ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1351 กวาดล้างเหล่าปีศาจ!
แค่สู้กับเกาชิงเสวียนคนเดียว ก็ทำให้ราชามังกรหวนเฉินเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจแล้ว
ตอนนี้เห็นเกาชิงเสวียนสองคนเข่นฆ่าเข้ามาพร้อมกัน ราชามังกรหวนเฉินไร้หนทาง ได้แต่หมุนกายหนีไป
เขาอ้าปาก พ่นทะเลสีดำกว้างใหญ่ออกมาอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งเข้าไป อาศัยสายน้ำหลบหนี
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ กระบี่ที่มีสภาวะเทียมฟ้าของเกาชิงเสวียนยังคงฟันแยกทะเลสีดำอย่างหักโหม สร้างความบาดเจ็บแก่เขา
หากไม่ใช่เพราะราชามังกรไม่ได้ถอยหนีโดยไม่ลังเล หลังจากรับกระบี่นี้ไป แม้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
เกาชิงเสวียนใช้หนึ่งกระบี่ได้เปรียบ ไม่ได้ไล่ตามโจมตีต่อ แต่ว่าหมุนกายไปช่วยเฟิงอวิ๋นเซิงสู้กับจ้าวปีศาจร้อยตาที่แกร่งที่สุดในพวกมารปีศาจในที่แห่งนี้
จ้าวปีศาจร้อยตาสมกับมีพลังแข็งแกร่ง ตอนนี้ดวงตานับพันใต้สีข้างพ่นแสงสีทองหมอกสีเหลืองออกมาไม่หยุด ถึงกับไม่เห็นสภาวะเสื่อมถอย คล้ายกับไม่มีที่สิ้นสุด
ความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนี้ ยามสู้กับคน ยังมีผลเหนือกว่าวรยุทธ์ทั้งหมดของเขา
กระนั้นขณะนี้จ้าวปีศาจร้อยตาก็กำลังโอดครวญอยู่
ดาบสิ้นธรรมของเฟิงอวิ๋นเซิง ชั่วร้ายยิ่งกว่า แปลกประหลาดยิ่งกว่า ร้ายกาจยิ่งกว่าความสามารถแต่กำเนิดของเขา!
ถึงจ้าวปีศาจร้อยตาจะยังคงต้านไว้ได้ ใช้ความสามารถ ปล่อยแสงสีทองหมอกสีเหลืองออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่าพร้อมกับที่เฟิงอวิ๋นเซิงฟันลงดาบแล้วดาบเล่า แม้ว่าแสงสีทองจะสลายแล้วเกิดใหม่ เติมเต็มอย่างต่อเนื่อง สภาวะกับอาณาเขตไม่หดลง
ทว่าประสิทธิผลหน่วงเหนี่ยวมิติเวลา ทำร้ายจิตใจผู้คนของความสามารถนี้ถึบกับกำลังเดินลงบนทางลาด
จำนวนไม่ลด แต่ว่าคุณภาพกำลังลดลง!
นี่ยังสร้างความตื่นตระหนกและความปวดร้าวให้แก่จ้าวปีศาจร้อยตา ยิ่งกว่าถูกคนทำลายแสงสีทองเสียอีก
นั่นหมายความว่าความสามารถแต่กำเนิดของเขา ถึงกับถูกทำให้อ่อนแอลงตั้งแต่รากฐาน
ถึงจะไม่เร็ว แต่กลับไม่อาจเปลี่ยนกลับมาได้!
คมดาบที่ทำลามรรควิถี ส่งทุกสิ่งสู่ความตาย ทำลายล้างทุกอย่าง ทำให้จ้าวปีศาจร้อยตากริ่งเกรงเหลือประมาณ
สิ่งที่เขากริ่งเกรงยิ่งกว่าก็คือ เฟิงอวิ๋นเซิงตรงหน้า ความดุร้ายในตาสองข้างยิ่งมายิ่งเข้มข้น
พลังของนางถึงกับมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกขั้น
ถึงนั่นจะเปลี่ยนไปตามสภาพไม่มั่นคงที่เริ่มสูญเสียการควบคุม ทว่าต่อให้สูญเสียการควบคุม คนที่ต้องเผชิญกับคมดาบของนางเป็นคนแรกก็คือเขาจ้าวปีศาจร้อยตา
พอนึกถึงเรื่องนี้ ในดวงตาของจ้าวปีศาจร้อยตาพลันทอแววดุร้าย
เขากางสองแขน กระตุ้นแสงสีทองหมอกสีเหลืองไม่หยุด ขณะเดียวกันก็สะบัดดาบวิเศษในมือ โยนออกมา ก่อนจะกลายเป็นประกายกระบี่อันยิ่งใหญ่สายหนึ่งฟันลงใส่เฟิงอวิ๋นเซิง
การผนึกของแสงสีทองเริ่มหดตัวเพิ่มขึ้นอีกขั้น เล็งเป้าหมายที่เฟิงอวิ๋นเซิงคนเดียว ผ่อนคลายการควบคุมรอบๆ
เมื่อเป็นแบบนี้ ประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงก็ฟันใส่ควันเมฆ พุ่งเข้าหาจ้าวปีศาจร้อยตาเช่นกัน
จ้าวปีศาจร้อยตาไม่หลบ ถึงกับใช้โจมตีปะทะโจมตี ต้องการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้แก่เฟิงอวิ๋นเซิง ไม่คิดถ่วงเวลาอีก
จอมปีศาจที่เคยอาละวาดในยุคบุพากาลผู้นี้ ตอนนี้ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ลงมืออย่างอำมหิตต่อทั้งศัตรูและทั้งตัวเอง เพื่อเอาชนะเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยการโจมตีสุดกำลังเพียงครั้งเดียว
ถ้าหากว่าเฟิงอวิ๋นเซิงชักดาบไปป้องกัน เช่นนั้นก็ตรงใจเขา ทำให้เขาชิงเป็นฝ่ายบุกได้
เฟิงอวิ๋นเซิงสัมผัสได้ว่าสภาวะโจมตีของจ้าวปีศาจร้อยตาเปลี่ยนแปลง สีหน้าไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ใช้โจมตีปะทะโจมตี หักหาญกับจ้าวปีศาจร้อยตาซึ่งหน้า
ประกายดาบตัดสลับ นางทำร้ายจ้าวปีศาจร้อยตาไปหนึ่งดาบ
ใต้สีข้างของจ้าวปีศาจร้อยตามีแสงสีทองเชื่อมต่อกัน ดาบนี้สุดท้ายฟันใส่ไหล่ของเขา ปราณสีดำกระจายไปทั่ว ควันมารสีดำอมน้ำเงินลุกไหม้ขึ้นมา ทำให้การโคจรแก่นปีศาจทั่วร่างของจ้าวปีศาจร้อยตาต่างยากจะดับได้
อีกด้านหนึ่ง เทพพารักษ์ที่เกิดจากการประสานวิญญาณของเยี่ยนจ้าวเกอกับตำหนักโอสถ ยังคงยืนอยู่เหนือตำหนักโอสถ ผลักฝ่ามือออกแต่ไกล
แสงสีทองผสมม่วงวาดผ่านความว่างเปล่าในจักรวาล พุ่งไปถึงด้านข้างเฟิงอวิ๋นเซิง
แสงสีทองหมอกสีเหลืองทั่วฟ้าถูกแสงสีทองผสมม่วงกระแทกใส่ ถึงไม่ได้แหกสลาย แต่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง
ภายใต้การครอบคลุมของแสงสีทองหมอกสีเหลือง เฟิงอวิ๋นเซิงยากจะขยับท่าร่าง เดิมทีได้แต่เอียงร่างเตรียมใช้บาดเจ็บแลกบาดเจ็บ ฝืนรับกระบี่ของจ้าวปีศาจร้อยตา
ตอนนี้หมอกแสงสั่นไหว ท่าร่างของนางพลันคลายลง ขณะพลังมหาศาลถั่งโถม หญิงสาวเปลี่ยนตำแหน่ง ทำให้กระบี่สีเหลืองเข้มที่เหมือนกับทะเลสาบสีเงินเฉียดผ่านไหลไป
จ้าวปีศาจร้อยตาไม่ยอมเลิกรา สั่งการณ์ความคิด ประกายกระบี่พุ่งออกจากมือ แล้วหักเลี้ยววูบหนึ่ง ฟันใส่เฟิงอวิ๋นเซิงต่อ
แต่ว่าพอเกิดการหยุดชะงักนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงก็มีเวลามากพอ ชักดาบมาป้องกัน ปัดประกายกระบี่ทิ้งไป!
จ้าวปีศาจร้อยตาเงยหน้าส่งเสียงถอนใจ หมุนศีรษะไปดู เห็นหลังจากเกาชิงเสวียนกดดันราชามังกรหวนเฉินให้ถอยไป ก็ปรับเปลี่ยนคมกระบี่ ชี้ไปที่ปีศาจกระต่ายหยก ประกายกระบี่ครอบคลุมฟ้าดิน ไหลทะลักเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกราก
เหนือตำหนักโอสถเรืองรองด้วยแสงทองม่วง ยักษ์ที่เหมือนกับเทพสวรรค์ประทับบนแกนกลาง โจมตีจากที่ไกลอีกครั้ง สนับสนุนเกาชิงเสวียนโจมตีปีศาจกระต่ายหยก
แม้ปีศาจกระต่ายหยกจะมีพลังเหนือกว่าราชามังกรหวนเฉิน ตอนนี้ก็ได้แต่ต้องหลบอย่างอับจนหนทาง
กลับเป็นมหาเซียนหรูอี้ที่ก่อนหน้านี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำร้ายจนต้องเผยโฉมร่างเดิม ขณะนี้ส่งเสียงคำรามซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ปีศาจกระทิงตนนี้ทั้งบาดเจ็บทั้งเดือดดาล คลุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์
เสียงคำรามทุ้มต่ำพอดัง ร่างเดิมที่ตอนแรกก็ใหญ่มหึมาอยู่แล้วถึงกับใหญ่ขึ้นอีกขั้น เหมือนกับขุนเขาเทพนิรันดร์กดทับสวรรค์
ลอกเลียนฟ้าดิน!
กระทิงเขื่องก้มศีรษะ เขาคู่เล็งที่ตำหนักโอสถ ควบตะบึงสี่เท้า พุ่งเข้ามาหาเทพพารักษ์จอมทัพฟ้าฟื้นช่วยสรรพสัตว์ซึ่งแปลงมาจากเยี่ยนจ้าวเกอ ด้วยสภาวะเหยียบย่ำจักรวาล!
วินาทีนี้จักรวาลสำนักเต๋าเหมือนกับมีความรู้สึกสั่นสะเทือนอยู่หลายส่วน
มิติช่องว่างในความว่างเปล่าถูกกีบกระทิงเหยียบย่ำทำลายอย่างดุร้าย กระทิงตัวเขื่องบรรลุถึงด้านหน้าแม่ทัพสวรรค์สีทองม่วงในชั่วพริบตา
แม่ทัพสวรรค์สีทองม่วงที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอไม่ผิดเพี้ยนส่งเสียงตวาด ยื่นสองมือออกมา จับเขาสองข้างของกระทิงเขื่องอย่างแม่นยำ!
พลังกระแทกที่บ้าคลั่ง ทำให้เทพารักษ์จอมทัพฟ้าฟื้นช่วยสรรพสัตว์สั่นไปทั้งร่างวูบหนึ่ง
ตำหนักโอสถด้านล่างสั่นสะเทือนยิ่งกว่า ค่ายกลในหอเซียนม่วงเกือบจะสะกดการเปลี่ยนแปลงของโลกมากมายกลางจักรวาลในตำหนักไม่ได้
โชคที่ ตอนนี้มรกตท่องฟ้ารวมถึงโลกเบื้องล่างจำนวนมากมายใต้การปกครองของมันล้วนถูกตำหนักโอสถดูดรับไว้โดยสมบูรณ์แล้ว
ประตูใหญ่ของตำหนักหยกขาวปิดลงอย่างรุนแรง
ถึงแม้ว่าในจักรวาลในตำหนักจะยังคงปั่นป่วน ทว่าการสั่นไหวของตำหนักโอสถในที่สุดก็สงบลงเล็กน้อย
แม่ทัพสวรรค์สีทองม่วงที่เกิดจากเยี่ยนจ้าวเกอตั้งหลัก ไม่ก้าวออกไปแม้แต่ชุ่นเดียว ยืนอยู่กลางความว่างเปล่า มั่นคงดุจเขาไท่ซาน หยุดการเคลื่อนไหวของกระทิงใหญ่ตรงหน้าได้!
กระทิงบ้าคลั่ง ยันขาทั้งสี่ไม่หยุด ทว่ากลับไม่อาจรุกคืบ
เทพพารักษ์ที่เรืองแสงสีทองม่วงส่งเสียงตะโกนอีกครั้ง
สองฝ่ามือใช้พลังรอยตราพลิกฟ้า เหมือนกับสามารถเปลี่ยนเอกภพได้
วินาทีนี้ จักรวาลสำนักเต๋าคล้ายกับบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ดวงดาวเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนพังทลาย กระทิงปีศาจขนาดมหึมาตนนั้นไม่อาจควบคุมร่างของตัวเอง ถูกยักษ์สีทองม่วงสวมเกราะทั้งร่างโยนไปอีกด้าน ร่างกายพลิกคว่ำ
กระทิงปีศาจร้องด้วยความเจ็บปวด พลังลดน้อยลง เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ปล่อยมือ
คนยักษ์สีทองม่วงใช้สองมือจับเขากระทิงไว้มั่น จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางแล้วออกแรง
เสียงตวาดเสียงที่สามที่ทำให้จักรวาลสั่นสะเทือนดังขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอหักเขากระทิงข้างหนึ่งของกระทิงเขื่องตัวนี้ทิ้ง!
เขากระทิงที่เหมือนกับยอดเขาถูกคนยักษ์สีทองม่วงทิ้งไปอีกทาง
เขายังคงใช้มือซ้ายจับเขาที่เหลืออีกข้างของกระทิงเขื่อง ยกมือขวาที่ว่างแล้วขึ้น แล้วฝาดฝ่ามือใส่ศีรษะกระทิงใหญ่ตัวนี้อีกครั้งหนึ่ง!
………………..