ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1389 วันนี้เลือดไม่ออกไม่ได้
“คีบบุปผาแย้มยิ้ม…ผู้สืบทอดของพระมหากัสสปะแห่งแดนอภิรดีศูนย์กลางหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอถือม้วนหนังสือ อีกมือหนึ่งทำท่ามุทรา ทิ่มใส่อากาศเบาๆ
แสงสว่างหมุนวนในวังวนหยินหยาง สุดท้ายกลายเป็นกลีบดอก ทำร้ายเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
แต่ว่ารูปหยินหยางที่เกิดจากการหล่อเลี้ยงของพลังแห่งค่ายกลก็สูญสลายเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน
เมื่อโจมตีไม่ได้ พระโพธิสัตว์อุทุมพรก็ได้แต่ถอนใจ
ตรงหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงเข่นฆ่าเข้ามาถึงในพริบตา ประกายดาบสีดำสนิทกวาดอากาศ ส่องสะท้อนจนแสงเครื่องเคลือบบนร่างของเหล่าสมณะศาสนาพุทธต่างเปลี่ยนเป็นมืดหม่นลง
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมุทราสองฝ่ามือ เสียบม้วนหนังไว้ตรงกลาง ค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินหยางโคจร เสาแสงค้ำฟ้าเก้าต้นกับเมฆดาราพร่างพราวเจ็บกลุ่มลอยจมพร้อมกันขณะที่ลวดลายค่ายกลเปลี่ยนแปลง
เพิ่มแรงกัดดันบนร่างของพวกนักบวชฮุยอั้นให้ยิ่งมายิ่งมาก
สมณะศาสนาพุทธกระตุ้นพลังต้านทาน เกาหาน หลิงชิง ชื่อหลานเต้าหยิน หลี่ซิ่งป้าต่างพัดกระพือสภาวะโจมตีติดต่อกันไม่ขาดสาย
จอมปีศาจหลายตนนั้นถึงจะเตรียมตัวป้องกันพวกเกาหาน แต่เป้าหมายอันดับแรกคือเหล่าสมณะศาสนาพุทธจากแดนสุขาวดีตะวันตก
สองฝ่ายต่อสู้จนจักรวาลพลิกคว่ำ สุริยันจันทราดับแสง
ต้องเป็นในมิตินอกเขตแดน ยอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรือเท่าพวกเขาจึงสามารถต่อสู้ได้เต็มที่
ไม่อย่างนั้นหากโลกเบื้องบนเช่นโลกซ้อนโลก ฟ้าเหนือฟ้า หรือมรกตท่องฟ้า มาเป็นสมรภูมิให้แก่ยอดฝีมือระดับนี้ ไม่ทันไรคงถูกทำลายล้าง นอกเสียจากว่าสองฝ่ายจะจงใจกดข่มฝีมือ
นักบวชฮุ่ยอั้นที่ครองวารีสามแสง สุดท้ายแล้วก็เป็นเป้าหมายที่คนอื่นๆ ร่วมมือกันจู่โจม
บุตรคนที่สองของตระกูลหลี่ผู้นี้ยังต้านทานไว้ได้ ควบคุมกระบี่คู่อู๋โกว ป้องกันการโจมตีของเกาหานอีกครั้ง จากนั้นก็ง้างกระบองเหล็กขึ้น ปัดเหล้กท่อนมีเหลี่ยมของหลี่ซิ่งป้าทิ้งไป
อีกด้านหนึ่งมีสมณะศาสนาพุทธคนอื่นๆ ป้องกันคนที่เหลือแก่ท่าน ทว่าหลี่ซิ่งป้าตามหาโอกาสนี้มานานแล้ว
มือหนึ่งถือเหล็กท่อนมีเหลี่ยมคอยพัวพันความสนใจของนักบวชฮุ่ยอั้น ขณะเดียวกันก็ต่อยอีกมือออกดุจสายฟ้าแลบ
การโจมตีที่ดูนุ่มนวล เป็นเพียงมือเปล่าหมัดเปลือย กลับพุ่งใส่นักบวชฮุ่ยอั้นด้วยความเร็วดุจพายุบุแคม กระแทกใส่ทรวงอกข้างขวาของอีกฝ่ายอย่างจัง
นักบวชฮุ่ยอั้นร่างส่าย พลันสัมผัสได้ว่า พลังสั่นสะเทือนที่น่ากลัวที่เชื่อมต่อกัน และค่อยๆ รุนแรงขึ้น กำลังทำให้ร่างของท่านสลายเหมือนเขาทราย
“นะโมอมิตตาพุทธ!” นักบวชฮุ่ยอั้นเปล่งคำสรรเสริญพระคุณ หุบร่างอย่างรวดเร็ว
การ ‘หุบ’ ของท่านนี้ เหมือนความว่างเปล่า กลายเป็นฝุ่น สลายไปจากโลกนี้พร้อมกับท่าน
อริยสัจสี่ในศาสนาพุทธ กอปรด้วยทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
สมุทัยคือบ่อเกิดความทุกข์ในสภาพห้วงเวลาสมุทัยคือการวบรวม รวบรวมกิเลสจากการมองผิดแปดสิบแปดประการ และการหลงผิดแปดสิบเอ็ดอย่างจนก่อให้เกิดกรรม ได้รับตอบแทนตามกรรม ดังนั้นจึงทำให้เกิดผลแห่งทุกข์ของทุกข์ทั้งสิบเอ็ดประการ ทุกข์ทั้งปวงในทุกขสัจ
ท่านพอใช้ ก็เก็บซ่อนผลแห่งทุกข์ไป
นักบวชฮุ่ยอั้นใช้สมุทัยสัจเป็นแก่นหลัก ใช้วรยุทธ์สองอย่างในโพธิปักขิยธรรมสามสิบเจ็ด
วิริยะพละ ฐานที่สองในห้าพละ ไม่ยึดมั่นถือมั่น สามารถอดทนอดกลั้น กำจัดความเกียจคร้าน รักษาความกระจ่างใส
ปัสสัทธิ ฐานที่สี่แห่งโพชฌงค์เจ็ด กำจัดกิเลสวัตถุแห่งห้าความความหลงผิด และห้าความเศร้าหมอง สติปัญญาแจ่มใส ตื่นรู้ได้โดยง่าย ใช้ปัญญาที่แท้จริงทำลายความขุ่นข้องที่มืดมิด
สองวิชารวมเป็นหนึ่ง ผสานกับความน่าอัศจรรย์ของสมุทัย นักบวชฮุ่ยอั้นต้านหมัดแกร่งของหลี่ซิ่งป้าอย่างหักโหม
พลังอันยิ่งใหญ่สั่นสะเทือน เหมือนถูกรวบรวมไว้พร้อมกันเพราะสาเหตุนี้ ความอดทน การกำจัดไม่ได้ก่อเกิดผลกระทบใดๆ ต่อนักบวชฮุ่ยอั้น
การเคลื่อนไหวของท่านไม่ชะงักลงแม้แต่น้อย กลับอาศัยสภาวะหมัดของหลี่ซิ่งป่า ถอยร่างไปด้านหลังด้วยความเร็วสูง
แต่ไปไม่ได้ไกลเท่าไร ก็มีชื่อหลานเต้าหยินขวางไว้อีก
ไม่รอนักบวชฮุ่ยอั้นพิจารณา ข้างหูก็มีเสียงครางหนักๆ ของสมณะศาสนาพุทธท่านหนึ่งดังมา
ประกายดาบอันน่ากลัวครอบคลุม ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธที่เทียบได้กับเซียนกำเนิดของสำนักเต๋าเช่นนี้ แทบถูกเฟิงอวิ๋นเซิงฟันขาดเป็นสองท่อน!
คมดาบอันน่าพรั่นพรึงพุ่งลงจากไหล่ ฟันกายทองครึ่งหนึ่งทิ้ง แขนซ้ายกับขาซ้ายหายไป
เฟิงอวิ๋นเซิงเหมือนเสือลงเขา ไม่สนใจจุดจบของศัตรูผู้นั้น เตะกระเด็นออกไป จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อ
เกาหานปะทะกับพระโพธิสัตว์อุทุมพรอีกหนึ่งกระบวนท่า ทำให้พระโพธิสัตว์อุทุมพรได้แต่หลอมรวมความน่าอัศจรรย์ของสมุทัยเข้ากับวรยุทธ์ของศาสนาพุทธ เพื่อจัดการพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่งที่รุกรานเข้าสู่ร่างกาย
มือซ้ายของเกาหานกระแทกใส่มือขวาของพระโพธิสัตว์อุทุมพร พลังสองฝ่ายยื้อยันกัน ดูดติดกันอยู่ชั่วขณะ ไม่มีผู้ใดยอมถอย
อีกด้านหนึ่ง เกาหานเขี่ยธงเทวาสุริยันในมือขึ้น ดวงอาทิตย์สีทองอร่ามนับไม่ถ้วนลอยขึ้น กลายเป็นประกายแสงไร้สิ้นสุดสาดลง
ตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบในมือซ้ายของพระโพธิสัตว์อุทุมพรกะพริบกลุ่มแสงแห่งความรู้แจ้งหลายกลุ่ม ขวางการตกลงมาของดวงอาทิตย์สีทองอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังตกสู่สภาวะยื้อยันกับธงเทวาสุริยัน
เกาหานยิ้มเล็กน้อย แสงคู่รวมบนกระหม่อม แก่นเซียนอันกล้าแข็งถ่ายทะลักลงมา เหมือนกับน้ำราดใส่หย่อมไฟ ทำให้พระโพธิสัตว์อุทุมพรเหมือนกับเทียนไขกลางพายุ สามารถดับลงได้ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน สมณะศาสนาพุทธอีกด้านหนึ่งกลับถูกเผิงยักษ์สองตัวนั้นจับแขนจับขา
นกเผิงยักษ์สองตัวออกแรงดึงพร้อมกัน ฉีกกายทองของสมณะศาสนาพุทธผู้นั้นออก!
สมณะศาสนาพุทธที่ได้ชื่อโพธิสัตว์ผู้หนึ่ง มรณภาพลงในมิติแห่งนี้!
“ไป!” นักบวชฮุ่ยอั้นเห็นดังนั้น ก็ทราบว่าวันนี้เลือดไม่ออกไม่ได้แล้ว
ท่านยกมือขึ้น น้ำเต้าสีแดงที่บรรจุวารีสามแสงปรากฏในมือ จากนั้นก็โยนออกไป
คนฉลาดยอมหลบเลี่ยงสภาพเสียเปรียบตรงหน้า ผู้สืบทอดสอดสำนักเต๋านอกจากหลี่ซิ่งป้า คนอื่นๆ ใช่ว่าจะยอมสู้กับท่านถึงที่สุด
แต่หากพัวพันแบบนี้ต่อไป กลับทำให้จอมปีศาจที่อยู่ใกล้ๆ ฉวยโอกาสเอาเปรียบ
เป็นอย่างที่คาด น้ำเต้าสีแดงพอลอยขึ้นฟ้า หลิงชิง ชื่อหลานเต้าหยิน หรือแม้กระทั่งนกเผิงยักษ์สองตัวนั้นต่างเปลี่ยนทิศทาง พุ่งไปหาน้ำเต้าทันที
เฟิงอวิ๋นเซิงถึงจะกั้นระหว่างคนอื่นๆ กับเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ก็ไม่ได้กดดันอีก แต่เงยหน้ามองไปยังน้ำเต้าสีแดงใบนั้น
เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมค่ายกล พลังค่ายกลไม่สะกดพวกนักบวชฮุ่ยอั้นต่อไป แต่เอาไปรวมกันที่น้ำเตาสีแดง
ภายใต้การชักนำของพลังจากค่ายกล น้ำเต้าสีแดงพลันเปลี่ยนทิศทางลอยขึ้น มิติเวลาเหมือนถูกบิดเบี้ยว กลับเส้นทางเดิม หลบพวกหลิงชิงและชื่อหลานเต้าหยิน กำลังจะตกอยู่ในอ้อมอกของเฟิงอวิ๋นเซิง
นกเผิงยักษ์สองตัวเดิมทีพุ่งมาเร็วที่สุด เวลานี้กลับพุ่งผ่านไป ห่างจากน้ำเต้ามากที่สุด
สมณะศาสนาพุทธพลันรู้สึกร่างกายเบาลงเล็กน้อย นักบวชฮุ่ยอั้นโจมตีหลี่ซิ่งป้าถอยไปอีกครั้ง คนอื่นๆ พากันโจมตีเกาหาน หาวิธีแก้ไขวงล้อมให้แก่พระโพธิสัตว์อุทุมพร
เกาหานตาเป็นประกาย ชิงส่งพลังของธงเทวาสุริยันออกมา กระแทกพระโพธิสัตว์อุทุมพรออกไป
จากนั้นพร้อมกับที่เขาโบกธง ธงยาวนั้นก็เหมือนกลายเป็นประกายแสงแรกแห่งการเปิดผ่าฟ้าดิน ขณะที่ส่องระยิบระยับ ก็สร้างธรรมชาติขึ้น
พร้อมกับที่โจมตีเหล่าสมณะศาสนาพุทธจนแตกกระจาย เขาก็ผลักฝ่ามือออกกระแทกใส่ทรวงอกของพระโพธิสัตว์อุทุมพร ทำให้ท่านไม่อาจอาศัยหลักสมุทัยมาแก้ไข ทำให้กายทองของสมณะศาสนาพุทธท่านนี้มุมปากมีเลือดไหลออกมา
จากนั้นก็ชักธงยาวกลับ ชิงตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบจากในมือของพระโพธิสัตว์อุทุมพรมาได้
พระโพธิสัตว์อุทุมพรอยู่ในสภาพเทวราชถลึงตา ท่ามกลางเสียงตวาด ในตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบที่หลุดจากมือมีเพลิงสีเขียวหลายสายลอยออกมา พุ่งใส่ใบหน้าของเกาหาน
เกาหานระบายลมหายใจออกยาวๆ กลายเป็นพายุที่เหมือนกับพิรุณแสงทั่วฟ้า เป่าเพลิงเขียวกระจายไป
………………..