ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1423 ร่วมแรงร่วมใจ
จอมมารระดับมหาชาลตนนี้แสดงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็อดทนมากกว่าเดิมด้วย
ยามเผชิญกับเฟิงอวิ๋นเซิงที่ระดับพลังฝึกปรือต่ำกว่าตน มันกลับเป็นฝ่ายตั้งรับ เพียงแต่ในการตั้งรับปรากฏความดุร้ายและความโหดเหี้ยมด้วย
ตัวมันไม่กลัวคมดาบของเฟิงอวิ๋นเซิง ขณะที่ลงมือยังคงมีทั้งการโจมตีและการตั้งรับ กลับป้องกันการโจมตีของเฟิงอวิ่นเซิงแทนจอมารตนอื่นๆ
มารร้ายส่วนใหญ่เหี้ยมเกรียม หรือไม่ก็คลุ้มคลั่ง มีน้อยครั้งที่จะคิดถึงมารตนอื่น
จอมมารตนนี้ดูเหมือนกำลังช่วยป้องกันการโจมตีของเฟิงอวิ๋นเซิงให้แก่มารร้ายตนอื่นๆ แต่ความจริงกลับลอบวางแผนการ
ปราณมารหลายสายตัดสลับ ผนึกตัวเชื่อมต่อ เริ่มกลายเป็นแหฟ้าตาข่ายดิน กักขังเฟิงอวิ๋นเซิงไว้ด้านใน
ความคิดของพญามารสุขสันต์เป็นความคิดของจอมมารตนนี้พอดี!
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่อยู่ที่นี่ยังพอว่า แต่ในเมื่ออยู่แล้ว เช่นนั้นก็จับแล้วนำกลับนพยมโลกเสีย!
การกลับมาของมารน้ำกุ่ยและมารดินโบ่วมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นภารกิจที่มาก่อนเป็นอันดับแรก
กระนั้นถ้านำเฟิงอวิ๋นเซิงกลับนพยมโลกได้ย่อมประเสริฐสุด
ถึงอย่างไรเฟิงอวิ๋นเซิงก็ร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ หลังเข้าไปในจักรวาลฟ้าฟื้น ร่องรอยที่อยู่ก็หายากมาโดยตลอด ในวันนี้อุตส่าห์รั้งนางไว้ที่นี่สู้ตายไม่ถอยหนี เหล่ามารย่อมต้องพยายามเกาะกุมโอกาสที่หายากนี้
เฟิงอวิ๋นเซิงกับมารระดับมหาชาลตนนั้นสู้กันดุเดือด มารร้ายตนอื่นๆ ไม่ได้เข้ามาในสนามรบ แต่โจมตีใส่ดินแดนพันเกล็ดต่อ
ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ลอยออกมาจากในลำแสงบนดินแดนพันเกล็ด เยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพเหล่ามารสร้างความปั่นป่วนตรงหน้า สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นพลิกฝ่ามือวูบ ฟาดใส่ลำแสงที่เคลื่อนไหวใต้เท้าตัวเอง
ในลำแสงที่เคลื่อนไหวเหมือนกับลำธารปรากฏกลุ่มแสงสายแล้วสายเล่า
จากนั้นในกลุ่มแสงก็มีอักขระยันต์หลายสายเหยียดยื่นออกมา ตัดสลับทับซ้อน รวมตัวกัน ก่อนจะค่อยๆ หลอมรวมกลายเป็นลวดลายค่ายกลขนาดมหึมา
จากนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็พลิกฝ่ามือวูบหนึ่ง
พร้อมกับการพลิกฝามือของเขา ดินแดนพันเกล็ดที่เป็นประกายราวลำธารถึงกับพลิกตัวขึ้นมาทั้งหมด
เหล่าจอมมารเห็นดังนั้นต่างงุนงงเล็กน้อย
จากนั้นเห็นการพลิกตัวของดินแดนพันเกล็ดบิดเบี้ยวมิติเวลาแห่งหนึ่ง
เป็นเพราะว่าดินแดนพันเกล็ดส่งผลสะกดต้านทานต่อมารร้าย เวลานี้เขตแดนไร้สิ้นสุดที่ครอบคลุมมิติรอบๆ ไม่อาจผนึกรูที่เกิดจากการบิดมิติเวลาแห่งนี้ได้อีก
ลำแสงหลายสายพุ่งออกมาในมิติเวลาที่เปิดออก
ราชันพระจันทร์ หลิงชิง
เกาชิงเสวียน ‘กระบี่เปลี่ยนทวิลักษณ์’ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งมรกตท่องฟ้า ผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์
หลงซิงเฉวียนที่ซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ ซึ่งหลังจากเปิดคม ก็เลื่อนจากระดับเซียนจริงแท้สู่ระดับสูงสุดของเซียนลี้ลับ เปลี่ยนฉายาจักรพรรดิน้ำพุเป็นกษัตริย์น้ำพุ
นักพรตอวิ๋นเจิ้งที่ซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ ซึ่งเปิดคมในสงครามย้ายมรกตท่องฟ้า และได้เลื่อนสู่จุดสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับเช่นกัน ก็เปลี่ยนฉายาจากจักรพรรดิเมฆเป็นกษัตริย์เมฆ…
ยอดฝีมือผู้สืบทอดกระแสตรงของสำนักเต๋าสายหลักคนเล่าคนเล่าปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ป้องกันเส้นทางการเดินทัพ และการโจมตีใส่ดินแดนพันเกล็ดของเหล่ามาร
ถึงสงครามในวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับผู้คนในมรกตท่องฟ้าซึ่งเป็นสายเหนือพิสุทธิ์โดยตรง แต่เรื่องราวเกี่ยวพันถึงนพยมโลก เกี่ยวพันถึงการคืนชีพของสองสุดยอดมาร น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ร่วมแรงร่วมใจ เกาชิงเสวียนกับนักพรตอวิ๋นเจิ้งต่างลงมือ เพื่อคุ้มครองเฉินเสวียนจง ช่วยให้เขาทำลายมารได้สำเร็จ
หากปล่อยให้มารน้ำกุ่ยกับมารดินโบ่วคืนชีพและกลับนพยมโลกอย่างปลอดภัย เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาเกินไป ภายใต้เทพมารกรอกศีรษะ พวกมันสามารถกลับคืนสู่สภาพสุดยอดในอดีตได้ใหม่
การคุกคามในระหว่างนี้ ไม่ต้องกล่าวก็เข้าใจกันดี
เส้นทางนอกรีตเป็นศัตรูยิ่งใหญ่สำหรับผู้สืบทอดกระแสตรงสำนักเต๋าสายหลัก นพยมโลกก็เป็นเช่นเดียวกัน การกัดกินที่เล็งเป้าไปเหล่ามนุษย์คงอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ใดที่ไม่อยู่
ผู้ใดก็ไม่กล้ารับประกันว่าฝ่ายตนจะมีคนถูกนพยมโลกล่อลวงเป็นมาร หรือถูกจอมมารหมายตา กลายเป็นร่างสถิตสำหรับการคืนชีพหรือไม่
หากสามารถลดทอนพลังของนพยมโลกได้ พวกเกาชิงเสวียนยินดีลงแรงส่วนหนึ่ง
จอมมารนพยมโลกลงมือ ในนี้มีมารที่เทียบได้กับเซียนกำเนิดสุญญตาของสำนักเต๋า
เสียงมารที่เหมือนเสียงมหามรรคาหากแตกต่าง บิดงอจิตใจของผู้คน ทำให้ผู้คนคลุ้มคลั่งสูญเสียการควบคุม สะท้อนทั่วจักรวาลในขณะที่พวกมันลงมือ
เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังสู้กับมารร้ายระดับมหาชาลตนนั้น ไม่อาจดูแลทางด้านนี้ได้ชั่วขณะ
แต่พร้อมกับการมาถึงของหลิงชิงและเกาชิงเสวียน สองเซียนกำเนิดผู้ยิ่งใหญ่ เสียงมหามรรคาพอดังขึ้นก็พลันทำให้เสียงมารที่บิดงอและสับสนเบาลง
แสงจันทร์สุกสกาวกลายเป็นแสงกระจ่างที่เบาบาง สาดส่องทั่วทุกที่ สั่นไหวควันมารมากมาย
แสงอาทิตย์ร้อนแรงกลายเป็นประกายแสงสีทองไร้ขอบเขต ส่องสว่างอยู่กลางจักรวาลที่มืดมิด
เกาหานไม่ได้มาด้วย แต่ว่าธงเทวาสุริยัน อาวุธเซียนสุญญตาของเขาอยู่ในมือของหลิงชิงอีกครั้ง
สุริยันจันทราสาดส่อง หลิงชิงพอลงมือ เหล่ามารก็ถอยหลังกรูดติดต่อกันทันที
จอมมารวานรยักษ์ตนนั้นอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นคมเขี้ยวที่น่ากลัว สองตาดุจบึงเลือดโหดเหี้ยมชั่วร้าย
ในเสียงคำรางของมัน ร่างกายระเบิดพลังอันน่าตกตะลึงออกมา กระแทกแสงจันทร์และแสงอาทิตย์กระจัดกระจาย เข่นฆ่าถึงหน้าหลิงชิง
หลิงชิงไร้ความเกรงกลัว รวมดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ปะทะกับมารปีศาจที่มหึมาราวกับขุนเขาบุพกาลเบื้องหน้า
นางบางครั้งผสานดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ สู้ศัตรูซึ่งหน้า บางครั้งชักนำหยินหยาง บิดเปลี่ยนสภาวะโจมตีของศัตรู บางครั้งเปลี่ยนแปลงพระเกตุพระจันทร์ทั้งลับทั้งแจ้ง ป้องกันแก้ไขการบุกรุกของอีกฝ่าย
การเปลี่ยนแปลงมากมายใช้ได้ดั่งใจนึก มีทั้งการโจมตีและการป้องกัน สู้กับมารวานรระดับสุญญตาตนนั้นโดยไม่ถอยหนีแม้แต่ครึ่งก้าว สู้จนฟ้าดินพลิกคว่ำ ทว่ายังรักษาพื้นที่ใต้เท้าไว้ได้ ไม่มอบโอกาสให้อีกฝ่ายข้ามเขตแดน ได้แต่มองดินแดนพันเกล็ดด้วยความจนปัญญา
อีกด้านหนึ่ง เกาชิงเสวียนพอลงมือ ไม่เหมือนหลิงชิงที่ไม่ให้หยดน้ำหลุดไปสักหยด แต่จิตสังหารความดุร้ายกลับรุนแรงยิ่งกว่า!
ประกายกระบี่สองสายรวมกัน ขณะที่สาดแสงแวบหนึ่งอย่างเหนือความคาดหมาย ก็สังหารมารร้ายไปหลายตน!
จอมมารสี่เศียรสี่กร มีเมฆดำเป็นขาและเท้ารีบเข้าปะทะ กลับคิดไม่ถึงว่าเกาชิงเสวียนร่างจริงร่างแยกพอลงมือพร้อมกัน จะคมกล้าขนาดนี้ แค่ปะทะกันครั้งเดียว ก็ถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง!
ในเสียงร้องคำราม แสงสีดำรวมตัวบนศีรษะของจอมมาร ปราณมารยิ่งใหญ่ปรากฏ ไม่กล้าเก็บพลังไว้อีก รีบลงมือด้วยพลังทั้งหมด
แต่เกาชิงเสวียนรวมสองกระบี่ ประกายกระบี่เคลื่อนย้าย เกิดการเวียนว่ายตายเกิด ราวกับการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน สภาวะไม่อาจต้านทาน
ถึงแม้จอมมารสี่เศียรสี่กรจะมีพลังไม่ธรรมดา กลับถูกเกาชิงเสวียนโจมตีใส่จนมีสภาพทุลักทุเล
การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงเล็กน้อย ศีรษะขนาดใหญ่ข้างหนึ่งถึงกับถูกเกาชิงเสวียนฟันขาดในหนึ่งกระบี่!
จอมมารทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ขณะที่ป้องกันและโต้ตอบ จิตใจก็เคร่งขรึมกว่าเดิม
มันฟื้นพลังที่น่าตระหนกกลับมา รวมปราณมารอย่างต่อเนื่อง หมายจะฟื้นคืนศีรษะและแขนที่ถูกฟันขาดออกไปของมันกลับ
แต่ว่ากลับไม่เกิดผลอะไร
ความร้ายกาจของวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์สำนักเต๋าคือการทำลายพลังชีวิต แม้แต่จอมมารก็ยังรู้สึกยากจะต้านทาน
พญามารสุขสันต์ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เข้ามาใกล้ๆ
ถึงแม้จะไม่ค่อยปรองดองกับจอมมารตนอื่นๆ แต่ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกัน ลงเรือลำเดียวกันแล้ว มันเองก็ไม่อาจนิ่งดูดาย
แต่ว่าไม่ทันไร พญามารสุขสันต์ก็หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวแล้ว
บนสมรภูมิรบตรงหน้า ประกายดาบที่ยิ่งใหญ่เกรี้ยวกราดสายหนึ่งสาดลงมาอย่างรุนแรง สังหารมารร้ายที่คิดโจมตีดินแดนพันเกล็ดตนอื่นๆ อย่างคลุ้มคลั่งเหมือนพยัคฆ์กระโจนลงกลางฝูงแกะและเหมือนกับสับแตงหั่นผัก
มาตรว่าจะมีมารที่เทียบได้กับระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่งของสำนักเต๋า ยามเผชิญประกายดาบนั้นก็ยังยากจะต้านไว้ได้