ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1468 กายทองมหาเทวะ
เสียงติ๋งดังขึ้น เหมือนกับทำลายความสงบของโลกตรงหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองตามเสียง เห็นศิลาวิญญาณที่ฝังอยู่บนภูเขายามนี้ถึงกับหลุดออกมา จากนั้นก็อาศัยสภาวะกลิ้งลงมาอยู่บนพื้น
นั่นเป็นรากฐานของมหาเทวะเสมอฟ้า ศิลาดินกำเนิด!
ขณะนี้มันหล่นออกจากภูเขา ไม่ถูกภูเขาเบญจคีรีจองจำอีกต่อไป บ่งบอกว่าซุนหงอคงมหาเทวะเสมอฟ้าในที่สุดก็หลุดจากพันธนาการอันนานแสนนานแล้ว!
“สหายน้อย พวกเรามีวาสนาค่อยพบกันใหม่!”
เสียงลอยอ้อยอิ่งข้างหู เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามอง
สวีเฟย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก พ่านพ่านยังคงอยู่บนพื้น แต่มีเสาแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นจากตัวพวกเขา ทะลุหมู่เขา ทะลุท้องฟ้า ทะลุจักรวาล มุ่งตรงไปด้านบน ไม่ทราบว่าสิ้นสุดที่ใด
มหาเทวะไปไหนแล้ว
ต่อจากนี้เขาที่ละทิ้งพลังฝึกปรือทั้งหมดของตัวเอง อาศัยพลังสุดท้ายที่หลุดจากการคุมขัง กระโดดออกจากตราผนึกสองชั้นจะไปที่ไหนและทำอะไร
เยี่ยนจ้าวเกอเหม่อลอย ความคิดมากมายปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ตกตะกอน ไม่คิดและไม่คาดเดาต่ออีก
บางทีวันหน้าอาจได้พบกัน บางทีอาจไม่ได้พบกันอีกแล้ว กลับยากจะบอกแน่ชัด
ชายหนุ่มสลัดความนึกคิด ความสนใจกลับมาอยู่ที่พวกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอีกครั้ง
ร่างยากสมุทรสุดขอบโลกที่ยังคงเป็นวานร ยามนี้กายเนื้อเกิดการเปลี่ยนแปลง กลับสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง มีเพียงแต่ลวดลายรูปวานรยักษ์บนหลัง ไหล่ขวา และสะบักที่สมจริงราวกับมีชีวิต
ตiาผนึกของที่นี่ถูกทำลายแล้ว ต่อให้พระยูไลไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เจ้าของตราผนึกชั้นแรกที่อยู่ด้านนอกถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ สมควรสัมผัสได้
พระศรีอาริย์ผู้ปกครองแดนขวางกั้น และแดนสุขาวดีบัวขาวกับยอดฝีมือใต้การบัญชาก็อาจจะสัมผัสได้เช่นกัน
ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่มีเวลารำพึงรำพัน หลังจากลังเลเล็กน้อยก็ก้มลงเก็บศิลาดินกำเนิดขึ้นมาแล้วออกจากที่นี่
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขาก้มเอวเล็กน้อย จากนั้นรอยสักวานรยักษ์บนไหล่ขวาก็พ่นแสงสีทองหลายสายขึ้นไปได้บน
ปราณปีศาจที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ กระทำตามความต้องการของตัวเอง ขณะนี้ไหลเชี่ยวกลางฟ้าดิน!
แสงทองตวัดวูบ กลายเป็นวานรยักษ์ที่ดุร้ายตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นขณะที่แสงสว่างไหลเวียน ปีกหงส์ มงกุฎทอง เกราะทองถักโซ่ รองเท้าใยบัวก็ประกอบลงบนร่าง
มันยื่นมือออกมาช้อนขึ้น กระบองสารพัดนึกท่อนหนึ่งเคลื่อนไหว กวาดล้างจักรวาล
วานรยักษ์แบกฟ้าเงยหน้าส่งเสียงกู่ร้อง เมฆลมเปลี่ยนสี จับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย และพ่านพ่าน จากนั้นกระโจนร่างขึ้น พุ่งสู่ฟากฟ้า!
เขาเบญจคีรียังคงตั้งตระหง่าน ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อวานรที่แปลงกายมาจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
เวลานี้ตราผนึกสายที่หนึ่งด้านนอกทำงาน เสกหมอกแสงหลายสายขึ้นผสมผสาน ผนึกฟ้าดินเอาไว้
ในเมื่อเผยร่องรอยแล้ว ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่กระทำลับๆ ล่อๆ และวางแผนอย่างละเอียดอีก พุ่งออกไปอย่างหักโหมทันที
วานรทองผู้บ้าคลั่งขณะที่กระโดดขึ้นก็กวาดกระบองในมือ ทำลายตราผนึกแล้วออกจากแดนขวางกั้น
ในมิติจักรวาลที่ดำมืด เห็นบัวขาวหลายดอกเบ่งบานขึ้นพอดี
ระหว่างทะเลดอกบัวขาว เห็นเพลิงสีดำหลายสายปรากฏวับแวบตลอดเวลา
พอเห็นวานรทอง ทั่วทั้งจักรวาลหยุดนิ่งพร้อมกัน
แสงสว่างที่ทะลุแดนสุขาวดีบัวขาวสายหนึ่งเมื่อครู่ ได้ทำให้คนที่สู้กันอยู่สังเกตเห็นแล้ว
นาทีนี้พอเห็นวานรทองตัวนี้อีกครั้ง การต่อสู้ของทุกฝ่ายก็ผ่อนกำลังลงอย่างไม่อาจควบคุม
ทว่าแค่พริบตาเดียว เสียงสวดมนต์บนบัวขาวก็ดังขึ้นอีกครั้ง มีแสงพุทธหลายสายครอบคลุมพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่กลายร่างเป็นวานรหัวเราะฮ่าๆ ใช้กระบองหวดฟาดไปทีหนึ่ง กระแทกแสงพุทธออก
ในแสงพุทธบนบัวขาว ค่อยๆ ปรากฏร่างของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เป็นพระพุทธเจ้าติ้งกวงหูยาวผู้น่าเลื่อมใส ทว่ามีใบหน้าสับสนไม่เข้าใจ
แสงเพลิงสีดำอมน้ำเงินไม่พัวพันกับบัวขาวต่อ รวมตัวกับวานรทอง แล้วส่งเสียงกู่ร้อง ก่อนพุ่งจากไป
“สำเร็จแล้ว?” หลังจากรวมตัวกัน เฟิงอวิ๋นเซิงทางหนึ่งพุ่งไปด้านนอกแดนสุขาวดีบัวขาว ทางหนึ่งถาม “ศิษย์พี่สวีเป็นอย่างไรแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ยังไม่ทันตอบก็มีเสียงหนึ่งดังมา “ข้าไม่มีอุปสรรคใด ทำให้ศิษย์น้องเฟิงเป็นห่วงแล้ว”
ร่างกายขนาดใหญ่ของวานรยักษ์ค่อยๆ หายไป ร่างของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แสงสีทองหลายสายหุบลง กลับคืนสู่รอยสักบนไหล่ขวาของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
เยี่ยนจ้าวเกอประคองเมฆมงคล พ่านพ่านนอนตะแคงบนเมฆมงคล เหมือนกับกำลังหลับปุ๋ย
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยืนบนเมฆ ด้านข้างเขานั่งไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง ไม่ใช่สวีเฟยแล้วจะเป็นใคร
สวีเฟยในตอนนี้กลับคืนสู่ร่างมนุษย์แล้ว ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่มีสีเทาอมเขียวของรูปสลักหินอีก เขาเปลือยร่างช่วงบน ที่ด้านหลัง ไหล่ขวา และสะบักมีรอยสักรูปวานรเหมือนกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ลวดลายกำลังเปล่งแสงเรืองๆ
กายทองมหาเทวะ!
นี่เป็นของขวัญที่ซุนหงอคงมอบให้ทุกคน
“ทั้งสามยังไม่ได้เป็นเซียน เดิมทีไม่อาจรองรับกายทองของมหาเทวะได้ อาศัยความเกี่ยวข้องกับมุกผ่าดิน ลายมือแห่งแผ่นดิน รวมถึงการสอดมือของมารดินโบ่ว กลับทำให้พวกเราทำสำเร็จ” เยี่ยนจ้าวเกอพูด “กายทองแบ่งเฉลี่ยกัน การปูทางก่อนหน้านี้ก็แบ่งเฉลี่ยกันไปด้วย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้ามีรากฐานดีที่สุด จึงขยับได้เร็วที่สุด ศิษย์พี่สวีกลับจากความตาย ยังจำเป็นต้องฟื้นฟูพลัง พ่านพ่านเจ้าจอมขี้เกียจหลับไปแล้ว”
สวีเฟยเอ่ยทอดถอนใจ “ข้านึกว่าครั้งนี้ตายแน่แล้ว เป็นเพราะพวกเจ้าจึงกลับมาจากประตูผีได้”
“อย่างอื่นไม่ต้องกล่าวมากความแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ยกมือขึ้นกำเป็นหมัดแล้วยื่นเข้าไป
สวีเฟยยิ้ม กำหมัดยื่นออกไป กำปั้นของคนทั้งสองชนกัน
เว้นเล็กน้อย สวีเฟยถามอย่างเป็นห่วง “พวกจวินเอ๋อร์แม่ลูกเป็นอย่างไรแล้ว คนอื่นๆ มีสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”
“พี่สะใภ้อวี่เจินไม่เป็นไรแล้ว แค่พักผ่อนก็เพียงพอ ตอนนี้เกรงว่าจะฟื้นขึ้นมาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “อาการบาดเจ็บของจวินเอ๋อร์สาหัสยิ่ง ตาขวา แขนขวา กับขาขวาล้วนพิการแล้ว คิดจะรักษาไม่ง่ายดาย”
จิตใจอันแน่วแน่และเจตนารมณ์ของสือจวินทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยต่างชมเชย เพื่อทำลายพญามารจงหยวนที่มีร่างเดียวกับตัวเอง เขาไม่คิดถึงความโชคดีใดๆ ตัดสินใจในทันที ลงมือไม่มีปรานี ทว่าสำนึกมารไม่เพียงกัดกินกายเนื้อของเขาเท่านั้น ยังกัดกินวิญญาณของเขาด้วย
ราคาในการทำลายมาร เป็นสือจวินได้รับความเสียหายที่ยากจะรักษา วิญญาณได้รับบาดเจ็บ คิดรักษาในสถานการณ์เช่นนี้ มีระดับความยากค่อนข้างสูง
“ในใจข้ามีความคิดอยู่บ้าง หากกลับไปค่อยศึกษาสถานการณ์ของสือจวินอย่างละเอียด สมควรไม่มีปัญหาใหญ่” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ตอนนี้พวกเขาถูกส่งกลับจักรวาลฟ้าฟื้นแล้ว คาดว่าไม่มีอุปสรรคใหญ่ เป็นเพราะสถานการณ์ของท่านค่อนข้างคับขัน ดังนั้นพวกเราจึงรีบมายังที่นี่ ตอนนี้ยังไม่ได้ติดต่อคนอื่นๆ”
สวีเฟยพยักหน้าเบาๆ “หวังว่าพวกอาจารย์อาเจ้าสำนักจะปลอดภัยไร้เรื่องราว”
เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย หางตากวาดมองไหล่ขวาของตัวเอง “กลับเป็นข้าในครั้งนี้พบเจอโชคดีในโชคร้ายแล้ว”
“ดูร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของจ้าวเกอท่านใช้กายทองมหาเทวะลงมือเมื่อครู่ ห้าปราณมุ่งสู่กำเนิด บุปผาคู่แฝงอยู่ภายใน คล้ายบรรลุถึงระดับสูงสุดของชั้นสุญญตา” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยขึ้น “หลังจากศิษย์พี่สวีกับพ่านพ่านเคลื่อนไหวได้ดั่งใจแล้ว สมควรมีสถานการณ์เดียวกันกระมัง”
เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้ม “เหมือนกับการกลืนกินกลิ่นโอสถของตำหนักโอสถในตอนนั้น หากรากฐานเต็มเปี่ยมยังพอว่า รากฐานของพวกเราสามคนยังตื้นเขินไปบ้าง จำเป็นต้องใช้เวลาสั่งสมหลอมเปลี่ยน กายทองของมหาเทวะเสมอฟ้าไหนเลยรวบรัดปานนั้น”