ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1260 สหายสุกรทำเสียเรื่อง สหายกระทิงทำเสียเรื่องเช่นกัน
‘ปีศาจกระทิงกับ…ปีศาจจิ้งจอกหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย
ต่อให้กระทิงฉกรรจ์สองตัวนั้นจะรักษาลักษณะเด่นทางร่างกายของกระทิงไว้บนร่างมากเกินไป แต่มองรูปร่างของพวกเขาเพียงแวบเดียวก็ทราบว่ากอปรด้วยสติปัญญา มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนร่างเป็นคนได้
สตรีสองนางนั้น ดูจากลักษณะของพวกนางแล้ว โอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือปีศาจจิ้งจอกเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
ปีศาจจิ้งจอกถนัดการแปลงร่างมากกว่าปีศาจกระทิง หากมีพลังการบำเพ็ญมากพอ การกลายร่างเป็นมนุษย์แทบไม่มีช่องโหว่ เมื่อไม่มีวิธีการพิเศษ คนธรรมดาก็ยากจะแยกแยะ
ในจักรวาลสำนักเต๋า เผ่าปีศาจที่เปลี่ยนร่างเป็นคนได้ หากยากถึงขีดสุดจนแทบไม่มี ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่เคยไปโลกมังกรอัคคีรอบหนึ่งทราบว่าเผ่าปีศาจจำนวนมากในโลกใบนี้ต่างอยู่ในจักรวาลอีกแห่ง
ครั้งนี้กลับค้นหาตำหนักโอสถเจอตามเบาะแส
เป็นเพราะปัจจัยทางประวัติศาสตร์ เผ่าปีศาจ เสำนักเต๋า และวังเทพ จึงมีการพัวพันกันอย่างลึกซึ้งมากมาย ในประวัติศาสตร์สำนักเต๋าก็มีผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจที่บรรลุมรรควิถีกลายเป็นเซียน
พวกเขามีเบาะแสหรือของวิเศษที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวังเทพ ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก
มรกตท่องฟ้าทราบแต่แรกแล้วว่ามีเผ่าปีศาจเข้ามายุ่งเกี่ยว นอกจากนี้ยังได้แจ้งเยี่ยนจ้าวเกอ ดังนั้นตอนนี้พอพบอีกฝ่ายก็ไม่ได้ประหลาดใจ
เขากับจักรพรรดิเมฆสบตากัน พิจารณาว่าสมควรปฏิบัติกับจอมปีศาจที่ปรากฏโฉมขึ้นมาหลังจากสงบเสงี่ยมมานานเหล่านี้อย่างไรดี
สองฝ่ายไม่ได้มีความแค้นกัน ในขั้นแรกร่วมมือกันดีกว่าต่อสู้กัน
ยังเป็นประโยคนั้น สำหรับยอดฝีมือที่ทราบว่าอยู่ในจักรวาลในตำหนักแล้ว วิญญาณตำหนักดวงนั้นยังคงมีความได้เปรียบมากที่สุด
ตอนนี้มันกำลังสร้างร่างมนุษย์แก่ตัวเอง ถูกถ่วงแข้งถ่วงขาไว้ชั่วคราว
หลังจบเรื่องไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ มันก็จะได้พลังในการควบคุมตำหนักโอสถที่แข็งแกร่งกลับมาอยู่ดี
ดังนั้นคนอื่นๆ มีเหตุผลให้ร่วมมือกัน หลังจากคว่ำมันได้แล้วค่อยมาหาผลแพ้ชนะ
ในระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาล้วนเป็นผู้มาจากด้านนอก ในการต่อสู้กับวิญญาณตำหนักโอสถถือว่ายืนอยู่บนแนวรบเดียวกันโดยธรรมชาติ ต้องตรวจสอบสินสงครามก่อนจึงค่อยสร้างความขัดแย้งภายในไม่ใช่หรือ
เยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิสัญญะเมฆแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างมองออกว่าทุกคนมีความเห็นเดียวกันจึงพยักหน้า
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าไม่รอพวกเขาเอ่ยปาก ปีศาจกระทิงสีดำสองตนนั้นก็ตวาดขึ้นก่อน “พวกเจ้ารีบสารภาพมาเสียโดยดี โอสถเซียนยาวิญญาณในโกดังโอสถถูกพวกเจ้าเอาไปแล้วใช่หรือไม่”
เสียงกระทิงดุจสายฟ้า สั่นสะเทือนความว่างเปล่าในจักรวาลจนแก้วหูแทบฉีกขาด
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังแล้วก็อดตะลึงงันอยู่ชั่วขณะไม่ได้ เขาแยกเขี้ยว “เทียบกับเรื่องนั้น เรื่องราวที่สำคัญยิ่งกว่าในตอนนี้ พวกท่านเกรงว่ายังไม่ทราบกระมัง วิญญาณของตำหนักโอสถแห่งไม่เพียงแต่ไม่ได้ดับสูญ ยังมีสติปัญญาขึ้นมา เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่แท้จริงประเภทหนึ่ง ทั้งยังโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่ง”
“พวกเราตอนนี้อยู่ในตำหนักโอสถ มันคิดจะจับพวกเรานั้นง่ายดายยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “สำหรับมันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ล้วนเป็นของของมัน พวกเราต่างเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ ผู้บุกรุกจากภายนอกและคนที่มาแย่งชิงสิ่งของ มันคงปรารถนาจะฆ่าพวกเราให้ไวที่สุด พวกเราไม่เคยมีความแค้น ไม่นานมานี้ก็ไม่ได้เกิดความขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่างมาตามหาของล้ำค่า ไฉนจึงไม่ร่วมมือกันจัดการการคุกคามจากวิญญาณตำหนักนั่นก่อน จากนั้นค่อยเจรจาถึงความเป็นเจ้าของของของวิเศษในนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นปีศาจกระทิงสองตนนั้นเผยสีหน้ารังเกียจและเยาะเย้ยออกมา
‘หา?’ เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหว ตีระฆังระวังภัยทันที
กลับเป็นสตรีที่งดงามสองนางนั้น คล้ายกับฟังคำพูดของเขาอย่างจริงใจ สีหน้ายิ่งฉายแววเห็นด้วย แต่เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พวกนางกำลังลอบส่งกระแสเสียงกับปีศาจกระทิงดำสองตนนั้นอยู่
ถึงแม้จะไม่อาจยืนยันเนื้อหาในการส่งกระแสเสียงได้ แต่คล้ายกับเหมือนกำลังเตือนเรื่องอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย
ปีศาจกระทิงดำสองตนนั้นเพิ่งคิดจะกล่าวอันใด ตอนนี้พอได้ยินกระแสเสียง ใบหน้าก็ฉายแววหงุดหงิด แต่เหมือนค่อยๆ สะกดอารมณ์ เบือนหน้าไปอีกทางและไม่ได้คัดค้าน
“คำกล่าวของสหายร่วมเส้นทางออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไป สิ่งก่อสร้างเช่นวังเทพมีวิญญาณ เรื่องนี้ผู้น้อยทราบ แต่ว่าไม่เคยได้ยินว่าวิญญาณตำหนักถึงกับมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง” สตรีนางหนึ่งยิ้มเฉิดฉัน กล่าวขึ้น “สหายร่วมเส้นทางกล่าวเช่นนี้ ไม่ทราบมีหลักฐานหรือไม่”
นางป้องปากหัวเราะคิก “จริงด้วย ไม่ทราบสหายร่วมเส้นทางสามท่านมีคำเรียกหาว่าอะไร”
ถึงแม้จะงดงามจนทำให้ผู้คนถึงขั้นลืมกินลืมนอน แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย เพียงหรี่ตาพิจารณาอีกฝ่าย
จักรพรรดิสัญญะเมฆกับเฮ่อเหมี่ยนต่างก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน
ปีศาจจิ้งจอกยังคงแสดงท่าทียั่วยวน สายตาฉายแววงุนงงและน้อยเนื้อต่ำใจ ก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตัวเอง “เป็นผู้น้อยกล่าวผิดหรือ สหายร่วมเส้นทางถึงต้องจ้องมองผู้น้อยเช่นนี้ ผู้น้อยไม่ได้สงสัยคำกล่าวของสหายร่วมเส้นทางท่าน เพียงแต่รู้สึกน่าเหลือเชื่อไปบ้างเท่านั้น…”
สตรีอีกนางหนึ่งด้านข้างตัวนางลืมตาโต สองมือกอดเอว ทำท่าดุร้ายหลายส่วน มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่พอใจ “พวกเราไม่เคยพบหน้า ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จักกัน พี่สาวของข้าจะสงสัยก็ไม่ถือว่าแปลก พวกท่านเมื่อครู่บอกว่าร่วมมือ ตอนนี้กลับชักสีหน้า ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่”
สตรีนางนี้แม้กำลังถาม แต่ใบหน้าไร้เดียงสาน่าหวั่นไหวแฝงความงามอย่างอื่นไว้ด้วย
กระนั้นสายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอยังคงกระจ่างใสและเย็นชา
“พวกท่านสองคนไม่มีช่องโหว่ใดๆ ใครมาเห็นเข้าต่างเชื่อพวกท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอมองอีกฝ่ายอย่างขบขันอยู่บ้าง “แต่จนปัญญาที่ด้านข้างมีตัวถ่วงสองคน พวกท่านสี่คนพอยืนด้วยกัน แค่เห็นสีหน้าของพวกท่าน ไม่ว่าผู้ใดก็ทราบว่ามีความประหลาด”
ปีศาจจิ้งจอกสองตนยังคงมีท่าทียั่วยวน แต่ลอบถอนใจ
สหายสุกรทำเสียเรื่อง สหายกระทิงทำเสียเรื่องเช่นกัน
พวกนางไม่ต้องหันไปพิจารณา แค่ใช้หางตาก็เห็นว่าชายฉกรรจ์สองคนด้านข้างไม่เพียงแต่ไม่ร่วมมือในการแสดงของพวกนาง ยังกลายเป็นช่องโหว่ของพวกนางอีกด้วย
“ยิ่งอย่าว่าแต่พวกท่านยังลอบส่งกระแสเสียงหากัน” จักรพรรดิสัญญะเมฆกล่าวอย่างเรียบเฉย “ถึงแม้ข้าผู้เฒ่าจะมีอายุไม่น้อยแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับตามัว”
ปีศาจกระทิงสีดำตนหนึ่งกล่วอย่างหงุดหงิด “บอกแต่แรกว่าอย่าไปเสียเวลาพูดกับพวกเขา แค่จับมาก่อนก็พอ”
ปีศาจจิ้งจอกด้านข้างถอนใจคำหนึ่ง “ในเมื่อความแตกก็ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว”
ขณะที่พูด บนร่างของนางก็มีควันหอมพัดขึ้น ก่อนจะกระจายไปรอบๆ ค่อยๆ ล้อมจักรวาลบริเวณหนึ่ง
โฉมสะคราญอีกนางหนึ่งที่ใบหน้าแฝงความไร้เดียงสาหลายส่วน บัดนี้เคลื่อนไหวประสานกันไปด้วย หมายจะปิดล้อมพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ขัดขวางเส้นทางของพวกเขา
นางกล่าวอย่างไม่พอใจ “ตัวโง่งมซื่อบื้ออย่างพวกท่านทราบว่าอีกฝ่ายมีพลังเท่าไร มีฝีมือขนาดไหนหรือ ต่อให้สู้พวกเราไม่ได้ เกิดหนีได้ขึ้นมาแล้วจะไปหาที่ใด หลอกให้พวกเขาไปด้วยกัน ถึงเวลามีมือดีเพิ่มขึ้นสามารถกลุ้มรุมได้ ไม่ใช่ว่าสถานการณ์จะมั่นคงกว่าตอนนี้หรอกหรือ”
ปีศาจกระทิงสีดำร้องขึ้น “เซียนจริงแท้คนหนึ่ง มนุษย์เซียนสองคน พวกเราไหนเลยจัดการไม่ได้ พวกท่านต่างหากขี้ขลาด กลัวนั่นกลัวนี่ อึดอัดตายชัก!”
ขณะที่พูด เขาก็พุ่งเข้าหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมปีศาจกระทิงอีกตน
เยี่ยนจ้าวเกอกับจักรพรรดิสัญญะเมฆสบตากัน “ดูเหมือนจะมีเรื่องที่พวกเราไม่ทราบเกิดขึ้นแล้ว สามารถจับเป็นได้หมดกระมัง”
………………..