ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1380 เทวกษัตริย์น้อย
“คนที่จะร่วมทางกับพวกเราในครั้งนี้?” เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย
“มิผิด เป็นเช่นนี้เอง” เกาหานอธิบาย “นักบวชฮุ่ยอั้นเป็นยอดฝีมือที่เทียบได้กับระดับเซียนกำเนิดสุญญตาของสำนักเต๋าเรา ใกล้ๆ สมรภูมิรบก็มียอดฝีมือจากแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจคนอื่นๆ อยู่ พวกเราจะทำอะไรต้องเตรียมตัวให้รอบคอบ”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “กล่าวได้ถูกต้อง เพียงไม่ทราบว่าราชันพระอาทิตย์เชิญผู้ยิ่งใหย๋ท่านไหนมาช่วยเหลือ?”
เกาหานยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสที่เคยอยู่ในวังเทพผู้หนึ่งและศิษย์ของเขา รวมถึงผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งที่โด่งดังก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ภายหลังรอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อยู่มาถึงปัจจุบัน”
“ขอฟังรายละเอียด” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“เชื่อว่าพวกท่านสามีภรรยาคงเคยได้ยินชื่อของแม่ทัพเทวะทั้งสี่แห่งตำหนักหลิงเซียนบนวังเทพมาก่อนกระมัง?” เกาหานถาม
เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเฟิงอวิ๋นเซิง ทั้งสองพยักหน้า “ยอดฝีมือเซียนพเนจรในยุคสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น เรียกรวมกันว่าสี่เทวะแห่งเกาะเก้ามังกร ออกเขามาช่วยเหลือนิกายเหนือพิสุทธิ์พร้อมกัน สุดท้ายประสบภัยพิบัติได้ขึ้นทำเนียบสถาปนาเทพ เข้าสู่วังเซียน ถูกสถาปนาเป็นสี่แม่ทัพเทวะ รับหน้าที่เป็นองครักษ์”
“เมื่อเป็นแบบนี้ สมควรเป็นหลี่ซิ่งป้าแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตอบหลังคิดครู่หนึ่ง
ในสี่เทวะแห่งเกาะเก้ามังกร หลี่ซิ่งป้าประสบภัยพิบัติขึ้นสู่ทำเนียบสถาปนาเทพเพราะมู่จา หรือก็คือนักบวชฮุ่ยอั้น
“มิผิด เป็นหลี่ซิ่งป้าผู้อาวุโสหลี่” เกาหานอมยิ้ม พยักหน้าตอบ “อีกสามคนล้วนเสียชีวิตเพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มีแค่ผู้อาวุโสหลี่ที่อยู่มาถึงวันนี้ เร้นกายในมิตินอกเขตแดนไม่ถามไถ่เรื่องทางโลก ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพรานักบวชฮุ่ยอั้นออกมาจากแดนสุขาวดีตะวันตก ข้าผู้แซ่เกาก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมให้ผู้อาวุโสหลี่ออกมาได้”
ผู้ร่วมทางยังมีลูกศิษย์ที่เขารับหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ชื่อว่ากงซุนฮุย ครั้งนี้ติดตามหลี่ซิงป้ามาด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “อีกคนหนึ่งไม่ได้มาจากวังเทพ?”
“ถูกต้อง เป็นชื่อหลานเต้าจ่าง เดิมทีเป็นเซียนพเนจรโพ้นทะเลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ รอดจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อยู่มาถึงวันนี้ เร้นกายในมิติตไร้สิ้นสุดนอดเขตแดนเช่นกัน เป็นสหายเก่าของผู้อาวุโสหลี่ ครั้งนี้มาช่วยเหลือ”
ในฐานะที่เป็นเซียนพเนจรโพ้นทะเลเหมือนกัน หลี่ซิ่งป้ากับชื่อหลานเต้าหยินนับว่าคุยกันได้ มักไปมาหาสู่กัน
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักของพวกเรากระมัง? แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ทุกคนนับว่าเป็นสำนักเต๋าสายหลักแล้ว”
ก่อนที่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับโถงเซียนเส้นทางนอกรีตจะปรากฏตัวขึ้น การสืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์ดั้งเดิมล้วนเป็นสายสืบทอดที่ชัดเจน หากสืบสาวถึงต้นกำเนิด ล้วนเป็นลูกศิษย์ของบรมครูสามพิสุทธิ์อย่างแท้จริงทั้งสิ้น
คิดจะแตกกิ่งก้านสาขา หากว่าอาจารย์ในสำนักไม่อนุญาต ล้วนได้แต่นับว่าเป็นทายาทแขนงย่อยของสำนักเต๋า
หรือถ้ารับการสืบทอดจากบรมครูเทวกษัตริย์เต๋า ก็พอจะนับเป็นทายาทสายเอกพิสุทธิ์ได้อยู่
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ในการสืบทอดของสำนักเต๋า การสืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์และสาขาย่อยสามพิสุทธิ์ ก็มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างง่ายๆ สายสืบทอดของเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ในเขตเหยียนเทียนทิศใต้ กับสายสืบทอดของอารามคงมายามบนเขาหอเมฆาในเขตเสวียนเทียนเป่ยฟาง หากนับอย่างจริงจัง ถือเป็นแขนงย่อยของสามพิสุทธิ์ ไม่ใช่ผู้สืบทอดกระแสตรง
แขนงย่อยไม่ใช่ว่าจะอ่อนแอกว่าการสืบทอดกระแสตรงเสมอไป
ยุคสมัยที่มรรคายุทธ์รุ่งเรือง ร้อยบุปผาเบ่งบานก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ มีการสืบทอดแขนงย่อยของสำนักเต๋าจำนวนมากเกิดการพัฒนาที่โชติช่วงถึงขีดสุด
แน่นอนว่าถ้าให้พวกเขาเปรียบเทียบกับตัวตนอย่างตำหนักหยกกับตำหนักดุสิต ย่อมทำไม่ได้
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างให้ความสนใจก็คือ วรยุทธ์จำนวนมากที่แพร่หลายบนพื้นที่ของโถงเซียน ส่วนใหญ่เป็นการสืบทอดแขนงย่อยของสามพิสุทธิ์ที่เคยแข็งแกร่ง
แขนงย่อยของสามพิสุทธิ์ส่วนหนึ่งที่ในอดีตเคยผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่แต่ยังไม่ขาดการสืบทอดโดยสมบูรณ์ บางทีอาจถูกเส้นทางนอกรีตรวบรวม กลายเป็นรากฐานแรกสุดของโถงเซียน
เมื่อมีผู้ที่สวามิภักดิ์กับโถงเซียน ก็ต้องมีตัวตนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโถงเซียน แขนงย่อยของสามพิสุทธิ์ส่วนหนึ่งได้ถูกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน เจ้าแม่อู๋ตังเก็บรวบรวมไว้ในโลกซ้อนโลกและมรกตท่องฟ้า
แต่ก็มีคนเผยแพร่ไปด้านนอก ส่วนตัวเองเร้นกาย ชื่อหลานเต้าหยินผู้นี้เป็นหนึ่งในนั้น
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือหลี่ซิ่งป้า ต่างซ่อนตัวอยู่ในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน นานๆ ครั้งถึงจะออกมา ไม่ถามไถ่เรื่องทางโลก
โถงเซียนเส้นทางนอกรีตแกร่งหรือไม่ สำนักเต๋าสายหลักจะเป็นอย่างไร พวกเขาไม่สนใจไม่ยุ่งเกี่ยว เพียงหวังว่าจะดูแลตัวเองได้
ตราบใดที่ไม่รีบร้อน สำหรับตัวตนที่ดูเหมือนไม่สร้างความรำคาญชั่วคราวเช่นนี้ โถงเซียนไม่สิ้นเปลืองพลังสมาธิมากเกินไป
ถึงอย่างไรการตามหาคนที่นานๆ ครั้งถึงจะเผยร่องรอยสักคนในมิติไร้สิ้นสุดก็มีระดับความยากสูงเกินไป
“ความจริงถ้านับกันจริงจัง หลี่ซิงป้าไม่ใช่ผู้สืบทอดนิกายเจี๋ยสายเหนือพิสุทธิ์เช่นกัน เพียงแค่เคยได้ร่ำเรียนในนิกายเจี๋ย มีความผูกพันอยู่บ้าง หลังออกจากวังเทพ ออกจากทำเนียบเซียน เขาก็เป็นอาชาพยัคฆ์เข้าเขาลึก มังกรกลับสมุทร” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เกาหานยิ้มราวกับลมวสันต์ “เป็นเหมือนคำกล่าวเมื่อครู่ของท่าน ตอนแรกไม่นับ ตอนนี้นับได้ว่าเป็นคนเส้นทางเดียวกัน”
“ถูกต้อง” เยี่ยนจ้าวเกอพอยิ้มขึ้นก็เหมือนกับแสงอาทิตย์สว่างไสวเช่นกัน
นี่ถ้าหากเกิดความขัดแย้งกับนักบวชฮุ่ยอั้น ภายหลังผู่เสียนจินหยินหรือฉือหางจินหยินมาชำระบัญชี แล้วทุกคนต่างคำนึกถึงน้ำใจเก่าก่อน หลี่ซิ่งป้าผู้อาวุโสหลี่ผู้นั้นก็เป็นแผ่นบังเกาทัณฑ์โดยธรรมชาติจริงๆ…
“จ้าวเกอ พวกท่านสองคนยิ้มแล้วเหมือนกันยิ่ง” เฟิงอวิ๋นเซิงส่งกระแสเสียงให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเป็นปรกติ ส่งกระแสเสียงกลับ “ข้าคิดจะยกนิ้วโป้งให้คนผู้นี้แล้ว ถึงกับหาผู้ช่วยอย่างหลี่ซิ่งป้ามาได้”
“หลี่ซิ่งป้ามีความแค้นกับนักบวชฮุ่ยอั้นยังพอว่า เซียนพเนจรอย่างชื่อหลานเต้าหยินเร้นกายในนิวาสสถานแห่งหนึ่งด้านในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ไม่ต้องการคน ไม่ต้องการของวิเศษทรัพยากร ถึงยากจะก้าวหน้า แต่ในสถานการณ์ส่วนใหญ่มีความคิดหลบเร้นเส้นทางนอกรีต ครั้งนี้ไฉนถึงได้มาออกมากวนน้ำให้ขุ่นแล้ว?” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม “เพียงแค่ช่วยเหลือหลี่ซิ่งป้าหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอขบคิดเล็กน้อยก่อนตอบ “เขาสมควรมาเพื่อวารีสามแสงเช่นกัน”
ขณะที่พูดอยู่ก็เห็นที่ไกลมีแสงสว่างขึ้น
“ถึงแล้ว” เกาหานยิ้มเข้าไปก่อน
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงไปถึงตรงหน้าพร้อมกัน มีลำแสงสามสายสาดขึ้น ตรงหน้ามีคนสามคนยืนนิ่งอยู่
คนที่อยู่ด้านหน้าสวมมงกุฎสีทองหางปลา ใส่เสื้อนักพรตสีเหลืองอ่อน ใบหน้าเหมือนกับผลพุทราสุก ไว้เครายาว เยี่ยนจ้าวเกอจำได้ว่าเป็นหลี่ซิ่งป้า หนึ่งในสี่แม่ทัพเทวะแห่งตำหนักหลิงเซียวบนวังเทพ
ซ้ายมือของเขาคือบุรุษวัยกลางคนที่ใส่เสื้อนักพรตสีเหลืองอ่อนเหมือนกับเขา คาดว่าคงเป็นกงซุนฮุยลูกศิษย์ของเขา
ขวามือของหลี่ซิ่งป้า ยืนไว้ด้วยนักพรตชราที่สวมชุดนักพรตสีแดง ปักลวดลายก้อนเมฆและสายลมบนเสื้อ
“ผู้อาวุโสหลี่ พี่ร่วมเส้นทางชื่อหลาน สหายร่วมเส้นทางกงซุน รบกวนสามท่านรอนาน ข้าผู้แซ่เกาละอายใจนัก” เกาหานยิ้มพลางคารวะคนทั้งสามด้านหน้า
“สหายร่วมเส้นทางเกาเกรงใจแล้ว พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อครู่นี้” ชื่อหลานเต้าหยินที่สวมเสื้อนักพรตสีแดงกล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจ
หลังจากหลี่ซิ่งป้าและกงซุนฮุยศิษย์อาจารย์คารวะตอบ สายตาก็มองไปยังพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง “สหายร่วมเส้นทางเกา ไม่ทราบสองท่านนี้มาจากที่ใด? อยู่ในนิวาสสถานไหน?”
“กำลังจะแนะนำทั้งสามท่านพอดี” เกาหานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอก่อน “ท่านนี้คือเยี่ยนจ้าวเกอสหายร่วมเส้นทางเยี่ยน สามารถเรียกได้ว่าเป็นบุคคลอัจฉริยะอันดับหนึ่งหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของสำนักเต๋าเรา แม้แต่ก่อนมหาภัยิบัติก็เกรงว่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่สู้ได้ ในอดีตมีฉายาว่ามนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศ”
“วันนี้เขาได้ผลักเปิดประตูเซียนกลับสู่สวรรค์ชั้นเก้า ฉายาเซียนผู้ถูกเนรเทศย่อมใช้ไม่ได้อีกต่อไป”
“เวลาที่ข้าผู้แซ่เกากับสหายร่วมเส้นทางหลิงพูดถึงเขา มักเรียกว่า…เทวกษัตริย์น้อย”
………………..