ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1384 ยอมแพ้
ระหว่างยกมือยกเท้า เยี่ยนจ้าวเกอใช้พลังฝึกปรือระดับเซียนจริงแท้สะกดกงซุนฮุยที่เป็นเซียนลี้ลับ ทำให้ชือหลานเต้าหยินกับหลี๋ซิ่งป้าเกิดความยำเกรง
จนกระทั่งวินาทีนี้ พวกเขาจึงค่อยเข้าใจว่าคำเรียกเซียนผู้ถูกเนรเทศกับเทวกษัตริย์น้อยที่แท้หมายถึงอะไร
กงซุนฮุยถึงสองปราณเปลี่ยนเป็นวายุแล้ว แต่ว่าหลี่ซิ่งป้าร่ำเรียนมาหลายปี ความสามารถของเขาสุดที่คนทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
ถึงจะไม่ได้มาจากการสืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์สายหลักสำนักเต๋า กลับปีนป่ายทีละก้าวๆ ด้วยตัวเอง ไม่อาจเปรียบเทียบกับคนในเส้นทางนอกรีตได้
แต่ว่าเซียนลี้ลับสงบนิ่งคนหนึ่งเช่นนี้กลับถูกเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่งจับเป็น ความแตกต่างระหว่างสองฝ่ายมองแวบเดียวก็เห็นได้ชัดแล้ว
สภาพไม่น่าดูขนาดนี้ ชื่อหลานเต้าหยินไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่า ถ้าไม่ใช่ว่ากงซุนฮุยอยู่ในระดับสองปราณรวมเป็นวายุ ใช้วายุเซียนคุ้มครองร่าง เขาอาจถูกฆ่าในมือเยี่ยนจ้าวเกอได้ตลอดเวลา
อีกด้านหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเฟิงอวิ๋นเซิงก็ทำให้เขาตื่นตะลึงเช่นกัน
เทียบกับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ก่อนหน้านี้หลี่ซิ่งป้ากับชื่อหลานเต้าหยินไม่ได้ดูแคลนเฟิงอวิ๋นเซิงแม้แต่น้อย
เป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้อย่างรางเลือนว่า นี่เป็นยอดฝีมือที่อย่างน้อยก็ไปถึงระดับทำให้ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดเหมือนกับพวกเขา
ทว่าจนกระทั่งลงมือจริงๆ หลี่ซิ่งป้าค่อยพบว่า ตอนแรกเขายังประเมินเฟิงอวิ๋นเซิงต่ำไป
อย่าเห็นว่าตนสำเร็จมรรควิถีในยุคโบราณตอนต้น ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาที่เปลี่ยนมหาสมุทรเป็นผืนหนา ยามที่ลงมือ กลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงอวิ๋นเซิงโดยสิ้นเชิง เกือบจะต้องชดใช้แม้แต่ของวิเศษและชีวิต
เกาหานบอกว่าเฟิงอวิ๋นเซิงยั้งมือแล้ว หลี่ซิ่งป้ากับชื่อหลานเต้าหยินไม่ได้ไม่เห็นด้วย
พวกเขารู้สึกได้ว่าในตอนที่เฟิงอวิ๋นเซิงลงมือเมื่อครู่ เหมือนกับกำลังสะกดตัวเองอยู่
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผลการรบยังทำให้หลี่ซิ่งป้ายากจะคิดถึง
ชายชราหน้าแดงนิ่งอยู่กับที่ชั่วขณะ จะรุกก็ไม่ใช่ จะถอยก็ใช่ที่
“ชื่อหลานเต้าหยินลำบากใจแล้ว น่าเสียดายคบสหายไม่ระวัง ท่านพยายามไกล่เกลี่ยตรงกลาง เกรงว่าหลี่เต้าจ่างผู้นี้จะไม่รับน้ำใจท่าน กลับเกิดความแค้นขึ้นในใจ” เยี่ยนจ้าวเกอมองชื่อหลานเต้าหยิน กล่าวพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อย
สองมือของเขายังคงสะกดกงซุนฮุย เหมือนกับกำลังเล่นภาชนะที่ไร้ความสำคัญ มองไปยังชื่อหลานเต้าหยินด้วยรอยยิ้ม
ชื่อหลานเต้าหยินเห็นดังนั้นก็ยิ้มอย่างหนักใจ “เทวกษัตริย์น้อยกล่าวอันใด”
ขณะที่กำลังอับจนปัญญา ไกลออกไปก็มีแสงจันทร์ที่เย็นเยียบสว่างไสวสายหนึ่งวาดผ่านความว่างเปล่าสีดำขลับ มาถึงเบื้องหน้าทุกคน
แสงจันทร์สลาย เผยให้เห็นร่างของสตรีนางหนึ่ง เป็นราชันพระจันทร์หลิงชิง
นางเห็นสถานการณ์รอบๆ แปลกประหลาด จึงมองไปยังเกาหาน
เกาหานยิ้ม ส่งกระแสเสียงบอกเล่าเรื่องราวแก่นาง
“คนล้วนเป็นท่านติดต่อมา ตอนนี้กลับเกิดความขัดแย้งขึ้น ตอนแรกเป็นเพราะท่านไม่ตั้งใจไกล่เกลี่ย” หลิงชิงฟังจบไม่ได้ส่งกระแสเสียงตอบเกาหานในที่ลับ แต่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องราวถ้าหากสุดท้ายต้องล้มเหลวลง เป็นเพราะท่านทำ”
เกาหานถอนใจคำหนึ่ง “ข้าเองก็กำลังลดความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายอย่างเต็มที่อยู่นะ”
เขาหันไปประสานมือแก่เยี่ยนจ้าวเกอและหลี่ซิ่งป้า “ทั้งสองท่านได้โปรดอภัยให้กันด้วย สหายร่วมเส้นทางหลิงนำข่าวมาแล้ว อาณาเขตที่นักบวชฮุ่ยอั้นอยู่คล้ายเกิดความเคลื่อนไหว พวกเราไปดูก่อนเถอะ”
“ก็ได้ พวกเราสองสามีภรรยาเดินทางได้ตลอดเวลา” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้ายิ้มขึ้น
แม้ปากจะกล่าวเช่นนี้ แต่กงซุนฮุยยังคงถูกจับไว้
หลี่ซิ่งเป้าหน้าดำคร่ำเครียด ชื่อหลานเต้าหยินสีหน้าจนปัญญา
เกาหานยิ้มพลางส่ายหน้า “ขอให้สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนปลดปล่อยสหายร่วมเส้นทางซุนด้วย พวกเราที่อยู่ที่นี่วันนี้สมควรทราบแล้วว่าท่านเป็นบุคคลอย่างไร มิกล้าล่วงเกินท่านแล้ว”
“พวกผู้อาวุโสหลี่ประเมินพวกท่านสามีภรรยา พวกท่านเองก็ประเมินพวกเขาแล้ว ผลลัพธ์ของการประเมินทุกคนล้วนทราบในใจ ย่อมทราบว่าผู้ใดควรไป ผู้ใดควรอยู่”
เขาพูดพร้อมกับมองหลี่ซิ่งป้า “ผู้อาวุโสหลี่ว่าอย่างไร?”
หลี่ซิ่งป้ายืนนิ่งกับที่ เงียบงันเนิ่นนาน
เกาหานเห็นดังนั้น ก็ยิ้มขึ้น หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแย้มเช่นกัน กางสองมืออก มิติที่ทับซ้อนกดทับเปิดออก ก่อนหน้ายังเล็กเหมือนเม็ดข้าวโพด ตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมในทันใด
มิติพิเศษที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นเมื่อครู่ ยามนี้ขอบเขตขยายออกด้นนอก สุดท้ายก็หายไป
กงซุนฮุยรีบร้อนพุ่งออกมา ถอยกลับไปอยู่ด้านข้างหลี่ซิ่งป้าผู้เป็นอาจารย์ ใบหน้าร้อนผะผ่าว
“เจ้าคอยอยู่ที่นี่” หลี่ซิ่งป้าหยิบธงเล็กคันหนึ่งออกมาโยนให้กงซุนฮุยอย่างหงุดหงิด ผู้เป็นศิษย์รีบรับไว้ ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องราวไม่อาจชักช้า พวกเรารีบออกเดินทางเถอะ” เกาหานกล่าวพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อย
หลิงชิงสีหน้าราบเรียบ “ทุกท่านตามข้ามา”
ว่าแล้ว นางก็ออกนำไปก่อน ร่างกลายเป็นแสงจันทร์ มุ่งไปยังที่ไกลด้วยความเร็วสูง
เยี่ยนจ้าวเกอมองหลี่ซิ่งป้ากับกงซุนฮุยสองศิษย์อาจารย์รอบหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตา ไม่กล่าวอะไรอีก ติดตามอยู่ด้านหลังหลิงชิงพร้อมกับเฟิงอวิ๋นเซิง พริบตาเดียวก็ออกไปไกล
หลี่ซิ่งป้าสีหน้าเคร่งขรึม ตามไปพร้อมกับชื่อหลานเต้าหยิน เกาหานรั้งอยู่หลังสุด คอยสำรวจสถานการณ์รอบๆ ขณะเดียวกันก็ช่วยเก็บกวาดร่องรอยที่คณะเดินทางอาจเหลือไว้
“เมื่อครู่ท่านบอกว่า ชื่อเหล้าเต้าจ่างผู้นี้ก็มาเพราะวารีสามแสงเช่นกัน ไม่ได้มาเพราะช่วยเหลือหลี่ซิ่งป้าเพียงอย่างเดียว?” ระหว่างทาง เฟิงอวิ๋นเซิงส่งกระแสเสียงถาม
เยี่ยนจ้าวเกอส่งกระแสเสียงตอบ “มิผิด อีกเดี๋ยวหากต้องชิงวารีสามแสง เทียบกับหลี่ซิ่งป้าแล้ว เขามีประโยชน์มากกว่า”
ถึงจะสู้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ ทว่าหลี่ซิ่งป้าก็เป็นยอดฝีมือระดับสุญญตา มีความสามารถไม่ธรรมดา
กระนั้นในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลี่ซิ่งป้าคือ ตอนที่ผู่เสียนจินหยินกับฉือหางจินหยินอาจารย์ของนักบวชฮุ่ยอั้นมาหาเรื่อง สามารถแบกรับหม้อก้นดำแทนทุกคนได้ เป็นตัวตายตัวแทนที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ชื่อหลานเต้าหยินไม่เหมือนกัน
‘ชื่อหลานเต้าหยิน…กษัตริย์หมอก…แต่วันนี้จะเรียกฉายานั้นไม่ได้แล้ว สมควรเรียกว่าชื่อหลานเจินจวินหรือจ้าวสวรรค์หมอกสีชาดถึงจะถูก’ เยี่ยนจ้าวเกอมองนักพรตชราผู้นั้น คิดในใจ
เขาเคยได้ยินชื่อของอีกฝ่ายบนวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จริงๆ เพียงแต่ตอนนั้นเป็นเพียงชื่อที่ได้รับการลงทะเบียนบันทึก ไม่มีความสำคัญใดๆ เซียนพเนจรโพ้นทะเลที่วังเทพบันทึกไว้ มีทั้งที่มีข้อมูลละเอียดและไม่ละเอียด แตกต่างไปตามแต่ละคน
ชื่อหลานเต้าหยินกษัตริย์หมอกในตอนนั้น นับเป็นเซียนพเนจรที่มีข้อมูลค่อนข้างละเอียด และติดต่อกับวังเทพอยู่บ่อยๆ มีคุณสมบัติให้ติดตาม
ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสายสืบทอดของเขา มีชื่อว่าสิบความเรียงหมอกสีชาด วรยุทธ์นี้ถึงขั้นที่มีการบันทึกซึ่งค่อนข้างสมบูรณ์แบบในหอเก็บหนังสือของวังเทพ
วรยุทธ์นี้เดิมทีใกล้เคียงกับวิชาน้ำ แต่ความพิเศษของมันยังสามารถสะกดวิชาน้ำจำนวนมากได้
ดังนั้นชื่อหลานเต้าหยินสามารถลงมือต่อวารีสามแสงได้ง่ายขึ้น เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกชั้นดี
วารีสามแสงยังมีส่วนช่วยต่อการฝึกฝนของเขามหาศาล ดังนั้นครั้งนี้เมื่อมีโอกาส ชื่อหลานเต้าหยินจึงมาทันที หนำซั้งยังกระตือรือร้นยิ่ง
สิบความเรียงหมอกสีชาด เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้จัก เพียงแต่เขาไม่เคยฝึกฝน
เยี่ยนจ้าวเกอสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ผ่านคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต แต่ตอนนี้ในเมื่อมีชื่อหลานเต้าหยินแล้ว ย่อมผ่อนคลายขึ้น
ดังนั้นสุดท้ายวารีสามแสงจะตกไปอยู่ในมือผู้ใด ต้องให้ทุกคนตัดสินถึงจะทราบ
“ถึงแล้ว” หลิงชิงที่นำทางอยู่ด้านหน้าพลันลดความเร็วลง
………………..