ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1453 คมกระบี่กระจัดกระจาย คนโดนด่าวดิ้น!
แสงสีดำส่องระยิบระยับ ทำให้คนเกิดความรู้สึกเย็นเยียบสิ้นหวังอย่างไม่อาจควบคุม
ชีวิตเสื่อมโทรม ลมปราณพังทลาย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ถึงขั้นที่แม้แต่ความนึกคิดก็กำลังจะหยุดชะงัก เหมือนกับว่าเปลี่ยนจากเป็นสู่ตาย ก้าวเข้าสู่ปรโลกที่เงียบสงัดพร้อมกัน
กระบี่โบราณเล่มหนึ่งลอยนิ่งอยู่ในแสงสีดำ
เป็นกระบี่ผนึกเซียน…กระบี่สังหารเล่มแรกของฟ้าดิน
นี่ไม่ใช่เจตจำนงกระบี่ที่เกิดจากการฝึกฝนวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์อย่างคัมภีร์ผนึกเซียนของจอมยุทธ์ และไม่ใช่ประกายกระบี่ผนึกรวมกลายเป็นสสาร แต่ว่าเป็นอาวุธสังหารและของล้ำค่าแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ที่แท้จริง!
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนซึ่งสั่นสะท้านโลกในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น นอกจากค่ายกลแล้ว เทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ได้ทิ้งกระบี่วิเศษสี่เล่มเอาไว้ เป็นของวิเศษสำหรับกางค่ายกล
กระบี่โบราณที่ลอยอยู่ในแสงสีดำนั้น ถึงกับเป็นหนึ่งในสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่เอาไว้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน กระบี่ผนึกเซียน!
ถึงฝุ่นจะขึ้นจับมาหายปี แต่วันนี้ได้เปิดคม เห็นฟ้าเห็นตะวันอีกครั้ง ก็สยบทุกสรรพชีวิตในทันที
ในบรรดาคนที่อยู่รอบๆ ย่อมมีคนที่มีความรู้ หลังจากจำกระบี่ผนึกเซียนได้ก็แตกตื่นสงสัยว่า ‘เจ้าของคนปัจจุบันของกระบี่เล่มนี้ที่แท้เป็นใคร’
ในยุคสถาปนาเทพเกิดสงครามใหญ่ติดต่อกัน สุดท้ายสายเหนือพิสุทธิ์พ่ายแพ้ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนถูกยอดฝีมือระดับมรรคาสี่คนร่วมมือกันทำลาย สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่เอาไว้กางค่ายกลตกไปอยู่ในมือของผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์
ว่ากันว่าเป็นชื่อจิงจื่อยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่สายหยกพิสุทธิ์ได้กระบี่ผนึกเซียนไป ทว่าชื่อจิงจื่อหายตัวไปหลายปี มีข่าวเสียชีวิตในยุคไซอิ๋วโบราณตอนกลาง แต่สุดท้ายแล้วความจริงและที่อยู่ยังเป็นปริศนา
พอมาถึงยุคสมัยในปัจจุบัน ทั้งยังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ความจริงมากมายก็ถูกกลบฝังในฝุ่นประวัติศาสตร์มากกว่าเดิม
ตอนนี้กระบี่ผนึกเซียนปรากฏขึ้นอีกครั้ง ไฉนจะไม่ทำให้คนคิดมาก
ถ้าหากชื่อจิงจื่อยังไม่เสียชีวิต นั่นก็เป็นยอดฝีมือประสบการณ์โชกโชนที่บรรลุมรรควิถีในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น เทวกษัตริย์สำนักเต๋า และเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลตัวจริงเสียงจริง
ถ้าหากว่าชื่อจิงจื่อเสียชีวิตไปแล้ว กระบี่ผนึกเซียนตกไปอยู่ในมือของคู่ต่อสู้ เช่นนั้นเจ้าของในตอนนี้ของกระบี่ผนึกเซียนก็สมควรไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา ถึงขั้นอาจแข็งแกร่งกว่าชื่อจิงจื่อ
ไม่ได้มีแค่ฝูหลัวจื่อที่สงสัย พญามารควันสายัณห์ที่รีบร้อนไล่ตามสวีเฟยกับสือจวินก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันเช่นกัน
‘เจ้าของคนก่อนของกระบี่ผนึกเซียนสมควรตายด้วยมือมารสวรรค์ไร้พันธนาถึงจะถูก...’ ควันหลายสายกำลังคำนวณในความว่างเปล่า ‘แต่กระบี่ผนึกเซียนได้เปลี่ยนเจ้าของหรือไม่ เจ้าของใหม่เป็นผู้ใด’
ขณะที่ทุกคนแตกตื่นสงสัย พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็พากันรวมตัวใกล้ๆ แสงสีดำ ปรับธงและกลองรบ ขัดขวางเส้นทางของศัตรู
ทว่าทันใดนั้น บนแสงทองบัวเขียวที่อยู่ไกลออกไปก็มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้น
เสียงแปลกประหลาดที่ยากจะทำความเข้าใจกลับทำให้คนที่อยู่รอบๆ เข้าใจความนัย
นั่นเป็นเสียงของยุทธวิชัยพุทธะ “ระดับพลังฝึกปรือของผู้มาไม่มากพอที่จะควบคุมกระบี่เล่มนี้อย่างแท้จริงได้”
พอฟังคำพูดนี้ นอกจากเหล่าบรรพชิตในศาสนาพุทธ มารและปีศาจต่างฮึกเหิมขึ้นเช่นกัน
พวกฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ยอดฝีมือระดับสุญญตาเวลานี้ตั้งใจสัมผัส ค้นพบว่าเจตจำนงกระบี่อันน่ากลัวที่สั่นสะเทือนจักรวาลตรงหน้า มาจากความพิสดารของกระบี่โบราณเล่มนั้นเป็นส่วนใหญ่
ถึงจะสั่นสะท้านขวัญวิญญาณ แต่ความรู้สึกติดขัดที่เผยออกมาก็แสดงถึงสภาวะแข็งนอกอ่อนใน
กระบี่โบราณแม้นแข็งแกร่ง แฝงคุณสมบัติวิญญาณ แต่ไม่อาจขยับได้เอง การแสดงออกเช่นนี้ไม่ใช่กระบี่ผนึกเซียนอ่อนแอ แต่ไม่มีเจ้าของที่มีพลังมากพอ จึงแสดงความน่าอัศจรรย์ทั้งหมดของกระบี่ออกมาไม่ได้
พอสัมผัสได้ถึงจุดนี้ ยอดฝีมือจากสามฝั่งที่ผนึกกำลังกันก็พลันผ่อนคลายลงหลายส่วน
ทว่าพวกยอดฝีมือเช่นฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์มีปฏิกิริยารวดเร็วถึงขีดสุด พลันลงมือทันที
พวกเขาโจมตีใส่พวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างรวดเร็ว!
เล็งเป้าหมายไปที่เกาชิงเสวียนโดยเฉพาะ!
ถ้าให้เซียนกำเนิดผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ผู้นี้ได้กระบี่ผนึกเซียน แม้จะยังคงไม่อาจแสดงอานุภาพของกระบี่ผนึกเซียนออกมาได้เต็มที่ แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆ ลำบากได้
ปีศาจมารซึ่งมีความเร็วสูงที่สุดสองตนอย่างฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ ตนหนึ่งพุ่งเข้าหากระบี่ผนึกเซียน ตนหนึ่งโถมใส่เกาชิงเสวียน ขวางกั้นสองฝ่ายเอาไว้
ขณะเดียวกัน ด้านข้างกระบี่โบราณภายใต้การคลอบคุมของแสงสีดำ ปรากฏเงาคนสองสาย
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป ต่างลิงโลดยินดี
ด้านขวาของกระบี่ผนึกเซียนยืนไว้ด้วยชายหนุ่มอาภรณ์ดำคนหนึ่ง เขามีใบหน้าเย็นชา สายตาแน่วแน่
ด้านซ้ายของกระบี่ผนึกเซียนยืนไว้ด้วยสตรีอาภรณ์เขียวคนหนึ่ง ใบหน้าดุจภาพวาด งดงามเป็นธรรมชาติ
บุรษหล่อเหลาสตรีงดงามยืนอยู่ข้างกระบี่โบราณ ถูกประกายกระบี่สีดำสนิทครอบคลุม ยังคงไม่โดนกลบท่วงทำนอง ทำให้ผู้คนหลงใหล
ถึงกับเป็นเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยที่ก่อนหน้าหายสาปสูญ ไร้ข่าวคราว!
ก่อนหน้านี้เกาชิงเสวียนกับเยว่เจิ้นเป่ยได้รับการแจ้งข่าวจากผู้สืบทอดของแต่ละคน แต่ว่าเวลานี้พอเห็นว่าเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยไม่เป็นอันตรายก็ค่อยวางใจโดยสิ้นเชิง
ตรงหน้าจอมปีศาจร้องคำราม พวกมารสร้างความวุ่นวาย ยังมีบัวเขียวแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกหลายดอกเบ่งบาน
เนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยไม่มีเวลารำลึกความหลัง สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ขณะพยักหน้าให้แก่พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยว่เจิ้นเป่ย กับเกาชิงเสวียน ต่างคนต่างยื่นมือข้างหนึ่งออกมาจับกระบี่ผนึกเซียน!
ในสองตาของอวี่เยี่ยปรากฏสภาพพิสดาร
สรรพเรื่องราวสรรพชีวิต ธรรมชาติทั้งหมด ความหลากหลายในโลกหล้าพังทลายลงพร้อมกัน สุดท้ายก็กลายเป็นความเงียบสงัด
นั่นเป็นจุดจบนิรันดร์ จุดหมายของทุกสิ่ง สภาพและปรากฏการ์ณสุดท้ายของมหามรรคาแห่งฟ้าดิน
ไม่ใช่ความตาย ไม่ใช่การดับสูญ ไม่ใช่การทำลาย ไม่ใช่วัฏจักร
ภาพ การดำรงอยู่ นิยาม ความหมายของความตาย การดับสูญ จุดสิ้นสุดต่างก็เจอจุดจบร่วมกัน!
ทุกอย่างกลับสู่ความว่างเปล่า กลับสู่ความโกลาหล สูญเสียนิยามของการเริ่มต้นและจุดจบ ราวกับความโกลหลและความว่างเปล่าไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาล
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น สายตาพลันเป็นประกาย
อวี่เยี่ยลืมตาเล็กน้อย ในดวงตาเป็นความว่างเปล่า มองไปถึงกับไม่สดใสอยู่บ้าง นางพอได้รับผลกระทบเช่นนี้ มือขวาที่กำกระบี่ก็ใช้ออกด้วยคัมภีร์กระบี่ผนึกเซียน แสงสีดำวนเวียน ปรากฏการเปลี่ยนแปลงแรกสุด เหมือนกับกลับคืนสู่ความโกลาหลและความสิ้นสูญ
ความตายเป็นจุดจบของทุกสิ่งมีชีวิต ขณะนี้อวี่เยี่ยเหมือนกับจุดจบของความตาย
แสงสว่างสาดแวบขึ้นบนคมกระบี่โบราณ แล้วหายไปในทันที ทว่าแสงสีดำที่ครอบคลุมกระบี่โบราณเริ่มขยายออกไปด้านนอกอย่างต่อเนื่อง
ปราณสีดำหลายสายที่เหมือนกับเส้นใย มีจำนวนนับไม่ถ้วน ขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับเหยียดยื่นไปในความว่างเปล่าของจักรวาลที่อยู่รอบๆ ไม่หยุดยั้ง
“อย่าเข้าใกล้เส้นสีดำนั้น!” ฝูหลัวจื่อตวาด “อย่าได้แตะถูก!”
เขาพูดพร้อมกับกางปีกหลบหลีก
คนอื่นรู้สึกได้ถึงการคุคาม รีบร้อนหลบหนี แต่ยังมีส่วนหนึ่งที่หลบไม่ทัน
เส้นสีดำวาดผ่านก็หายไปทันที แต่ทิ้งร่องรอยไว้บนตัวอีกฝ่าย แตะตรงไหน ก็ทิ้งไว้ตรงนั้น
คนที่ถูกใส่เส้นสีดำ ส่วนใหญ่มีร่องรอยบนคอ ราวกับถูกคมกระบี่วาดผ่าน
ชีวิตก็จากพวกเขาไปขณะที่ไร้การรับรู้ไร้ความรู้สึก
คนจำนวนน้อยพยายามสุดฤทธิ์ หมายจะหาทางรอดให้แก่ตัวเอง
เส้นสีดำบนร่างของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่คอ บางคนติดอยู่บนแขน บางคนติดอยู่บนขา บางคนติดอยู่บนลำตัวแต่ไม่ใช่จุดตาย
ตอนแรกนึกว่ารอดแล้ว กระนั้นผู้ใดหาทราบไม่ว่า พร้อมกับที่เส้นสีดำเส้นนั้นแตะถูกร่าง สีสันของชีวิตก็ยังคงหายไปจากร่างของพวกเขาอย่างรวดเร็วอยู่ดี!
กระบี่โบราณเล่มนั้นไม่ได้แสดงประกายกระบี่และเจตจำนงกระบี่ของมือกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์คนไหน ตัวมันเป็นการสะท้อนหลังจากฝึกฝนคัมภีร์กระบี่ผนึกเซียนสู่ขั้นสูงสุด แฝงแก่นแท้ของคัมภีร์กระบี่ผนึกเซียน
หากไม่มีวิธีการทำลาย คมกระบี่พอกระจัดกระจาย คนที่โดนใส่ต่างด่าวดิ้น!
………………..