ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1331 ก้าวสุดท้ายของระดับในตอนนี้
การคาดการณ์ก่อนหน้านี้ของทุกคนกลายเป็นจริง
สงครามระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวในครั้งนี้ รุนแรงและกินเวลานานกว่าในอดีต
ยี่สิบปีผ่านไป สงครามของทั้งสองฝ่ายยังไม่เห็นฉากจบ
โถงเซียนได้รับความเสียหายก่อนทำสงคราม สร้างความได้เปรียบให้แก่แดนสุขาวดีบัวขาวอย่างต่อเนื่อง ถูกกดดันให้ถอยร่นติดต่อกัน
หลังจากช่วงชิงเวลาให้ตัวเอง ผ่านการถ่วงฝีเท้าของอีกฝ่ายในด้านมิติช่องว่าง ในที่สุดโถงเซียนก็ค่อยๆ ตั้งหลักได้
การหุบแนวป้องกันเป็นประโยชน์ต่อการรวมกำลังรบของพวกเขา
แดนสุขาวดีบัวเขาเห็นได้ชัดว่าไม่คิดละทิ้งโอกาสพันปียากพบพาน จึงบุกต่อเหมือนกระแสน้ำ กดดันไม่หยุด
อาณาเขตของจักรวาลที่เคยเป็นของโถงเซียน ปัจจุบันแย่งชิงกับแดนสุขาวดีบัวขาวอย่างสูสี สภาวะของสองฝ่ายเหมือนเขี้ยวสุนัขพันเกี่ยวกัน ยื้อยันกันไปมา
ในสงคราม ยอดฝีมือเส้นทางนอกรีตที่ไม่ทราบจำนวนแน่นอนเสียชีวิต ในนี้ยังมียอดฝีมือโถงเซียนที่สำเร็จร่างเซียน รวมถึงสมณะแดนสุขาวดีที่สำเร็จกายทองด้วย
เปลี่ยนเป็นในอดีต สงครามคล้ายๆ กันส่วนใหญ่ เมื่อต่อสู้กันถึงสภาพนี้ สมควรสงบลง สถานการณ์มั่นคงขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว
ทว่าครั้งนี้ แดนสุขาวดีบัวขาวรวบรวมกำลังได้เต็มเปี่ยม ยึดครองโลกที่เดิมเป็นของโถงเซียนใบแล้วใบเล่า
เวลายี่สิบปี สำหรับจอมยุทธ์ระดับสูงไม่นับเป็นอย่างไร แต่สำหรับคนธรรมดาและจอมยุทธ์ระดับต่ำแล้ว มากพอสำหรับการเติบโตของคนรุ่งหนึ่ง
แดนสุขาวดีบัวขาวเห็นได้ชัดว่าคิดยึดครองโลกเหล่านี้โดยสมบูรณ์ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นดินแดนของตัวเองอย่งสิ้นเชิง เพื่อปลูกฝังพลังศรัทธาที่ยิ่งมายิ่งแน่วแน่
พร้อมกับการไหลผ่านของกาลเวลา พลังศรัทธาจากโลกที่เพิ่งยึดมาเหล่านี้ ชดเชยศักยภาพการต่อสู้ที่สูญเสียไปของแดนสุขาวดีบัวเขา ทำให้พวกเขาดำเนินสงครามต่อได้
หันกลับไปมองทางโถงเซียน ย่อมยิ่งไม่ยอมเลิกราด้วยดี
เดิมทีพลังได้รับความเสียหาย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจำเป็นต้องเดินช้าๆ คิดพลิกกระดาน กลับยากยิ่งกว่ายาก
ดังนั้นพวกเขาจึงเหี้ยมหาญสุดขีด ต่อสู้กับแดนสุขาวดีบัวขาวถึงที่สุด ชนิดต่อให้ไม่มีที่ให้ยืนก็ต้องสู้
ในห้วงนาทีสำคัญเกี่ยวกับผลแพ้ชนะ พวกเขาไม่อาจยอมแพ้ ต่อให้ยากลำบากกว่านี้ ก็จำเป็นต้องกัดฟันทนต่อไป
ดังนั้น ยี่สิบปีผ่านไป สงครามระหว่างสองฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลับรุนแรงตั้งแต่ต้นจนจบ
ดูท่าทาง ต่อสู้กันอีกยี่สิบปีก็ไม่ถือว่าเกินเลย
แดนสุขาวดีตะวันตกกับเขาดาราทะเลดวงดาวที่เป็นผู้ช่วยของแต่ละฝ่าย ต่างหันคมหากัน
ข่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับมาล่าสุดบอกว่า ต่างฝ่ายต่างมียอดฝีมือซึ่งเทียบได้กับระดับเทวกษัตริย์ของสำนักเต๋าลงมือ สู้กันจนเอกภพพลิกคว่ำ ฟ้าดินพังทลาย
“เมื่อเป็นแบบนี้ โอกาสและเวลาของพวกเราค่อยๆ สุกงอม สามารถดำเนินขั้นตอนต่อไปของแผนการได้แล้ว”
ในจักรวาลข้างในตำหนักโอสถ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่ในหอเซียนม่วง กวาดมองรอบๆ
กษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจงกับกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยต่างนั่งอยู่ด้วย เยี่ยนตี๋กับเนี่ยจิงเสินออกฌาน เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งขัดสมาธิ ดาบยาวสีดำสนิทพาดบนเข่า
ฟู่อวิ๋นเซิงจักรพรรดิแพรนั่งตรงข้ามเยี่ยนจ้าวเกอ “เพราะใต้เท้าษัตริย์ลี้ลับช่วยจัดการ ข้าจึงได้พบเจอนางแล้ว ตามคำพูดของนาง เจ้าแม่อู๋ตังเป็นไปได้ว่าจะเห็นด้วย แต่ไม่สนับสนุนและไม่ก้าวก่าย”
“เช่นนี้ประเสริฐที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในตอนที่วางแผนออกจากจักรวาลสำนักเต๋าเมื่อครั้งกระโน้น เยี่ยนจ้าวเกอได้คิดแผนไว้แล้ว
ไม่เพียงแต่สถานที่ต่างๆ เช่นโลกซ้อนโลกกับโลกแปดพิภพเท่านั้น แม้แต่มรกตท่องฟ้าและโลกเบื้องล่างจำนวนมากที่อยู่ใต้การปกครองของมัน ก็จะพาออกจากจักรวาลสำนักเต๋าในตอนนี้ด้วย!
ถึงตอนนี้พวกตนจะไม่อาจเดินเหินไปไหนได้สะดวก ต้องอาศัยมรกตท่องฟ้ารวบรวมข้อมูลข่าวสารก็ตาม
เมื่อมรกตท่องฟ้าออกจากจักรวาลสำนักเต๋าเช่นกัน ความราบรื่นทางด้านนี้จะหายไปมากอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอยังอยากให้ทุกคนออกจากจักรวาลสำนักเต๋าพร้อมกันมากกว่า
สำหรับพวกกษัตริย์ลี้ลับซึ่งที่แล้วมามีท่วงทำนองแข็งกร้าวแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้เวลาพวกเขาทำอะไรจะมีข้อกริ่งเกรงน้อยลงมาก ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่
กลับไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการทำการใหญ่ แต่มีปัญหาที่มีความเป็นจริงมากมากข้อหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า
ปัจจุบันตำหนักโอสถล่องลอยอยู่ในมิตินอกเขตแดน ยากจะตามหา
ถ้าหากมีอีกฝ่ายไปบุกมรกตท่องฟ้า เพื่อตามหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สถานการณ์เป็นอันตราย พวกเยี่ยนจ้าวเกอจะช่วยหรือไม่ช่วย?
อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเล็งมรกตท่องฟ้าทั้งหมด ขอแค่จับตาดูกษัตริย์ลี้ลับกับจักรพรรดิน้ำพุโดยเฉพาะก็พอแล้ว
ถึงแม้ว่าเจ้าแม่อู๋ตังยังอยู่ แต่ก็ใช่ว่าไร้ข้อกริ่งเกรง
มิพักเอ่ยถึงเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ ปัจจุบันเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธสายหลักปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข่าวสารได้รับการยืนยันว่า สองฝ่ายมียอดฝีมือระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลลงมือ
พระพุทธเจ้าแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก กับมหาเทวะเผ่าปีศาจ เป็นตัวตนที่ต่างกับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลเส้นทางนอกรีตโดยสิ้นเชิง
ถึงตอนนี้สองฝ่ายจะสู้กัน แต่ว่าไม่ได้ต่อสู้กันดุเดือดชนิดดาบต้องเห็นเลือดเหมือนกับแดนสุขาวดีบัวขาวและโถงเซียน ไม่ว่าจะเป็นแดนสุขาวดีตะวันตกหรือเขาดาราทะเลดวงดาว ต่างก็เก็บพลังสำหรับรับการเปลี่ยนแปลงไว้มากพอ คอยจับตาดูนพยมโลก และให้ความสนใจพวกสั่วหมิงจางกับเจ้าแม่อู๋ตัง
แดนสุขาวดีตะวันตกและเขาดาราทะเลดวงดาวที่ก่อนหน้านี้ไม่เผยโฉม ในที่สุดก็มีความคิดก่อหวอด ปรากฏตัวขึ้น อีกครั้งทั้งยังไปร่วมมือกับโถงเซียนและแดนสุขาวดีบัวขาว เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจไม่คาดเดาสถานการณ์ในแง่ร้าย
ดังนั้นเขาจึงตั้งมั่นในความคิดที่จะพามรกตท่องฟ้าไปด้วย
ถึงตามหลักทฤษฎีแล้ว ขอแค่กษัตริย์ลี้ลับกับจักรพรรดิน้ำพุออกจากมรกตท่องฟ้า อีกฝ่ายก็ไม่ต้องตั้งใจจับตาดูมรกตท่องฟ้าเพื่อตามหาเยี่ยนจ้าวเกอและตำหนักโอสถอีก
ทว่าในเมื่อจะไป เหตุใดจึงไม่นำทรัพยากรและประชากรจำนวนมหาศาลของมรกตท่องฟ้าไปพร้อมกันเล่า?
สายสืบทอดของกษัตริย์ลี้ลับควบคุมมรกตท่องฟ้าได้แข็งแกร่งสุดขีด เมื่อมีพวกเขาให้ความร่วมมือ เรื่องราวจะราบรื่นขึ้นมา
แม้จะเป็นพวกจักรพรรดิสัญญะเมฆ ก็ไม่มีทางปฏิเสธ
ที่พวกเขามองโลกซ้อนโลกเป็นปรกปักษ์ เป็นเพราะว่าอุดมการณ์ของโลกซ้อนโลกที่อยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์ดินไม่ไปทางเดียวกัน
ถ้าหากต้องพูดถึงปัญหา นั่นก็คือบุญคุณความแค้นระหว่างกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยกับมรกตท่องฟ้า
กระนั้นหลังจากเข้ามาในจักรวาลของตำหนักโอสถ ก็แยกกันอยู่ในมรกตท่องฟ้ากับโลกซ้อนโลกเหมือนตอนอยู่ในจักรวาลสำนักเต๋าเมื่อก่อนหน้า สถานการณ์คล้ายคลึงกัน
ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์แม้จะมีปัญหากับกษัตริย์กระบี่ แต่การมีสภาพแวดล้อมใหม่ที่สามารถสลัดหลุดจากการคุกคามของเส้นทางนอกรีตได้ในขอบเขตที่กว้างขวาง ย่อมเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว นี่นับเป็นโอกาสที่จะได้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งของสองฝ่าย เพื่อไม่ให้กษัตริย์ลี้ลับกับจักรพรรดิน้ำพุลำบากใจอยู่ระหว่างกลาง
“กลิ่นโอสถในจักรวาลที่เกิดจากตำหนักโอสถถึงจะไม่ได้สลายไปโดยสิ้นเชิง เขตแดนยังไม่มั่นคงโดยสมบูรณ์ แต่ก็เปลี่ยนรูปร่างไปมากแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับทุกคน “ปัจจุบันมีพื้นที่สำหรับบรรจุมรกตท่องฟ้า และโลกเบื้องล่างจำนวนมากที่อยู่ใต้การปกครอง”
ก่อนหน้านี้จักรวาลในตำหนักโอสถยังไม่มั่นคง แค่บรรจุอาณาเขตมากมายของโลกซ้อนโลกและโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพก็เต็มกลืนแล้ว
กระนั้นหลังจากผ่านการพัฒนามายี่สิบกว่าปี ภายใต้การมุมานะบากบั่นของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็แตกต่างไปจากอดีต
ซึ่งความจริง หลายปีมานี้ เยี่ยนจ้าวเกอได้ประสานตำหนักโอสถกับการฝึกฝนของตัวเอง
พร้อมกับที่จักรวาลตำหนักโอสถยิ่งมายิ่งมั่นคง ไม่เพียงแต่การควบคุมตำหนักโอสถของเขายิ่งมายิ่งเป็นไปดั่งใจนึก ขณะเดียวกันเขายังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เวลาในการก้าวเท้าก้าวสุดท้ายในระดับในปัจจุบันกำลังจะมาถึง
แม้แต่โอกาสที่จะนำมรกตท่องฟ้ามาด้วย ในที่สุดก็สุกงอมแล้วเช่นกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเฝ้าตำหนักโอสถ ให้ร่างแยกมุ่งหน้าไปยังมรกตท่องฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอมองทุกคน กล่าวอย่างแช่มช้า
………………..