ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1338 รัวกลอง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกได้ยินคำพูดของเกาชิงเสวียน ก็คารวะครั้งหนึ่ง “ใต้เท้ากษัตริย์ลี้ลับเกรงใจแล้ว ข้ากับบิดาหวังว่าจะได้พบท่านกับอาจารย์อารุ่นปู่หลงเช่นกัน”
เกาชิงเสวียนพยักหน้า พวกเยี่ยนจ้าวเกอบอกลา ผละจากนิวาสสถาน
พวกเขาทราบว่า ต่อจากนี้ระหว่างเกาชิงเสวียนกับกษัตริย์เถายังต้องการคุยกัน
ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่คิดว่า กษัตริย์ลี้ลับสามารถเปลี่ยนความคิดในตอนแรกของกษัตริย์เถาได้ก็ตาม
หลังออกจากนิวาสสถาน เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้รั้งอยู่นาน บอกลาหลงซิงเฉวียน หลงเสวี่ยจี้ กับจักรพรรดิสัญญะเมฆ จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับเกาเสวี่ยโพ
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ทางนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก ดำเนินการได้ทันที
ดูจากภายนอก เกาเสวี่ยโพเพียงพาฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรออกท่องเที่ยวในมรกตท่องฟ้า เหมือนกับดื่มดำทิวทัศน์ของที่แห่งนี้
ฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรตอนแรกแม้ว่าจะออกจากโลกซ้อนโลกพร้อมพวกเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงกว่า
เมื่อมีเกาเสวี่ยโพพาท่องเที่ยวในมรกตท่องฟ้า ก็ไม่ได้สะดุดตานัก
ไม่มีใครยืนยันได้ว่า ฟู่อวิ๋นฉือคิดเปลี่ยนใจมาเข้ากับมรกตท่องฟ้าหรือไม่
เยี่ยนจ้าวเกอเร้นกายในที่ลับ จัดการแผนของตัวเองอย่างมีลำดับขั้นเหมือนตอนยังอยู่บนโลกซ้อนโลก
ร่างของเขาอยู่ในแขนเสื้อของเกาเสวี่ยโพ ขีดเขียนยันต์เรืองแสงหลายสาย
จากนั้นยันต์ก็กลายเป็นโปร่งแสงไร้รูปร่างกลางอากาศ ลอยกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ บนโลกซ้อนโลก กินพื้นที่นับล้านล้านลี้
“แยบยลนัก พอได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ” เกาเสวี่ยโพทางหนึ่งคุยกับฟู่อวิ๋นฉือเหมือนไม่มีเรื่องราวใด ทางหนึ่งสังเกตการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากมองดูแล้วก็ถอนใจชมเชย
เขาแสวงมรรคาด้วยการฝึกกระบี่ แต่เปรียบเทียบกันแล้ว ไม่ได้ฝักใฝ่ในการฝึกกระบี่เหมือนกับหลงเสวี่ยจี้น้องชายของตนเอง
วรยุทธ์อื่นๆ ไปจนถึงศาสตร์แต่ละศาสตร์เช่น ค่ายกล วิชาโอสถ เกาเสวี่ยโพก็ศึกษาเช่นกัน หนำซ้ำยังมีระดับไม่ตื้นเขิน
ทว่าขณะเขามองดูเยี่ยนจ้าวเกอขีดเขียนลวดลายยันต์แต่ละรูปแบบ ยังเกิดความรู้สึกตาลาย พอจะฝืนเห็นถึงความลี้ลับของลวดลายยันต์ที่เยี่ยนจ้วเกอเขียนได้บ้าง แต่เข้าใจเพียงครึ่งเดียว
“อาจารย์ลุงเกาชมเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอลดเสียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงด้วย ยังไม่ได้ยินดีกับท่านที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน เลื่อนสู่ระดับเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่วสำเร็จเลย”
เกาเสวี่ยโพยิ้ม “ข้าแก่ชราแล้ว ยังไงก็ต้องกระทำ ไม่น่ายินดีแต่อย่างไร ทำให้พวกเจ้าเห็นเรื่องน่าหัวร่อเสียมากกว่า”
ฟู่อวิ๋นฉือได้ยินการส่งกระแสเสียงระหว่างพวกเขา ก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า “พี่ร่วมเส้นทางเกาไหนเลยกล่าวเช่นนั้น ท่านหล่อเลี้ยงกระบี่มีผลสำเร็จ ไม่เคยโอ้อวด แต่ลองได้แสดงออกมา ผู้คนต้องตกตะลึง ปัจจุบันเกรงว่าจะเข้าใกล้ระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่งยิ่งกว่าข้า ท่านกล่าวแบบนี้ ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริงๆ”
หลายปีก่อนหน้านี้ ในที่สุดมรกตท่องฟ้าก็มีจักรพรรดิเซียนจริงแท้เพิ่มมาคนหนึ่ง เป็นเกาเสวี่ยโพ บุตรคนโตของกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียนจักรพรรดิน้ำพุ
เขาสำเร็จเป็นระดับประมุขมามากกว่าพันปีแล้ว
คำนวณอายุ ต่อให้สู้หวังเจิ้งเฉิงและเยว่เจิ้นเป่ยไม่ได้ แต่ก็แก่กว่าฟู่อวิ๋นฉือ
และยิ่งแก่หลงเสวี่ยจี้ที่เป็นน้องชายมากกว่า
ที่ก่อนหน้านี้ติดอยู่ในระดับประมุขมาโดยตลอด ความจริงเป็นเพราะเขากำลังฝึกฝนวิชาซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่อันเป็นวิชาลับสยเหนือพิสุทธิ์ พันปีดุจดั่งหนึ่งวัน
วิชานี้ขณะที่ทำให้ผู้ฝึกกระบี่ติดอยู่ในระดับปัจจุบัน ก็สั่งสมและขัดเกลาความคมกล้าของตนเองอย่างต่อเนื่อง
รอกระบี่ทำลายผนึก ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ก็จะมีโอกาสทำลายอุปสรรคในระดับปัจจุบันเพิ่งขึ้นกว่าเดิม
มิหนำซ้ำ ประสิทธิผลด้านบวกนี้ ถึงขั้นที่ดำเนินไปถึงระดับต่อไปไม่มากก็น้อย ประหยัดเวลาในการมุ่งสู่ระดับต่อไป
ตราบใดที่เงื่อนไขเอื้ออำนวย ยอดฝีมือสายเหนือพิสุทธิ์จำนวนหนึ่งต่างฝึกฝนวิชานี้ รวมถึงหลงจักรพรรดิน้ำพุที่มาจากสายหยกพิสุทธิ์ด้วย
กระนั้นวิชานี้ก็ฝึกฝนได้ยาก ผู้ที่ฝึกฝนสำเร็จมีเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ถึงขั้นที่อาจทำร้ายตัวเอง
โดยพื้นฐานสามารถกล่าวได้ว่า คนที่ฝึกฝนวิชาลับซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ได้อย่างปลอดภัย ล้วนอาศัยศักยภาพและขีดความสามารถในการผลักเปิดประตูเซียนของตัวเอง
พวกเขาซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ ด้านหนึ่งเพราะคิดถึงหนึ่งกระบี่สะท้านฟ้ายามทำลายผนึกในการต่อสู้จริง ส่วนใหญ่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คน สามารถกลายเป็นท่าไม้ตายในการต่อสู้เป็นตายได้
อีกด้านหนึ่งก็เพื่อให้สะดวกต่อการเลื่อนสู่ระดับที่สูงกว่าเดิม
เพราะเงื่อนไขที่เข้มงวดขนาดนี้ ดังนั้นจำนวนของผู้ฝึกจึงมีน้อยถึงขีดสุด
เกาเสวี่ยโพเป็นหนึ่งในคนที่ฝึกฝนสำเร็จ
โดยทฤษฎีแล้ว คนที่ซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่จำเป็นต้องคิดถึงปัญหาในความเป็นจริงด้วย นั่นก็คืออายุขัย
สาเหตุที่ในที่สุดเกาเสวี่ยโพก็ทำลายผนึกก้าวเท้าก้าวสุดท้ายออกเมื่อหลายปีก่อน เป็นเพราะว่าอายุขัยทางธรรมชาติของเขาร่วงเข้าสู่วัยชรามานานแล้ว
ขณะเดียวกัน หลายปีมานี้ แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ทำให้มรกตท่องฟ้ากับเกาเสวี่ยโพรู้สึกว่าสถานการณ์ยากจะคาดเดามากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่พิจารณาอย่างระมัดระวังแล้ว ในที่สุดเกาเสวี่ยโพก็ตัดสินใจยุติการหล่อเลี้ยงกระบี่ ทำลายผนึกของตัวเอง ก้าวเท้าก้าวสุดท้าย ผลักเปิดประตูเซียน
เกาเสวี่ยโพเลื่อนสู่ระดับเซียนจริงแท้ ด้านหนึ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ขีดความสามารถของมรกตท่องฟ้า อีกด้านหนึ่งเพื่อแบ่งเบาภาระของกษัตรย์ลี้ลับผู้เป็นมารดา และจักรพรรดิน้ำพุบิดาของตัวเอง
เทียบกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เวลาเซียนจริงแท้ทำอะไรย่อมสะดวกกว่ามาก
เมื่อเป็นแบบนี้ พวกกษัตริย์ลี้ลับถึงค่อนข้างผ่อนคลาย ใช้เวลาและสมาธิไปกับการฝึกฝนของตัวเองได้มากกว่าเดิม
“พี่ร่วมเส้นทางถ่อมตัวเกินไปแล้ว” ฟู่อวิ๋นฉือยิ้ม
เป็นเพราะว่าซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ด้วยการสั่งสมไว้มากๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยออก ปัจจุบันเกาเสวี่ยโพจึงอยู่ใกล้กับระดับเซียนลี้ลับยิ่งกว่าจักรพรรดิแพร
ช่วงเวลาการสั่งสมก่อนหน้าไม่มีทางเสียเปล่า
แต่ฟู่อวิ๋นฉือไม่ถือสา เขาเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเองดี
ยี่สิบปีมานี้ เขาได้รับการกระตุ้นเตือนจากเยี่ยนจ้าวเกอ ศึกษาวิชาละน้ำใจพึ่งพาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้ยังไม่สำเร็จดี แต่ก็ได้ประโยชน์มาส่วนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอส่งข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องไม่หยุด ก็ทำให้เขาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง
คนหนุ่มผู้นี้ถึงกับศึกษาวิชาลับมากมายของสายเอกพิสุทธิ์ได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าผู้สืบทอดกระแสตรงสายเอกพิสุทธิ์ที่ซึมซับมาพันปีเช่นเขาเสียอีก
ต่อให้อีกฝ่ายจะเดินบนเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกันก็ตาม ก็ยังทำให้เขาต้องร้องอุทานไม่หยุดหย่อน
ถึงตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอจะอยู่ในแขนเสื้อของเกาเสวี่ยโพ ฟู่อวิ๋นฉือจึงมองไม่เห็นเงาร่าง แต่ก็ยังคงเกิดความคิดสารตะ
ทุกคนเดินๆ หยุดๆ ทิ้งร่องรอยไร้รูปร่างไว้บนเก้าแคว้นของมรกตท่องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
…
ในเขาดาราทะเลดวงดาว ดวงดารามากมายโคจรขึ้นลง ดารดาษด้วยโลกและหมู่ดาวนับไม่ถ้วน
เวลานี้มีเมฆสีเหลืองกลุ่มหนึ่งบินออกมาจากโลกใบหนึ่งอย่างกะทันหัน เมฆเหลืองเรียวยาวเหมือนกับงู เลื้อยลดคดเคี้ยว เคลื่อนไหวในเขาดาราทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่
เมฆสีเหลืองพุ่งผ่านมิติเวลาหลายชั้น สุดท้ายมาถึงใจกลางเขาดาราทะเลดวงดาว
ณ ที่แห่งนั้น เป็นโลกขนาดมหึมาใบหนึ่งที่งดงามราวทิพยสถาน
เมฆสีเหลืองพุ่งลงไปในโลกใบนี้ เมฆกระจายออกไป เผยให้เห็นบุรุษที่แต่งกายแบบนักพรตผู้หนึ่ง ด้านหลังติดตามไว้ด้วยลูกศิษย์และเด็กกลุ่มหนึ่ง
นักพรตนำพาคนตัดทะลุเขาเซียนหลายลูก สุดท้ายหยุดลงตรงประตูนิวาสสถานแห่งหนึ่ง
เพิ่งจะตั้งหลักได้ ในนิวาสถานก็มีเสียงเจ้าของดังมา “สหายร่วมเส้นทางร้อยตา ยินดีด้วยที่ท่านหลอมโอสถเซียนสำเร็จ ออกฌานมา”
“กล่าวได้ดี กล่าวได้ดี” นักพรตเข้ามาในนิวาสสถาน มีเด็กน้อยชักนำเขาไปหาเจ้าของของที่แห่งนี้ “ไม่ทราบพี่ร่วมเส้นทางเชิญข้ามาเพราะเรื่องอันใด?”
………………..