ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1325 เส้นทางนอกรีต อยู่ด้านนอกไม่ใช่ด้านใน
“เซียนสวรรค์สี่คนจากโถงเซียนที่ตายด้วยน้ำมือของผู้อาวุโสสั่วในครั้งนี้ ท่านบอกว่า ล้วนเคยเป็นบุคคลในตำนานที่มีชื่อเสียงเรียงนามของสำนักเต๋าเรา แต่เมื่อนับดูแล้ว ล้วนเป็นตัวตนที่เก่าแก่ยิ่ง”
เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ย “หากว่าเซียนกำเนิดไม่มียอดฝีมือระดับสูงกว่าคอยคุ้มกัน ก็จะตายในการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย แต่ถึงแม้จะรอดจากการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย อายุขัยของเซียนกำเนิดอย่างมากสุดก็ยาวหนึ่งศักราช ตัวตนทั้งสี่นั้นล้วนโด่งดังมาตั้งแต่ยุคสถาปนาเทพเจ้าแล้ว”
หนึ่งศักราช คือหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันแปดร้อยปี
แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด จะสามารถมีอายุขัยเท่านั้นได้ทันที บนศีรษะต้องมีสองบุปผาบนกระหม่อมเสียก่อน อายุขัยทางธรรมชาติจึงเพิ่มขึ้นถึงขีดจำกัดของหนึ่งศักราช
เมื่อเป็นแบบนี้ ขอแค่ไม่ได้รับความเสียหายที่ส่งผลไปถึงรากฐาน ก็สามารถเสพสุขกับอายุขัยที่ยาวถึงนหนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันหกร้อยปีได้
แต่นี่เป็นขีดจำกัดของเซียนกำเนิด หากไม่ประสบภัยพิบัติ ไม่ประสบการเปลี่ยนผ่านยุคสมัย อย่างมากสุดก็จะอยู่ถึงอายุขัยนี้ ไม่อาจทำลายขีดจำกัดได้อีก
กรณียกเว้นหนึ่งเดียว ก็คือเทพโซ่วซิงซึ่งควบคุมอายุขัยของมนุษย์
สอดคล้องกับหลักการมรรคาฟ้าดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ในต้นกำเนิดสี่สิบเก้า มีเพียงไท่อีที่ไม่ใช้ แต่ว่าเขาก็เป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียว นอกจากเทพโซ่วซิงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ ไม่ว่าจะฝึกฝนวิชาลี้ลับอันใด ไม่ว่าจะได้รับประทานโอสถวิญญาณยาวิเศษแบบไหน ต่างไม่อาจทำลายขีดจำกัดทางอายุขัยของหนึ่งศักราชได้
เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่ก่อนหน้าตายด้วยมือของสั่วหมิงจาง ก่อนที่จะเข้ากับเส้นทางนอกรีต ล้วนเป็นจ้าวสวรรค์ของสำนักเต๋า
แต่ไม่ว่าจะเป็นจ้าวเจียงจ้าวสวรรค์จ้าว หรือว่าเป็นเฉาเป่าจ้าวสวรรค์ตักตวงวิเศษ เกาซวี่เหนิงเทพดาวเคราะห์ หรืออวี๋หวาหลงเทพสีครามจ้าวฝีดาษ ต่างเป็นจ้าวสวรรค์ที่บำเพ็ญเต๋าสำเร็จในยุคสถาปนาเทพเจ้า
ถึงแม้จะผ่านการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยสองครั้งอย่างปลอดภัยเพราะเกี่ยวข้องกับวังเทพและทำเนียบเซียน แต่กาลเวลาสุดท้ายก็ไม่ปรานี
“ในตอนที่สี่คนนั้นอยู่บนทำเนียบเซียน มีสถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ไม่อาจฝึกฝน พลังไม่อาจรุดหน้า แต่ว่าการไหลของเวลาและอายุขัยของตัวเองกลับยืดยาวขึ้นมาก”
“กระนั้นหลังจากพวกเขาหลุดจากทำเนียบเซียน ทุกอย่างกฃีลกลายเป็นปกติ เพียงแต่ในอดีตได้ประสบภัยจนได้ขึ้นทำเนียบ ถึงอย่างไรพลังชีวิตก็ได้รับความเสียหายใหญ่หลวง มีผลกระทบต่ออายุขัยที่เหลืออยู่อย่างแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “น่าเสียดายที่คิดใช้แสงวิเศษพลังศรัทธามาเพิ่มอายุขยัย นั่นกลับยากเย็นยิ่ง”
“แน่นอนว่าพลังสามารถก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นไม่มีปัญหาจริงๆ ถึงแม้ว่าจะสู้การลำบากฝึกฝนด้วยตัวเองไม่ได้ก็ตามที”
“อ้อ?” เฟิงอวิ๋นเซิงประหลาดใจเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “เจ้าไม่ได้แบ่งความทรงจำของราชันพระราหู มีความเข้าใจต่อโถงเซียนอย่างจำกัด ตอนกลับมาจากแดนสุขาวดี พวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้มากนัก”
“ความจริงข้าพูดประโยคเดียวเจ้าก็เข้าใจแล้ว สาเหตุที่พวกเราเรียกโถงเซียนกับแดนสุขาวดีเป็นเส้นทางนอกรีต สาเหตุหนึ่ง เป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาได้มาจากการฝึกฝน โดยคุณสมบัติแล้ว อยู่ด้านนอกไม่ได้อยู่ด้านใน”
พลังและความรู้ในปัจจุบันของเฟิงอวิ๋นเซิง เทียบกับอดีตไม่ได้อีกแล้ว
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางไม่ได้สัมผัสกับโถงเซียนเส้นทางนอกรีตมากนัก ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจขึ้นมาทันที
“พร้อมกับที่พลังเพิ่มขึ้น อายุขัยเพิ่มขึ้น เป็นเพราะว่าพวกเราเหล่าจอมยุทธ์บำเพ็ญเต๋าฝึกฝนวรยุทธ์ ควบคุมร่างกายของตัวเองได้ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังเพิ่มระดับขัดเกลา คอยลบข้อบกพร่อง ฟื้นฟูความสึกหรอจากการสั่งสมของกาลเวลาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทำให้ร่างกายของตนยิ่งมายิ่งละเอียดอ่อนมากขึ้น ก็สามารถป้องกันการกัดกร่อนของกาลเวลาได้นานกว่าเดิม”
เฟิงอวิ๋นเซิงกระจ่างแจ้ง “ในระดับเดียวกันจอมยุทธ์เส้ทนางนอกรีตเดิมทีทำอย่างเราไม่ได้ จึงมีอายุขัยไม่เท่าพวกเรา?”
ต่อให้จะผลักเปิดปรตูเซียน ไม่อาจกลับเป็นมนุษย์ได้อีก ใช้ปราณเซียนหล่อหลอมร่างกาย ผลัดเอ็นเปลี่ยนกระดูกอีกครั้ง แต่ก็เป็นแค่การฝืนความเปลี่ยนแปลง
การขัดเกลาหล่อเลี้ยง และการควบคุมอย่างละเอียดในภายหลัง เหมือนกับการศึกษาหลักการแห่งมหามรรคาฟ้าดินของพวกเขา คือเทียบกับระดับที่ควรมีแล้ว เพียงเข้าใจแค่ครึ่งหนึ่ง
“ในสถานการณ์ที่วรยุทธ์ที่ฝึกฝน และของวิเศษ ยา วัสดุที่ใช้ ไม่มีความแตกต่าง อยุขัยของจอมยุทธ์เส้นทางนอกรีตจะต่ำกว่าจอมยุทธ์สามพิสุทธิ์สายหลัก มิหน้ำซ้ำยังต่ำกว่ามาก” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แม้ระดับพลังฝึกปรือจะสูงกว่าเดิม อายุขัยก็เกรงว่าจะไม่ยืนยาวเท่าพวกเรา”
“ทางแดนสุขาวดียังดีกว่าเล็กน้อย กระนั้นนั่นเป็นเพราะว่าวรยุทธ์ของศาสนาพุทธเดิมทีแข็งแกร่งไม่อาจทำลาย มองชีวิตความตายเป็นเรื่องปกติ”
“ในอดีตจักรพรรดิประกายกาฬเคยพูดแบบนี้กับจักรพรรดิเซียนจริงแท้ของเส้นทางนอกรีต” พอพูดถึงอิ่นเทียนเซี่ย เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจ “คำกล่าวเดิมคือ ‘ถึงพวกท่านจะเปิดประตูเซียน แต่คนที่ผลักเปิดประตูเซียนไม่ใช่พวกท่าน’ ฟังดูคล้ายขัดแย้ง ความจริงอธิบายเรื่องหลายเรื่องได้ทะลุปรุโปร่ง’”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ถึงแม้จะเลื่อนสู่ระดับเซียน ได้เข้าไปในประตูเซียน แต่ถูกคนพาเข้ามา ย่อมขาดหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเองจะสัมผัสหากเดินเข้ามาเอง”
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีโดยสิ้นเชิง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “เหมือนอย่างพวกจ้าวสวรรค์จ้าว ฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดสำเร็จ ถึงจะไม่มีทางไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่งอย่างเซียสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าสายหลัก แต่ว่าขีดความสามารถจะต้องพัฒนากว่าก่อนหน้านี้แน่นอน”
“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่จุดสำคัญ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เทียบพลังกับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลในสำนักเต๋าสายหลักไม่ได้ จุดสำคัญก็คือพวกเขามีสามบุปผาบนกระหม่อม หลังจากที่แก่นเซียนกลายเป็นแสงเซียน แก่นเซียนของเซียนกำเนิดสุญญตาก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้แล้ว”
เซียนสวรรค์ไร้สิ้นสุด เซียนกำเนิดยากทำร้าย
นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมพวกจ้าวเจียงและเกาซี่เหนิงถึงได้มั่นใจในตอนกลุ้มรุมสั่วหมิงจางที่อยู่ในระดับเซียนกำเนิดขนาดนั้น
ถ้าหากว่าสถานการณ์มีความจำเป็น พวกเขาถึงขั้นที่ใช้ร่างกายของตัวเองรับการโจมตีของสั่วหมิงจาง เพื่อรุมสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำ
เทียบกับในตอนที่พวกเขายังเป็นเซียนกำเนิดแล้ว สถานการณ์ย่อมแตกต่างจนเอามากล่าวร่วมกันไม่ได้
ในอีกมุมหนึ่ง ถึงแม้อายุขัยทางธรรมชาติไร้การเปลี่ยนแปลง แต่ความเป็นไปได้ที่จะถูกสังหารก็ต่ำลงมาก นับว่าเป็นการเพิ่มอายุขัยอย่างใหญ่หลวงในระดับหนึ่ง
อุปสรรคทุกอุปสรรคในแต่ละระดับของยอดฝีมือระดับเซียน ต่างก็เป็นร่องน้ำทางธรรมชาติทั้งสิ้น
“ดังนั้นแม้ขีดจำกัดทางอายุขัยไอ้ที่มาก็ต้องมาอยู่ดี แต่ก็ไม่ใช่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ถึงเซียนสวรรค์เส้นทางนอกรีตไม่อาจไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่งอย่างแท้จริงก็ตาม”
“ถ้าหากเป็นเซียนกำเนิดที่ผู้สืบทอดเส้นทางนอกรีตชุบเลี้ยงขึ้น ฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดได้ เช่นนั้นอายุขัยยังคงเพิ่มขึ้นจริงๆ เป็นเพราะพวกเขาเดิมทีอายุน้อยอยู่แล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าหากเป็นคนที่พลังชีวิตเสียหายเพราะเคยรับบาดเจ็บสาหัส อายุขัยลดลงไม่อยู่ในสภาพปกติ เช่นนั้นถ้าหากเข้าร่วมเส้นาทงนอกรีต แล้วระดับเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น นั่นบางทีอาจมีความหวังในการฟื้นฟูอายุขัยที่ลดลง”
“มีความหวังมิผิด นอกจานี้…” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ต้องเข้าใจเส้นทางนอกรีตระดับหนึ่ง จึงจะศึกษาวิธีเหล่านี้ได้ ถ้าหากว่าเป็นคนที่สัมผัสน้อยเกินไป ไม่ทราบตื้นลึกหนาบาง เช่นนั้นยากจะบอกว่าใช่ถูกล่อไปขึ้นเรือโจรหรือไม่”
“เหอะๆ หากขึ้นไปแล้วแต่อยากลงมา กลับเป็นความฝันแล้ว”
ประชากรดั้งเดิมที่อยู่ในจักรวาลโถงเซียนอยู่แล้ว ได้รับคำสอนของเส้นทางนอกรีตมาโดยตลอด นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึง
“ถึงตัวข้าจะไม่เห็นด้วยกับเส้นทางนอกรีต แต่ว่าการฝึกฝนที่เร็วขึ้น และความหวังที่จะได้ทำลายคอขวด มีพลังเพิ่มขึ้นอีกขั้น เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มีความหวัง ดังนั้นมีได้มีเสีย ข้าไม่ประหลาดใจที่ปรากฏสถานการณอย่างพวกจ้าวสวรรค์จ้าว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป “เพียงแต่ข้าแค่สงสัยอยู่บ้างเท่านั้น”
“ยังไม่ต้องพูดถึงพระเมตไตรยพุทธเจ้า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็ใช้วิธีการนี้ขึ้นไปอยู่เหนือเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล” เยี่ยนจ้าวเกอลดเสียงกล่าว “แต่ถ้าเขาคิดก้าวหน้าอีกก้าวหนึ่ง สมควรทำอย่างไร?”
………………..