ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1475 สะกดสังหารในพริบตา
“เอาตามที่ปรึกษากันก่อนหน้า” เกาชิงเสวียนกล่าว “พวกเจ้าไป ข้าจะออกตามหาต่อคนเดียว”
นางคนเดียวเป็นเป้าหมายค่อนข้างเล็ก เหมาะกับการเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระโดยไม่มีเป้าหมาย ค้นหาร่องรอยคนอื่นๆ ต่อ
“ได้” พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่กล่าวมากความ หลังบอกลาเกาชิงเสวียนก็ไปยังตำแหน่งที่จักรพรรดิศานติมอบให้ทันที
ในตอนที่พวกเขาเข้าใกล้จักรวาลบริเวณนั้น พลันสัมผัสได้ว่ามิติกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่ามีคนกำลังต่อสู้กันอยู่
พวกเยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไป จากนั้นก็มองดูไกลๆ ในความว่างเปล่าปรากฏเมฆสีม่วงผืนหนึ่ง
เมฆสีม่วงครอบคลุมลงหลายชั้น เห็นดิน น้ำ ลม ไฟสี่ลักษณ์กลายเป็นสี่มังกร สี่พยัคฆ์ กำลังพุ่งทะยานไม่หยุด
มังกรพยัคฆ์ผนึกกำลัง ประกายแสงสีทองและสีชาดเกาะเกี่ยวและกระเพื่อม คิดจะแหวกเมฆสีม่วง
พอเห็นภาพนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบทันทีว่านั่นเป็นคุนหนิงจื่อแห่งมรกตท่องฟ้า
อีกด้านหนึ่ง กลับเป็นประกายกระบี่มากมายกระเพื่อมไม่หยุด
ประกายกระบี่สายหนึ่งในนี้เรืองแสงสีทองจางๆ กระบี่กระจัดกระจาย เหมือนกับมีโลกใบใหม่บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ
ประกายกระบี่ตัดขวางกระจัดกระจาย ปรากฏสภาพยิ่งใหญ่ของการาเปิดผ่าฟ้าดิน
สมควรเป็นไป๋เทา อดีตประมุขหรดีแห่งโลกซ้อนโลก ศิษย์ของกษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยแห่งเขานครหยก
ถึงไป๋เทาไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียนขึ้นสู่ระดับเซียน แต่ว่าฝึกฝนกระบี่หยกเบิกนภามาทั้งชีวิต ขณะนี้ยังมีกระบี่เปิดกำเนิดซึ่งเป็นอาวุธเซียนอยู่ในมือ สภาวะกระบี่ขึ้นลง อานุภาพสั่นสะท้าน ทำให้คนไม่กล้าดูแคลน
ถึงแม้กระบี่เปิดกำเนิดอยู่ในมือเขาจะไม่อาจแสดงอานุภาพทั้งหมดออกมา ทว่าคมกระบี่ไปยังที่ใดก็ยังคงเปล่งแสงระยิบระยับ
คู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นผู้ฝึกกระบี่เช่นกัน
ถึงไป๋เทาจะมีพลังฝึกปรือไม่อ่อนแอ ทั้งมีอาวุธเซียนอยู่กับมือ แต่ว่าด้วยความเร่งรีบ กลับไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้
เป็นเพราะนั่นเป็นยอดฝีมือผู้ใช้กระบี่ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว
เพียงแต่ว่า พลังศรัทธาแสงวิเศษพุ่งขึ้นฟ้า กลับเป็นเซียนจริงแท้ที่มาจากโถงเซียน
ศัตรูที่สู้กับคุนหนิงจื่อก็มาจากโถงเซียนเช่นกัน เป็นกษัตริย์เซียนลี้ลับที่ได้ฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงแล้วคนหนึ่ง
คุนหนิงจื่อสวมเกราะพยัคฆ์มังกรทองชาดอาวุธเซียน เมฆลมกระเพื่อมพยัคฆ์มังกรติดตามร่าง ประกายแสงสีทองชาดส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง พลังสูงขึ้นเหมือนเรือลอยตามน้ำ ขณะโจมตีใส่ศัตรู
จนปัญญาที่บนเมฆม่วงมีฉัตรคันหนึ่งตั้งอยู่ บนฉัตรสาดแสงสีแดงหลายสายลง รวมตัวกับเมฆสีม่วง ทั้งบางทั้่งถี่ ผนึกการโจมตีของคุนหนิงจื่ออย่างแน่นหนา
‘อาวุธเซียนระดับสงบนิ่งชิ้นหนึ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอมงแต่ไกล เริ่มมั่นใจ
พอเห็นผู้ใช้กระบี่จากโถงเซียนที่กำลังต่อสู้กับไป๋เทาอยู่ เห็นการเปลี่ยนแปลงวิชาของอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอก็แตะนิ้วกับริมฝีปาก ‘การสืบทอดของเขาสู่ซาน มิน่าศิษย์พี่ไป๋จึงจัดการไม่ได้…’
แม้กำลังคิดในใจ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้เคลื่อนไหวช้าลง เข้าสู่สนามรบของสองฝ่ายทันที
บังเอิญที่ในตอนนั้นมิติเปิดออกอีกทิศทางหนึ่ง แสงสว่างหลายสายพุ่งออกมาจากด้านใน
ผู้มาก็พุ่งไปทางจักรพรรดิศานติกับไป๋เทา
พอเห็นพลังศรัทแสงวิเศษที่เรืองรองบนร่างของพวกเขา ก็ทราบว่าเป็นคนจากโถงเซียนเช่นกัน
ทั้งหมดสามคน หนึ่งกษัตริย์สามจักรพรรดิ
ถ้าหากว่าพวกเขาเข้าร่วมสนามรบ จักรพรรดิศานติกับไป๋เทาจะมีปัญหาทันที อย่าว่าแต่ป้องกัน จะหนีจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้หรือไม่ยังน่าสงสัย
กระนั้นในขณะเดียวกัน พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็มาถึงแล้วเช่นกัน เข้าร่วมการต่อสู้ก่อนก้าวหนึ่ง
พอมาถึงใกล้ๆ อีกฝ่ายจึงพบพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
จักรพรรดิศานติกับไป๋เทาต่างยินดีออกนอกหน้า ระบายลมหายใจออกยาวๆ
ใบหน้าของคนจากโถงเซียนต่างเปลี่ยนแปลง
“จริงด้วย ก่อนหน้านี้ฟังพวกทวนพระอังคารเล่าว่า พวกท่านส่งคนมาทางด้านนี้ คิดตามหาโอกาสชำระล้างผู้สืบทอดสำนักเต๋าของพวกเรา เพื่อไปชดเชยจำนวนคนที่เสียไปของพวกท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก
บนเมฆม่วง ใต้ฉัตรที่อยู่ตรงข้ามมีเสียงที่ทั้งเคร่งขรึมและยิ่งใหญ่ดังมา “ปีศาจร้ายเส้นทางนอกรีต จงออกจากเส้นทางหลงผิด สวามิภักดิ์กับโถงเซียนเส้นทางหลักของพวกเราโดยเร็ว นี่เป็นโชคชะตาของพวกเจ้า!”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มสง่างาม
เยี่ยนตี๋และนักพรตอวิ๋นเจิ้งต่างบาดเจ็บ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ต้องการให้พวกเขาลงมือ จึงรับหน้าที่แทนทั้งหมด
เขาไม่สนใจคำกล่าวของอีกฝ่าย สืบเท้าออกก้าวหนึ่ง บรรลุถึงเบื้องหน้าในพริบตา จากนั้นก็ยื่นฝ่ามือออกไป ฉีกเมฆม่วงนั้นออก!
ใบหน้าเรืองแสงสีแดงบนฉัตรพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ บุรุษหนุ่มสนใจยังไม่สนใจ ฝ่ามือยื่นออกไปด้านหน้าต่อ หยิบใส่อย่างแยบยล ฉัตรก็ตกมาอยู่ในมือของเขา
จากนั้นก็ยื่นฝ่ามืออกไปอีกครั้ง เหมือนกับเมฆวิบัติกดต่ำ ปกคลุมฟ้าและดวงตะวัน
กษัตริย์โถงเซียนผู้นั้นคิดหลบหลีก แต่ขณะนี้ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับครอบท้องฟ้า ยามที่กางห้านิ้วก็กำจักรวาลทั้งหมดไว้ด้านใน
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหลบอย่างไร เคลื่อนที่อย่างไรก็เหมือนกับอยู่ที่เดิม หนีจากห้านิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
มิติเวลาถูกผนึกไว้โดยสมบูรณ์ รอฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอกดลงอย่างแช่มช้า ก็จับกษัตริย์โถงเซียนผู้นั้นไว้ในมือ
“อ้าว ยังเป็นเผ่าปีศาจอีก” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว เขาออกแรงบีบ คนที่ถูกกำไว้ในมือพลันส่งเสียงโหยหวน จากนั้นคืนร่างเดิม ถึงกับเป็นมังกรดำตัวหนึ่ง
“มารร้ายเส้นทางนอกรีตอย่าได้ทำตัวโอหัง พวกเราโถงเซียนมีจ้าวสวรรค์สองคน จะลงมาปราบเจ้าเอง!” จักรพรรดิโถงเซียนที่สืบทอดวิชาเขาสู่ซานผู้นั้นส่งเสียงตวาดขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็หันไปมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง
ในห้วงสมองของผู้ใช้กระบี่แห่งเขาสู่ซานผู้นี้เกิดเสียงวิ้งๆ จิตใจเกิดคลื่นซัดโหม เขาพลันยืนนิ่งกับที่ ไม่เคลื่อนไหว ราวกับรูปสลักไม้ พร้อมกันนั้นปราณไร้รูปร่างหลายสายถ่ายทะลักออกมาจากร่างของเขาไม่หยุดยั้งเหมือนกับหมอกควัน
ไป๋เทาที่กำลังต่อสู้กับเขายังแตกตื่น
ครั้นไป๋เทาออกกระบี่ เดิมทีคำนวณการเคลื่อนไหวและการตอบโต้ของอีกฝ่ายจึงเผื่อพลังไว้ ใช้ทั้งสมองและความอาจหาญสู้กับอีกฝ่าย
สุดท้ายอีกฝ่ายพลันหยุดนิ่งกับที่ การโจมตีของไป๋เทาเกือบพลาดเป้า แต่สุดท้ายเขาที่แตกฉานในวิชากระบี่ เก็บปล่อยได้ตามใจนึก พลันชักกระบี่เปิดกำเนิดในมือกลับมา
ตอนนี้ในสายตาของไป๋เทา คู่ต่อสู้ที่ฝึกวิชากระบี่เหมือนกันผู้นี้ เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงในชั่วขณะที่รางเลือน
เหมือนกับกระบี่เซียนซึ่งที่แล้วมาเปล่งประกายเย็นเยียบ เผยความคมกล้าออกมาทั้งหมด กำลังผุพังลงในพริบตาโดยไร้เค้าลางแม้แต่น้อย!
ความคมหายไป ประกายกระบี่จับฝุ่น สนิมขึ้นเกรอะกรัง เปราะบางเหลือแสน
อย่าว่าแต่กระบี่หยกเบิกนภาของเขาไป๋เทา ต่อให้คนธรรมดาออกแรงก็สามารถหักกระบี่ขึ้นสนิมตรงหน้าได้
แต่พริบตาก่อนหน้า นั่นยังเป็นกระบี่เซียนที่ฟันทำลายประตูเซียน ดุดันไม่ธรรมดาเล่มหนึ่งอยู่เลย
ไป๋เทามองเหตุการณ์นี้ ในใจเต็มไปด้วยรสชาติต่างๆ นาๆ ถึงจะดูเหมือนไร้เค้าลาง ไร้สาเหตุ แต่เขาย่อมทราบว่า ทั้งหมดนี้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอกระทำขึ้น
สบายๆ เช่นนี้ ผ่อนคลายเช่นนี้
คิดถึงการพบหน้ากันครั้งแรกในตอนที่เขากว่างเฉิงเปิดกสำนักบนทะเลหวงเจียในเขตตะวันอาคเนย์ที่โลกซ้อนโลก ไป๋เทารู้สึกจิตใจเลอะเลือนวูบหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนั้นแม้จะไม่ธรรมดา ปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าตกตะลึง แต่ยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนหนึ่ง
‘ตอนนี้เพิ่งผ่านไปกี่ปีเอง?’ ไป๋เทาลอบถอนใจ ‘ยังไม่ถึงสามสิบปีกระมัง’
เวลาที่เขาไป๋เทาเลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข เกรงว่าจะมากกว่าอายุของเยี่ยนจ้าวเกอมากแล้ว
ตอนนี้เขายังคงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนจ้าวเกอกลับฝ่าภัยพิบัจิสัจพิศวง สำเร็จระดับเซียนลี้ลับเหมือนกับเยว่เจิ้นเป่ยอาจารย์ของเขาแล้ว