ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1448 เปลี่ยนที่รบทั่วอวกาศ พลิกกลับเอกภพ
เยี่ยนตี๋เปิดทางด้านหน้า เฟิงอวิ๋นเซิงจัดการด้านหลัง ทำให้เกาชิงเสวียนมีข้อกริ่งเกรงลดลงมาก ตั้งสมาธิกับการควบคุมประกายกระบี่ได้
นางกับร่างแยกใช้กระบี่ลวงเซียนพร้อมกัน ประสานกับเรือเทพที่อยู่ข้างใต้ มีไม่กี่คนในยอดฝีมือระดับสุญญตาที่สู้ความเร็วได้
กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำพุ่งทะยาน แหวกการขัดขวางหลายชั้น เคลื่อนที่ในมิติไร้สิ้นสุด ผู้ขวางทางไม่อาจต้านทาน
เหล่ามารจนปัญญา การไล่ตามขัดขวางกลับถูกประกายกระบี่ทะลวง
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงการคืนชีพของมารดินโบ่ว มารร้ายไม่ยอมแพ้เช่นกัน ต่อให้ถูกสลัดหลุดหรือถูกทะลวงผ่าน ก็ปรับตำแหน่งไล่ตามขัดขวางอย่างต่อเนื่อง
สิ่งทำให้ให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอมีแรงกดดันเพิ่มขึ้นก็คือ ผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธกับยอดฝีมือเผ่าปีศาจเริ่มเข้าร่วมในการขัดขวางพวกเขาเช่นกัน
เหมือนกับในตอนที่มารน้ำกุ่ยคืนชีพ แผนการที่ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจได้วางเอาไว้คือการสังหารร่างสถิตที่จอมมารต้องการใช้สำหรับเกิดใหม่ ขณะเดียวกันก็ต้องการหยุดพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วย!
ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้ทางมารน้ำกุ่ยมีโอกาสเหลือเฟือ เช่นนั้นตอนนี้ไม่ว่ามารดินโบ่วจะคืนชีพสำเร็จหรือไม่ หลังเรื่องราวมีผลลัพธ์ พวกเยี่ยนจ้าวเกอจะต้องหาวิธีหลบหนีอีกครั้ง ไม่พัวพันกับนพยมโลกต่อ
ถ้าหากพวกเขาหนีสำเร็จ ถึงเวลานั้นคิดตามหาพวกเขาอีกครั้ง การค้นหาจักรวาลฟ้าฟื้นยากเสียยิ่งกว่ายาก
ดังนั้นศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจจึงเริ่มล้อมกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำที่เคลื่อนไหวในความว่างเปลาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
กระนั้นอย่าว่าแต่สร้างการประสานงานกับมารร้ายแห่งนพยมโลก แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจก็มีความขัดแย้งมากมายเช่นเดียวกัน
ถึงตอนนี้สามฝ่ายจะกำลังล้อมผู้สืบทอดสำนักเต๋า แต่ต่างฝ่ายต่างทำตามแผนการของตัวเอง ไม่มีการร่วมมือกันแม้แต่น้อย สามารถสะกดกลั้น ไม่ระเบิดความขัดแย้งใหญ่ระหว่างกันได้ก็หายากมากพอแล้ว
แต่เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่เข้าร่วมการล้อมยิ่งมายิ่งมาก ระดับความยากในการเปลี่ยนที่ต่อสู้ฝ่าวงล้อมของพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งมายิ่งเพิ่มสูงขึ้น
ทันใดนั้น แสงสีทองสายหนึ่งแวบผ่านอย่างรวดเร็ว ฉวยโอกาสที่คนอื่นๆ ขัดขวาง เข้าใกล้ประกายกระบี่สีแดงก่ำในพริบตา
ในแสงสีทองนั้นปรากฏร่างของนักพรตวัยกลางคนผู้หนึ่ง กลับเป็นฝูลัวจื่อ อนุเทวะเผ่าปีศาจ บุตรของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
ท่ามกลางยอดฝีมือระดับสุญญตา พูดถึงด้านความเร็ว เขาเป็นหนึ่งในตัวตนที่สุดยอดที่สุด
พวกเยี่ยนจ้าวเกอฝ่าการขัดขวางของคนอื่นๆ ความเร็วลดลงเล็กน้อย ฝูลัวจื่อไล่ตามทันแล้ว
เขาที่กลายเป็นร่างนกเผิงปีกทองไม่ได้เข้าโจมตีในทันที แต่ว่ากระพือปีกสองข้าง แสงสีทองหลายสายม้วนพัดใส่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำเหมือนกับห่าฝนพายุคลั่ง
ประกายดาบสีดำหลายสายสว่างขึ้นบนด้ามกระบี่ ตัดขวางกระจัดกระจาย ฟันขนปีกของเผิงยักษ์มากมายที่เหมือนกับฝนดาวตก
ฝูลัวจื่อดวงตาเย็นชา ไม่รีบร้อน รับประกันไม่ให้ตัวเองถูกดึงระยะห่างก่อน จากนั้นค่อยใช้วิธีสู้แบบกองโจร หมายสะกดฝีเท้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ขณะเดียวกัน ยอดฝีมือที่เข้าร่วมวงต่อสู้คนอื่นๆ ก็พากันลงมือจากด้านข้าง โจมตีใส่ประกายกระบี่สีแดงก่ำจากระยะไกลๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำหรือว่าฝูลัวจื่อ ความเร็วในการเคลื่อนที่ล้วนสูงยิ่ง
ถึงแม้ว่าคนจำนวนมากจะคำนวนเผื่อไว้ก่อนแล้ว แต่การโจมตีก็ถูกใส่ความว่างเปล่า
ตอนการโจมตีอันน่ากลัวชนิดทำลายฟ้าดินมาถึง ประกายกระบี่ก็ออกจากที่เดิม พุ่งไปยังที่อื่นแล้ว แต่ว่าคนที่ลงมือมีมาก การโจมตีรวมตัวกัน สุดท้ายยังคงมีส่วนหนึ่งที่โดนตัวกระบี่
การลงมืออย่างฉุกละหุก ต่อให้โจมตีโดนก็มีอานุภาพจำกัด ทว่ายอดฝีมือที่โจมตีโดนประกายกระบี่สีแดงก่ำล้วนต้องเป็นตัวตนที่ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด เลื่อนสู่ระดับสุญญตาสำเร็จอย่างแน่นอน
พวกเขาลงมือโจมตีโดยไม่เอาจริง ต่างทำให้เซียนลี้ลับต้านทานไม่ไหวได้แล้ว
ทุกครั้งที่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำรับไว้ ประกายกระบี่เหมือนกับสั่นไหววูบหนึ่งกลางความว่างเปล่า
เยี่ยนตี๋กับเฟิงอวิ๋นเซิงคนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลัง คนหนึ่งรับหน้าที่เปิดทางทะลวงฝ่าศัตรูที่ขวางอยู่เบื้องหน้า คนหนึ่งรับหน้าที่ขัดขวางฝูลัวจื่อที่ไล่ตามไม่ลดละ ขณะนี้ไม่อาจแบ่งร่างออกมาได้
ประกายกระบี่ได้รับผลกระทบ ความเร็วในการบินเหมือนช้าลงเล็กน้อย แต่ละฝ่ายที่ล้อมอยู่ยินดี เพิ่มความดุร้ายมากขึ้น
ทว่าขณะนี้บนผิวกระบี่สีแดงก่ำพลันเพิ่มแสงสีขาวกระจ่างชั้นหนึ่ง ไหลเวียนอย่างเงียบๆ อยู่บนคมกระบี่
การโจมตีที่มาจากโลกภายนอกส่วนใหญ่ถูกแสงสีขาวทำลาย ยากจะสร้างผลกระทบต่อไป
ภายใต้ประกายกระบี่ เกาชิงเสวียนกับร่างแยกต่างยืนนิ่งไม่ไหวติง หลงเสวี่ยจี้บุตรของนางนั่งขัดสมาธิบนดาดฟ้าเรือ กระบี่ยาวเล่มหนึ่งตรงหน้าแทงคมเข้าไปในดาดฟ้าเรือ
ด้านข้างเกาชิงเสวียนยืนไว้ด้วยราชันพระจันทร์หลิงชิง ขณะนี้นางออกมาจากท้องเรือ ช่วยเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ เกาชิงเสวียนแบกรับแรงกดดัน
เมื่อมีหลิงชิงลงมือสนับสนุน ประกายกระบี่สีแดงก่ำพลันเพิ่มความเร็วขึ้น
ทว่าพร้อมกับฝูลัวจื่อ พญามารที่เหมือนกับควันเบา เวลานี้ปรากฏในสายตาของคนทุกคนอีกครั้ง ค่อยๆ ไล่ตามมาถึง
หากถูกคู่ต่อสู้ที่ความเร็วไม่ต่ำทรามสองคนตามทัน ผลลัพธ์จะต้องย่ำแย่สุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าในขณะที่พญามารกำลังเข้าใกล้ยังมีระยะห่างอยู่ ประกายกระบี่สีแดงก่ำที่พุ่งทะยานพลันเปลี่ยนทิศทาง!
เกาชิงเสวียนกับร่างแยกพากันออกกระบี่ เปลี่ยนแปลงทิศทาง
ประกายกระบี่สีแดงก่ำพลันเปลี่ยนทิศทาง กะพริบวาบขึ้น ฟันใส่ฝูลัวจื่อที่ตามอยู่ด้นหลังติดๆ อย่างฉับพลัน!
การเคลื่อนย้ายในความว่างเปล่า และการเคลื่อนไหวไปทั่วมิติเวลาที่แตกต่างกันหลายแห่ง เดิมทีไม่มีทิศทางให้กล่าวถึง ทว่าฝูลัวจื่อมีการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของมิติล้ำลึก ขณะที่เคลื่อนย้ายมิติพร้อมกับกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำ เปลี่ยนการประลองของสองฝ่ายให้กลายเป็นการวัดกำลังเหมือนการวิ่งแข่งเป็นเส้นตรงในระดับหนึ่ง
ทันใดนั้น ในสายตาของเขา หางและหัวของประกายกระบี่นั้นพลันกลับด้าน ทิศทางเปลี่ยนไป แทงมาใส่เขา
ฝูลัวจื่อแม้แตกตื่นแต่ไม่ลนลาน เขาไม่เพียงแต่มีความเร็ว ขีดความสามารถยังเป็นผู้เข้มแข็งไม่กี่คนในระดับสุญญตาของเผ่าปีศาจ
ทว่าในพริบตานี้ บนคมกระบี่มีประกายแสงสีม่วง ขาว ดำ แดงกำลังส่องแสงระยิบระยับ สภาวะไม่อาจต้านทาน!
ฝูลัวจื่อสีหน้าเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง ได้แต่ถอยไปด้านข้าง หลบคมกระบี่
ประกายกระบี่เคลื่อนไหว ข้ามผ่านฝูลัวจื่อ หลังชักม้าแทงหอกกลับ ก่อนที่พญามารซึ่งเหมือนควันบางตนนั้นจะมาถึง ก็พุ่งออกวงล้อมไปอีกครั้ง
การโจมตีจากระยะไกลของคนอื่นๆ โดนใส่ความว่างเปล่า
“ไล่ตามต่อไป วกไปมาเช่นนี้ พื้นที่ของพวกเขามีแต่จะเล็กลงเรื่อยๆ” ฝูลัวจื่อปั้นสีหน้าเคร่งขรึม กลายร่างเป็นเผิงยักษ์กางสองปีก แล้วพุ่งตามกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำไปอีกครั้ง
ยอดฝีมือคนอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวอย่างเดียวกัน ทว่าเหล่ามารแห่งนพยมโลกร้อนรนยิ่งกว่า แสดงออกว่าหัวเสียถึงขีดสุด
เป้าหมายของเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธไม่ใช่แค่มารดินโบ่วที่กำลังคืนชีพเท่านั้น ยังรวมถึงตัวพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วย
สำหรับมารร้ายแห่งนพยมโลกแล้ว ถ้าหากว่าไม่อาจตัดสินการต่อสู้ได้โดยเร็วที่สุด การคืนชีพของมารดินโบ่วอาจจะล้มเหลวได้!
ขณะนี้พวกมันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายของมารดินโบ่วในประกายกระบี่สีแดงก่ำนั้นยิ่งมายิ่งปั่นป่วน
ด้านในท้องเรือของนาวาเทพ เยว่เจิ้นเป่ย หลงซิงเฉวียน นักพรตอวิ๋นเจิ้งออกมา ขึ้นสู่ดาดฟ้าเรือแล้วเช่นกัน จากนั้นก็ช่วยพวกเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ เกาชิงเสวียนต้านศัตรู
เยี่ยนจ้าวเกอรั้งอยู่ในท้องเรือ คาถาอาคมในมือเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เกิดเป็นยันต์อาคมแผ่นแล้วแผ่นเล่าไม่หยุดยั้ง แล้วติดลงบนต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า
บนต้นไม้ไม่เห็นสีเขียวมรกตแล้ว กิ่งใบโรยรา ใกล้จะเหี่ยวเฉา
กระนั้นพิธีกรรมที่ผนึกการกลับมาของมารดินโบ่วก็ใกล้จะจบลงแล้วเช่นกัน พวกสือจวินมีความหวังมากในการประสบความสำเร็จ
ทว่าในตอนนั้นเอง เหนือดาดฟ้าเรือด้านนอกท้องเรือ กระจกแสงสายฟ้าที่ลอยอยู่บานนั้นพลันสั่นไหว แสงกระจกเปลี่ยนเป็นมืดลง!