ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1230 หลังจากนี้หลายปี เจ้ามีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษหรือ?
“หลายปีต่อจากนี้ เวลาจะพิสูจน์คำพูดในวันนี้ของข้า” จักรพรรดิอาทิตย์กล่าวจริงจัง “ตอนนี้พี่ร่วมเส้นทางไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่ว่าอย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งสะสมจนยากหวนคืน ถึงเวลาคิดหันหน้ากลับก็ไม่ทันกาลแล้ว ออกไปจากที่นี่กับข้าเถอะ อย่ายุ่งเรื่องของราชันพระอังคารกับราชันพระพฤหัสบดีไปมากกว่านี้เลย”
ทวนพระอังคารพอฟังก็หัวเราะขึ้น “หลายปีต่อจานี้ เจ้าจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษหรือ”
เขาขี้คร้านจะเสวนากับจักรพรรดิอาทิตย์ การเคลื่อนไหวไม่หยุดลง พุ่งไปยังที่ไกล
“คนดื้อรั้นโง่งมเช่นนี้ ไฉนต้องเปลืองวาจาอีก เขาคิดจะเดินบนเส้นทางตายพร้อมกับสั่วหมิงจาง ก็สนองพวกเขาเสียสิ” สตรีนางหนึ่งด้านข้างจักรพรรดิอาทิตย์กล่าวอย่างเย็นชา
จักรพรรดิโถงเซียนที่เป็นอิสตรีทางหนึ่งไล่ตามทวนพระอังคาร ทางหนึ่งยกมือขึ้น แสงอัสดงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกจากฝ่ามือของนาง
แสงอัสดงสีเงินระเบิดความเร็วน่าตระหนก พริบตาเดียวก็วาดผ่านอากาศ บรรลุถึงด้านหลังทวนพระอังคารในชั่วพริบตาเหมือนดาวตก
ทวนพระอังคารสะบัดร่างโจมตีใส่แสงเงินเหมือนมังกรอัคคีสะบัดหาง ประกายสีเงินพลันแตกร้าวออก คล้ายกับนอกจากจะมีความเร็วสูงแล้ว ในด้านพลังกลับไม่มีส่วนพิเศษใดอีก ทว่าแสงเงินแตกร้าวแต่ไม่สลาย ขยายออกกลายเป็นแหฟ้าตะข่ายดิน ครอบคลุมทวนพระอังคาร
ทวนพระอังคารรับรู้ได้อย่างเลือนรางว่าความเย็นเยือกอันสั่นสะท้านด้านในกำลังเล็งที่ตัวเอง เขาไม่หยุดเคลื่อนไหว ยังคงพุ่งไปด้านหน้า กลับสู่ร่างจริงซึ่งเป็นทวนวงเดือนแล้ววาดกลางอากาศครั้งหนึ่ง
ตาข่ายยักษ์ที่แสงสีเงินหลายสายสานกันพลันถูกเฉือนตัด ผิวของทวนพระอังคารเหมือนชุบด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีเงิน กะพริบแสงเหมือนกับผลึกน้ำแข็ง
ทวนยักษ์สีแดงฉานสะบัดใส่อากาศ เกล็ดน้ำแข็งทั้งหมดบนผิวแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง เห็นเปลวไฟลุกโชนอีกครั้ง
แต่เป็นเพราะการขัดขวางนี้ พวกจักรพรรดิอาทิตย์จึงตามทัน โดยเฉพาะภายใต้การสาดส่องจากประกายกระจกของจักรพรรดิอาทิตย์ การเคลื่อนไหวของทวนพระอังคารพลันชะงักเล็กน้อย
จิตอันยิ่งใหญ่ของการเบิกฟ้าผ่าดินปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทวนยักษ์สีแดงฉานทำลายการขวางกั้นของประกายกระจก
แต่อากาศตรงหน้าวูบไหวครั้งหนึ่ง เงาร่างสีแดงสายหนึ่งลอยผ่าน จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำใช้วิชาร่างกาลอวกาศจุดกำเนิด แซงไปอยู่ตรงหน้าแล้ว
ทั้งสองเป็นศัตรูทางคับแคบ ทวนพระอังคารในตอนนี้ฝ่าวงล้อมสุดกำลัง ยิ่งไม่อาจเกรงใจกับเขา ฟันใส่ทวนเสียหนึ่งหน
กระแสปราณหลายสายประกอบกัน ทวนยักษ์สีแดงฉานเหมือนเปลี่ยนรูปร่าง คล้ายขวานไม่คล้ายขวาน คล้ายธงไม่คล้ายธง
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเห็นดังนั้นสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน มือซ้ายฝ่ามือ มือขวากำปั้น ปะทะกับทวนพระอังคาร
ระหว่างฝ่ามือซ้ายของเขามีปราณหยินหยางสองสายโคจร แฝงจิตแห่งไท่จี๋ หมัดข้างขวาเหมือนดำรงอยู่ทุกที่ แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย กระจายไปทั่วฟ้า
ปราณพิสุทธิ์หลายสายสานกันบนมือขวาของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ กลายเป็นรูปร่างไม้เท้า
ฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดวรยุทธ์ก่อนกำเนิดและวิชาไม้เท้าบดขยี้วรยุทธ์หลังกำเนิดในการสืบทอดกระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์ ตอนนี้ประสานกันสมบูรณ์แบบไร้ช่องว่าง ไม่มีข้อบกพร่องใด เหมือนกับความน่าอัศจรรย์จากการสรรสร้างที่ปลายมรรคา
วิชาของทวนพระอังคารมาจากการแสดงการถ่ายทอดลับในคัมภีร์เบิกนภา เคยสะกดฝ่ามือหยินหยางขั้วกำเนิดของจักรพรรดิแพรจนสิ้นท่าไม่อาจบอกกล่าวเป็นคำพูดได้
ทว่าวินาทีนี้ การสะกดบนหลักการวรยุทธ์ไม่เกิดขึ้น ทำให้จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำไม่ได้เสียเปรียบเท่าตอนนั้น
สองฝ่ายปะทะกันซึ่งหน้า
จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำร่างเซไปด้านหลัง สภาวะเคลื่อนที่ไปด้านหน้าของทวนพระอังคารถูกหยุดยั้ง ชะงักอยู่ที่เดิมวินาทีหนึ่ง
ผลลัพธ์ของการเข้าปะทะกันยังคงเป็นทวนพระอังคารเหนือกว่าขั้นหนึ่ง ต่อให้จะเสียท่าในด้านวรยุทธ์ แต่ว่าหลังจากแบ่งแยกจากหนึ่งเป็นสอง พลังของจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำกลับสู้จักรพรรดิแพรตอนมีแค่คนเดียวก่อนจะแบ่งแยกไม่ได้
กระนั้นเขาไม่คิดจะตัดสินผลแพ้ชนะกับทวนพระอังคารด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้ว
หลังจากขัดขวางทวนพระอังคารในการปะทะกันหนึ่งกระบวนท่า ก็สามารถช่วยให้คนอื่นๆ ไล่ตามมาถึง โอบล้อมทวนพระอังคารได้โดยสมบูรณ์
ทวนพระอังคารไร้ความหวั่นเกรง แต่ไม่คิดจะพูดอะไร เปลี่ยนทิศทาง ฟันอีกทวนหนึ่งใส่จักรพรรดิจากโถงเซียนคนหนึ่งทันที
ถึงแม้จิตใจจะขุ่นแค้นจักรพรระอาทิตย์ และมีแค้นเก่ากับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำ แต่ในการต่อสู้ ทวนพระอังคารไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็น
ที่ไม่เลือกจักรพรรดิอาทิตย์กับจักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเป็นเป้าหมาย ไม่ใช่คำนึงถึงว่าทุกคนในฐานะสำนักเต๋าสายหลักไม่ควรต่อสู้กันเอง แต่เป็นเพราะว่า คู่ต่อสู้คนอื่นอ่อนแอยิ่งกว่า
ตอนนี้เขาถูกกลุ้มรุม คิดจะฝ่าวงล้อม ย่อมต้องเลือกโจมตีส่วนเปราะบางของศัตรู
แสงเพลิงแห่งการเบิกฟ้าที่เหมือนสว่างไสวและเย็นเยียบสว่างขึ้น มาถึงด้านหน้าอีกฝ่าย พลันทำให้ศัตรูเกิดความรู้สึกเหมือนติดอยู่ในทะเลเพลิง
ตัวตนที่เชี่ยวชาญการโจมตีเฉกเช่นทวนพระอังคาร ยามเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าตัวเองจะก่อให้เกิดสภาวะทำลายล้างได้อย่างง่ายดายที่สุด ทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายถูกกดดันจนแตกพ่าย วงล้อมปรากฏช่องว่างขึ้น
อีกฝ่ายกล้าไม่ถอย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะต้องตัดสินเป็นตายในสามกระบวนท่า!
จักรพรรดิโถงเซียนที่ถูกทวนพระอังคารหมายตา ลักษณะเหมือนกับนักศึกษวัยกลางคน ดูสุภาพเรียบร้อย แต่ตอนเผชิญกับทวนพระอังคาร ปฏิกิริยาเขากลับไม่อ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว
เขาผลักสองมือใต้ชุดนักศึกษาออกด้านหน้าพร้อมกันแล้วโอบเป็นวง ก่อนจะชูขึ้นสูง แล้วฟาดลงอย่างรุนแรง เหมือนกับหวดค้อนยักษ์ด้ามหนึ่ง
ปราณเซียนหลายสายกอปรกันเป็นค้อนขนาดมหึมาเหมือนกับภูเขาเทพโบราณกาลด้ามหนึ่ง แข็งแกร่งไร้สิ่งใดเทียม หวดฟาดใส่ทวนพระอังคาร
เหมือนกับแม่ทัพใหญ่สองนายประจัญหน้ากัน พบกันทางคับแคบบนสมรภูมิในยุคโบราณ คนหนึ่งฟาดด้วยค้อนสงครามขนาดยักษ์ คนหนึ่งหวดด้วยทวนวงเดือน ปะทะกันกลางอากาศ
ทวนพระอังคารถึงขั้นรู้สึกได้ว่า เซียนจริงแท้ที่มาจากโถงเซียนตรงหน้าผู้นี้ฝึกฝนปราณเที่ยงตรง หนึ่งในห้าปราณเซียนซึ่งแข็งแกร่งคงทนที่สุด
แต่เขาไม่ใส่ใจ
เต๋านอกรีตสุดท้ายก็คือเต๋านอกรีต!
ทวนพระอังคารสะบัดใส่ ความคมกริบเบิกฟ้าที่รุนแรงไร้สิ่งใดต้านทาน แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย พลันแยกค้อนยักษ์ของอีกฝ่ายออกเป็นสอง!
ทวนยักษ์สีแดงฉานสภาวะไม่หยุดลง ฟันใส่อีกฝ่ายต่อ!
ประกายกระจกจากโคมในคันฉ่องของจักรพรรดิอาทิตย์สาดส่องทวนพระอังคารอีกครั้ง แต่ทวนพระอังคารเหมือนไม่เห็นในสายตา
แม้จะถูกประกายกระจกขวางไว้ ไม่อาจสังหารคู่ต่อสู้ตรงหน้าได้ เขาก็มีความั่นใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บหนัก กดดันให้ออกจากาการต่อสู้ เปิดทางหนึ่ง แล้วฉีกวงล้อมเป็นช่องว่างได้
ทว่าในตอนนี้ เหนือศีรษะคู่ต่อสู้ที่เหมือนนักศึกษาตรงหน้าพลันมีร่มเล็กๆ สีเหลืองตุ่นอันหนึ่งลอยขึ้น จากนั้นลวดลายอาคมหลายสายก็สว่างขึ้นกลางอากาศ
ค่ายกลหนึ่งเผยลักษณะจริงแท้ของตัวเอง นักศึกษาวัยกลางคนผู้นั้นสูดหายใจตะเบ็งเสียง หวดอีกค้อนโจมตีใส่ทวนพระอังคาร
ทวนพระอังคารจิตใจสั่นสะท้าน ดูจากสถานการณ์ที่ปะทะกันหนึ่งกระบวนท่าเมื่อครู่ หลังจากคู่ต่อสู้ตรงหน้าพ่ายแพ้ ไม่น่าจะสร้างสภาวะโจมตีใหม่ ขัดขวางกระบวนท่านี้ของเขา ขจัดอันตรายทิ้งได้ไวขนาดนี้
ปัญหาอยู่ที่ค่ายกลนั้น
ทวนพระอังคารเหลือบหางตาเห็นว่านอกจากคู่ต่อสู้ตรงหน้าแล้ว รอบๆ ยังมีจักรพรรดิโถงเซียนอีกสี่คน ซึ่งที่กลางอากาศเหนือศีรษะมีร่มเล็กๆ คันหนึ่งลอยอยู่
ร่มเล็กๆ สี่คันแยกเป็นสีขาว สีแดง สีดำ สีเขียว
“ค่ายกลต่อสู้…ห้าธาตุ…” ทวนพระอังคารที่มีประสบการณ์เต็มเปี่ยมเข้าใจในทันที
จักรพรรดิโถงเซียนประสานค่ายกลต่อสู้ เขาความจริงไม่ใส่ใจ เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามและเวลามากมาย ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น และปัญหาอยู่ที่ว่า รอบๆ ยังมีจักรพรรดิอาทิตย์เทียนไขและจักรพรรดิอาภรณ์ดำ
เป็นอย่างที่คาด เมื่อไม่อาจฝ่าวงล้อมได้ในระยะเวลาสั้นๆ แสงโคมจากโคมในคันฉ่องก็เปลี่ยนเป็นหนาหนักขึ้น ทำให้ทวนพระอังคารรู้สึกเหมือนแบกรับภาระไร้สิ้นสุด
ขณะนี้จักรพรรดิพระอาทิตย์เข้าใกล้เขาแล้ว
………………..