้อยระดับราชาปีศาจขั้นแปดตนเดียวขวัญกล้าบังอาจลงมือกับตัวเอง?
เอาความกล้ามาจากที่ใดกัน
ตนความจริงเป็นมังกรเจียวหลง ไม่ใช่มังกรจริงแท้ แต่ก็อยู่ในระดับราชาปีศาจขั้นสิบสูงสุด เหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะสำเร็จร่างมังกรจริงแท้แล้ว
ต่อให้เผ่าพันธุ์คุนเผิงมีพรสวรรค์กล้าแข็งขนาดนไหน มีการสืบทอดเหี้ยมหาญสักเพียงไรก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายก้าวข้ามข้อแตกต่างที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ได้
ราชาปีศาจขั้นเก้าถึงราชาปีศาจขั้นสิบ หรือว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบสมบูรณ์ ความแตกต่างในนี้เหมือนการขวางกั้นเพียงก้าวเดียว แต่ก็เหมือนกับร่องน้ำทางธรรมชาติ
ยอดฝีมือระดับราชาปีศาจขั้นเก้าสิบคนกลุ้มรุมโจมตี ยังทำอะไรมันไม่ได้ ยิ่งอย่าว่าแต่คุนเผิงที่อยู่ในระดับราชาปีศาจขั้นแปดเพียงตนเดียว
“บังอาจนัก!” นักพรตเสื้อคลุมเทารู้สึกเหมือนถูกดูถูกและหยามเหยียด เป็นเพราะมันเองก็มองออกว่าที่พึ่งของคุนเผิงน้อยตรงหน้านี้อยู่ที่อีกฝ่ายเป็นคุนเผิงเลือดบริสุทธิ์ แต่มันเป็นเผ่ามังกรเลือดผสม เบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกัน
นักพรตเสื้อคลุมเทาหัวเราะเย็นชาติดต่อกัน สะบัดกรงเล็บข้างหนึ่งออกไปคว้าจับใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!
“คุนเผิงน้อย เจ้าลืมแล้วหรือ ถึงแม้ข้าจะเป็นเจียวหลง แต่ว่าขอแค่ผ่านภัยพิบัติมนุษย์เซียนได้ก็จะสำเร็จเป็นมังกรจริงแท้!”
ยอดฝีมือที่มีศักยภาพเหมือนเขา เผ่ามังกรที่แท้จริงให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนเช่นเดียวกัน
ไม่อย่างนั้นคงไม่ส่งเขามาทำงานในโลกมังกรอัคคี
ถ้าหากว่าเขากับเผ่ามังกรโดยกำเนิดเกิดความขัดแย้งกัน เช่นนั้นในฐานะลูกของแม่เลี้ยงยากจะไม่เสียเปรียบ
แต่ว่าในการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์อื่น เผ่ามังกรต่างสนับสนุนเขา!
ใบหน้าของนักพรตเสื้อคลุมเทาเปลี่ยนเป็นดุร้าย ถอดร่างมนุษย์ออกไปเกือบหมด ปรากฎศีรษะของมังกรเจียวหลง
แต่มันก็งงงวยอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นประกายแสงกะพริบขึ้นในฝ่ามือของอีกฝ่าย จากนั้นฝ่ามืออีกข้างหนึ่งก็ยื่นมาจากด้านใน
กลิ่นอายของฝ่ามือข้างนั้นทำให้นักพรตเสื้อคลุมเทาไม่คุ้นเคย “นี่…นี่หรือว่าเป็นเลือดลมของมนุษย์?”
มันคิดในใจว่าแย่แล้ว หมายจะถอยหนี แต่ว่าฝ่ามือที่ยื่นออกมาจากในประกายแสงนั้นจะปล่อยให้เขาหนีได้อย่างไร
ฝ่ามือจับกรงเล็บมังกีเจียวหลงของนักพรตเสื้อคลุมเทาที่คืนร่างเดิม จากนั้นก็ฉุดลากเข้าไปในแสงสว่าง!
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกางปีกสองข้างที่ด้านหลัง ร่างเกิดการเปลี่ยนแปลง ค่อยๆ กลายเป็นลักษณะของคุนเผิงที่แท้จริง
ปราณของจอมปีศาจอันยิ่งใหญ่กระจายไปรอบๆ อำพรางลมปราณที่เยี่ยนจ้าวเกอตัวจริงลงมือในระดับหนึ่ง
นักพรตเสื้อคลุมเทาทันส่งเสียงร้องแค่คำหนึ่ง ก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอลากเข้าไปในประกายแสงกลางฝ่ามือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกำหมัด ประกายแสงย่อมหายไป
นักพรตเสื้อคลุมเทาเวียนหัวสมองพอง ทิวทัศน์ตรงหน้าเปลี่ยนแปลงกลายเป็นม่านแสงหลายชั้น เข้ามาในมิติอันเป็นเอกเทศที่ไม่มั่นคงมิติหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอตัวจริงยืนอยู่ในมิตินี้ มองมันด้วยรอยยิ้ม
‘ยังมีจุดลมปราณอีกแปดจุดไม่ได้เห็นเทวะ มนุษย์ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าหรือ ไฉนจึงได้รู้สึกน่ากลัวถึงเพียงนี้’ นักพรตเสื้อคลุมเทาแตกตื่นสับสน ยังคงคิดจะดิ้นให้หลุดจากฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ
พลังที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ลากมันเข้าในมิติแห่งนี้ทำให้มันสั่นสะท้าน
วินาทีนี้มันไม่มีเวลาอับอายและโมโหอีกแล้ว ทั้งไม่คิดจะจู่โจมเยี่ยนจ้าวเกอ ขอแค่หลุดออกจากมิติแห่งนี้ได้ค่อยว่ากัน
แต่ว่าฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับรัดอยู่บนข้อมือของนักพรตเสื้อคลุมเทา ไม่ว่าจะออกแรงดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับหนีได้
‘คุนเผิงกับมนุษย์ร่วมมือกันแล้ว? พวกเขาคิดทำอะไร’ นักพรตเสื้อคลุมเทาเห็นว่าดิ้นไม่หลุดก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว คว้ากรงเล็บใส่ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอไพล่มืออีกข้างไว้ด้านล่าง ไม่มีความคิดจะป้องกัน
มือขวาที่จับนักพรตเสื้อคลุมเทาไว้ของเขาสะบัดทีหนึ่ง
นักพรตเสื้อคลุมเทาร่างถูกเยี่ยนจ้าวเกอพาบินขึ้นกลางอากาศ ศีรษะหนักเท้าเบา
เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดมือวูบหนึ่ง กระดูกของอีกฝ่ายเหมือนเกือบจะหลุดออกจากกัน
ขณะที่สะบัด นักพรตเสื้อคลุมเทาผู้นั้นก็สูญเสียร่างมนุษย์ ขณะที่ควันสีเทาลอยคละคลุ้งก็ปรากฏร่างเดิมของมังกรเจียวหลง
ร่างมหึมาเหลือประมาณพอถูกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าเกอบีบไว้ กลับหดเล็งลงเหมือนเชือกฟางเส้นหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอขวางมือสะบัดกลางอากาศ สะบัดจนลมปราณญาณจริงแท้สลาย สะบัดจนกระดูกหลุดออกจากกัน กลายเป็นอ่อนยวบยาบราวกับงูตาย
เขาค่อยยื่นมือซ้ายออกมาจับคอของของเจียวหลงสีเทาจากอีกด้านหนึ่งอย่างสบายๆ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “เอาละ ตอนนี้พวกเราคุยกันได้แล้ว”
“ท่านทำไมถึงมาที่นี่ เจ้าของของที่นี่ได้ทิ้งอะไรเอาไว้ตรงนี้หรือ”
เจียวหลงสีเทากลอกตา มองมิติที่มีลำแสงวูบวางตรงหน้าด้วยจิตใจสิ้นหวัง
เมื่ออยู่ที่นี่ ตนตายไปก็ไม่มีผู้ใดทราบ
อย่างน้อยก็สัมผัสไม่ได้ในทันที รอจนยอดฝีมือในเผ่าพันธุ์ของตนพบ เยี่ยนจ้าวเกอคงหนีไปไม่เห็นเงาแล้ว
“ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่ง รับคำสั่งมาดูว่าเจ้าของของที่นี่ได้ทิ้งอะไรไว้หรือไม่” เจียวหลงสีเทาตอบอย่างจนปัญญา “ปัจจุบันยังไม่ค้นพบอะไร และไม่ทราบว่าจะมีจริงๆ หรือไม่ เพียงแต่ว่าไม่มีเบาะแสอื่น ดังนั้นได้แต่มาแสวงโชคที่นี่”
“ทำไมไม่มาช้าหรือมาเร็วกว่านี้ ทำไมถึงมาช่วงนี้” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
เจียวหลงสีเทาตอบ “เจ้าของของที่นี่ยากจะตามหาร่องรอย ฟังว่าก่อนหน้านี้ในที่สุดก็ปรากฏตัว แต่ว่ายังคงเร้นลับเหมือนภูตผี ดังนั้นคนในเผ่าจึงได้สั่งให้ข้ามาตรวจสอบ”
“เจ้าของของที่นี่ได้ออกจากที่นี่ไปหลายพันปีแล้ว เพียงแต่ว่าประมาณหนึ่งพันปีก่อนได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง สมควรไม่ใช่ไร้เหตุผล ดังนั้นทางเผ่าจึงสงสัยว่าเขาทิ้งอะไรเอาไว้”
เยี่ยนจ้าวเกอถามไถ่เวลาอย่างละเอียด จากนั้นก็ลองคำนวณดูคร่าวๆ
ในตอนที่ออกจากโลกมังกรอัคคีในตอนแรก กับเวลาที่ว่ากันว่าปรากฏตัวขึ้นในจักรวาลสำนักเต๋าของราชันพระอังคารไม่อยู่ห่างกันมากนัก
พูดอีกอย่างก็คือ หลังจากออกไปแล้วก็ไม่ได้กลับมา จนกระทั่งพันปีก่อนค่อยกลับมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อลองคำนวณดู ไฉนพอดูไปจึงคล้ายกับว่ากลับมาเพราะมีธุระโดยเฉพาะ
เช่นนั้นมาทำเรื่องอะไร
มิน่าทุกคนถึงได้สนใจโลกมังกรอัคคีนัก
เยี่ยนจ้าวเกอสลายลมปราณของเจียวหลงสีเทาตัวนี้ทิ้งชั่วคราว จากนั้นก็ใช้ตราประทับตะวันสะกดไว้ แล้วให้พ่านพ่นไปจัดการ
จะเอาไปรับประทานเป็นอาหาร หรือนำไปเป็นของเล่นก็แล้วแต่พ่านพ่านตัดสินใจเอง
ร่างแยกสมุรสุดขอบโลกยามนี้เหาะร่างลงมาถึงในหุบเขา สำรวจตรวจตรารอบๆ
‘ด้วยพลังฝึกปรือของราชันพระอาทิตย์ คิดจะซ่อนสิ่งของใดคนอื่นๆ ยากจะสัมผัสได้ แต่ว่าไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่อาจจะมียอดฝีมือจอมปีศาจระดับสุดยอดมาตรวจสอบ’ เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจ ‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนจึงไม่ได้ผลลัพธ์อะไร’
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเดินทอดน่องอยู่ในหุบเขาไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เห็นตรงหน้าตั้งไว้ด้วยเนินศพขนาดมหึมาเนินหนึ่ง
เขาจิตใจสั่นไหว เดินไปเบื้องหน้า เห็นป้ายหลุมศพสลักชื่อสองชื่อ
‘สถานที่ฝังศพบิดามารดาของราชันพระอังคารหรือ’
เนินศพไม่ได้มีผนึกพิเศษป้องกัน การดูแลอย่างง่ายๆ เช่นการป้องกันลมพัดดวงอาทิตย์ส่องยังเป็นเฝยอี๋ที่ยึดครองโลกมังกรอัคคีจัดการ แต่ไม่มีใครคิดทำลายเนินศพ
อย่างเช่นเจียวหลงสีเทาตนนั้นเป็นต้น พลังสายตาของเขาสามารถมองทะลุพื้นดินได้ หากมีอะไรซ่อนไว้ย่อมเห็นทันที
การทำลายเนินศพจะต้องเพาะเป็นความแค้นเป็นตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่คุ้มค่าเกินไป
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหมือนกันว่าตามนิสัยในเรื่องเล่า ราชันพระอังคารสมควรไม่นำหลุมศพของบิดามารดามาซ่อนสิ่งของ
เขาหันไปมองอีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีกระท่อมมุงฟางหลังหนึ่ง
………………..