ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1443 มีแต่ความกังวล
สวีเฟยเผชิญสายตาที่เยี่ยนจ้าวเกอมองมา หัวเราะขึ้น “ตอนนี้ข้าเองก็เป็นตั๊กแตนบนเส้นเชือกเช่นกัน หนีไปไหนไม่ได้”
เขาเอาหลังพิงประตูห้องโอสถแกนกลาง ด้านหลังถูกแสงสีเหลืองนั้นย้อม ตรงหน้ามีหมอกแสงที่เหมือนกับสายโซ่พันอยู่บนตัว
“เวลาลากถ่วงมาสักพักแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “เพราะมุกผ่าดิน?”
สวีเฟยพยักหน้า เขาถือมุกผ่าดินรอคอยอยู่ที่นี่ตามคำชี้แนะของเยี่ยนจ้าวเกอ ในตอนที่มารดินโบ่วเคลื่อนไหว ตำหนักโอสถจะเริ่มสะกดแผนการคืนชีพของมัน
อาศัยแค่ตำหนักโอสถยังไม่เพียงพอ สวีเฟยใช้มุกผ่าดินเพิ่มการช่วยเหลือ
ภายใต้สะกดสองชั้น การคืนชีพของมารดินโบ่วถูกถ่วงเวลาเอาไว้
ตอนแรกมีสุดยอดมารสองตนเคลื่อนไหวพร้อมกัน เยี่ยนจ้าวเกอใช้วิธีการในปัจจุบันถ่วงเวลามารตนหนึ่งในนี้ สร้างความต่างของเวลาที่หายาก ดังนั้นยอดฝีมือของสำนักเต๋าจึงรวบรวมพลังสมาธิจัดการมารอีกตนหนึ่งได้
หลังจากจัดการความยุ่งยากจากมารน้ำกุ่ยได้แล้ว ก็กลับมาจัดการมารดินโบ่วทันที
หากมองจากภาพใหญ่ มาถึงตอนนี้ โดยรวมแล้วแผนการถือว่าประสบความสำเร็จ
ทว่าในตอนที่ถ่วงเวลาการคืนชีพของมารดินโบ่ว สวีเฟยที่ใช้มุกผ่าดินก็ถูกพลังของมันพันธนาการไว้เช่นกัน สุดท้ายกลายเป็นส่วนหนึ่งของพิธีสะกด
ขณะนี้เขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสือจวินแม่ลูก ยากจะแบ่งแยกแล้ว
“หาเป็นไรไม่ สามารถเฝ้าพวกเขาแม่ลูกได้ตลอดเวลา ข้าสบายใจมากกว่า” สวีเฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่นำพา
เยี่ยนจ้าวเกอเดินวนรอบตำหนักโอสถ พร้อมกับสัมผัสมุกผ่าดิน ขณะที่ช่วยพิธีสะกดแสดงผลต่อก็ตรวจสอบขึ้นๆ ลงๆ
“ตอนนี้ได้แต่ทำเช่นนี้แล้ว” เขาถอนใจ “วิถีมารแปลกประหลาด ต่อให้ตัดออกจากตำหนักโอสถ เพียงใช้มุกผ่าดินอย่างเดียวท่านก็ยังไม่อาจหลุดออกมา ต้องร่วมทางกับมุกผ่าดินและพวกจวินเอ๋อร์”
สวีเฟยกล่าว “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงข้า สิ่งสำคัญยังคงเป็นการปราบมาร” เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ดินแดนพันเกล็ดกับพิธีผสมฟ้าขับไล่มารต่างหมดพลังไปเพราะมารน้ำกุ่ย เจ้ายังมีวิธีเกี่ยวกับมารดินโบ่วหรือไม่ ยึดตามคำกล่าวก่อนหน้า ในนาทีที่ต้องตัดสินกัน ไม่อาจฝากความหวังไว้ที่ตำหนักโอสถ”
ในปัจจุบันอาศัยพลังของตำหนักโอสถลากถ่วงขัดขวางการคืนชีพของมารดินโบ่ว
สภาพอย่างเช่นตอนนี้คือไม่อาจถอนตรามารได้
เหมือนกับพวกเฉินเฉียนหัวและฉู่หลีหลีเมื่อก่อนหน้า คิดถอนตรามารออกมาต้องเป็นในตอนที่จอมมารเริ่มคืนชีพอย่างแท้จริงจึงจะกระทำได้
จึงมีคำกล่าวว่าในคำว่าวิกฤติมีโอกาสและอันตรายอยู่ร่วมกัน
ทุกฝ่ายได้แต่ตัดสินกันที่ความต่างเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ จัดการเภทภัยได้ตลอดกาลก็ต้องพ่ายแพ้ปล่อยให้ผู้คนเชือดเฉือนเป็นเนื้อปลา
ส่วนที่กระอักกระอ่วนเกี่ยวกับตำหนักโอสถอยู่ที่สภาพการในปัจจุบันไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเผยร่องรอยของตัวเอง ทว่ารอถึงตอนที่มารดินโบ่วเริ่มคืนชีพอย่างเป็นทางการ เมื่อไม่มีการช่วยเหลือหลายชั้นเช่นดินแดนพันเกล็ดและพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร ก็ไม่อาจปิดบังตำแหน่งร่างสถิตจอมมารกับยอดฝีมือระดับสุดยอดแห่งวิถีมารเช่นมารจิตได้
ถึงเวลานั้นถ้าหากต้องการใช้ตำหนักโอสถเป็นชัยภูมิหลักในการรับมือกับอีกฝ่าย จะต้องถูกอีกฝ่ายกำหนดตำแหน่งของจักราวลฟ้าฟื้นได้อย่างแน่นอน
คนที่ต้องการค้นหาจักรวาลฟ้าฟื้น บางทีอาจไม่ได้มีแค่จอมมารในนพยมโลก ขุมกำลังอื่นๆ ก็กำลังตามหาอยู่เช่นกัน
เกิดว่ามารเห็นท่าไม่ดีแล้วกระจายข่าวออกไป ยอดฝีมือจากขุมกำลังอื่นๆ ก็จะหนุนเนื่องมาเหมือนฝูงผึ้ง
ชะตาชีวิตของมารดินโบ่วในตอนนั้นจะเป็นอย่างไรยังบอกไม่ได้ แต่ว่าทุกคนที่อยู่ในจักรวาลฟ้าฟื้นจะต้องประสบภัยแน่นอน
“การดำรงอยู่อย่างดินแดนพันเกล็ดหายากเกินไป ครั้งนี้ที่พวกเราหาเจอได้แห่งหนึ่งนับว่าโชคดีมากแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “พิธีผสมฟ้าขับไล่มารก็มีวัตถุดิบหลักไม่พอในการสร้างพิธีที่สอง”
สวีเฟยถาม “ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้าไปตามหาแควธารสวรรค์ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”
แควธารสวรรค์ที่นำซากสังขารของจักรพรรดิเจิดจรัสกลับมาก่อนหน้านี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้วย่อมเป็นชัยภูมิหลักที่ดีมากแห่งหนึ่ง หากวางค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง คนคนเดียวสามารถรับมือพันทหารหมื่นอาชาได้
ไม่อาจใช้รับมือกับมารน้ำกุ่ย แต่สามารถใช้กับมารดินโบ่วได้ดี ยิ่งอย่าว่าแต่ขัดขวางจอมมารที่โจมตีมาจากด้านนอกได้
“ไม่ได้ความ” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า
นพยมโลกทราบถึงตำแหน่งของแควธารสวรรค์สายนั้นเช่นกัน
ตอนนั้นมีเทพมารระดับมหาชาลต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงที่นั่น ได้เห็นแควธารสวรรค์กลายเป็นแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งด้วยตาตัวเอง
ผลลัพธ์คือครั้งนี้นพยมโลกตั้งใจป้องกันมันโดยเฉพาะ
เยี่ยนจ้าวเกอได้ไปตรวจสอบอีกรอบ เห็นที่นั่นถูกทำลายลงแล้ว คาดว่าเป็นเทพมารลงมือ
“เช่นนั้นก็ต้องใช้แข็งชนแข็งแล้วกระมัง” สวีเฟยถาม
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “นพยมโลกเป็นมุสิกข้ามถนน ผู้คนรุมทุบตี อย่างน้อยในเวลาส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นมารจิตกับมารเงาจึงยังคงมีการเคลื่อนไหวใหญ่ หลังจากถูกพวกผู้อาวุโสสั่วกดดันให้ถอย ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจก็มียอดฝีมือลงมือกดดัน ทำให้นพยโลกถูกมัดมือมัดเท้า
“แต่ว่าร่องรอยมารยากหยั่งคาด มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ย่อมมีปลาที่หลุดรอดตาข่าย” ตาเขาเป็นประกายเย็นเยียบ “ยิ่งไปกว่านั้นก็พึ่งศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจไม่ได้ ในขณะที่พวกเขาสะกดนพยมโลกก็คิดจะเล่นงานพวกเราเช่นกัน ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เผ่าปีศาจสอดมือ พวกกษัตริย์ดาราก็ไม่ถึงกับเกือบล้มเหลว สุดท้ายรอดพ้นความตายหวุดหวิด”
เขาพูดพร้อมกับถอนใจคำหนึ่ง “ถึงขั้นที่พิธีผสมฟ้าขับไล่มารอาจยังอยู่ ตอนนี้พวกเราคงผ่อนคลายขึ้นมาก”
สวีเฟยหยิบถุงสุราขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง สีหน้าแดงเรื่อ แต่ดวงตากระจ่างใสเยือกเย็น “เมื่อไร้พิธีผสมฟ้าขับไล่มารก็ไม่อาจป้องกันมารจิตแรกเริ่มวางแผนร้าย ถึงอย่างไรมันไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ส่งผลต่อพวกสือจวินได้”
“ข้ากำลังรอคำตอบจากใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋อยู่” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “หากถามว่าสำนักเต๋าในตอนนี้ใครถนัดรับมือการรบกวนจากมารจิตแรกเริ่มมาที่สุด คนแรกก็เป็นเขาแล้ว”
สวีเฟยพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอใช้อาคมเสริมความแข็งแกร่งแก่ตราผนึก จากนั้นก็เปิดประตูของห้องโอสถแกนกลางแล้วเดินเข้าไป สวีเฟยตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
ในห้องโอสถแกนกลาง อิ๋งอวี่เจินยังคงนอนอยู่ในโลงศพน้ำแข็ง ราวกับหลับใหล
สือจวินหลังพิงกำแพงห้องโอสถ นั่งขัดสมาธิ ควบคุมตัวเองเอาไว้
ทว่าตอนนี้บนหน้าผากของพวกเขาต่างมีบาดแผลที่เปิดออกในแนวตั้ง แสงสว่างสีเหลืองลอยออกมาจากด้านใน หนาหนักและเปลี่ยวร้าง ชั่วร้ายและอัปมงคล
ทะลุบาดแผลและแสงสีเหลืองนั้น เหมือนกับกำลังมองเหวลึกที่มืดมิด คนเหมือนกับต้องกระโดดลงไปอย่างไม่อาจควบคุม
พอสัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามา สือจวินก็ลืมตา พอเห็นว่าเป็นเยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาก
“จวินเอ๋อร์ ตอนนี้ข้าจะบอกเล่าขั้นตอนที่พวกกษัตริย์ดาราถอนทำลายตรามารเมื่อก่อนหน้าให้เจ้าฟัง เจ้าพิสูจน์พิจารณาดู” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างจริงจัง
สือจวินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างจริงจัง
เป็นเพราะอิ๋งอวี่เจินสูญเสียการรับรู้ ดังนั้นเรื่องถอนทำลายตรามารจึงเป็นสือจวินที่ต้องกระทำให้สำเร็จเอง
จอมมารที่เลือกเขาเป็นร่างสถิตสำหรับคืนชีพ เป็นมารรับใช้ของมารดินโบ่ว ในระดับหนึ่งแล้วมีต้นกำเนิดใกล้เคียงกัน
สือจวินความจริงสามารถกลายเป็นร่างสถิตของมารดินโบ่ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เหมาะเท่ามารดาของตัวเอง
แต่ถึงอย่างไรมารดินโบ่วก็เป็นผู้นำ เขาเป็นผู้ตาม คิดจะให้เขาถอนทำลายตรามารเองมีระดับความยากสูงยิ่ง
เรื่องนี้ไม่อาจให้เขาจัดการเองได้
สือจวินตั้งใจฟังวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ ในตอนที่ได้ยินถึงอาคมผนึกมาร อดครุ่นคิดไม่ได้