ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1548 เกิดนภาค้นหา
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ โถงเซียนกับแดนสุขาวดี และแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจทำศึกใหญ่มาถึงวันนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอต้องการจะเห็น
แต่ว่าเป็นอย่างที่ไป๋เทาพูดก่อนหน้า ไฟสงครามของอีกฝ่ายจะมอดดับลงตอนไหน วันนี้ยากคิดถึง
“จัดการเรื่องของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจเบาๆ พูดกับเฉาเจี๋ย “ทำผู้อาวุโสเสียเวลามามากแล้ว รู้สึกไม่ดีจริงๆ วันนี้เดิมทีควรเป็นวันที่สหายร่วมเส้นทางทุกคนแสดงความยินดีกับผู้อาวุโส”
เฉาเจี๋ยส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
ถึงแม้เขาจะกล่าวเช่นนี้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอยังจบการสนทนา พวกเฉาเจี๋ยลุกขึ้นเดินไปด้านนอก พบกับแขกคนอื่นๆ
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่ปรากฏตัวแล้ว มอบเวทีให้แก่เฉาเจี๋ย
เกาเสวี่ยพอผ่อนฝีเท้าลง คุยกับเยี่ยนจ้าวเกอ “ก่อนหน้านี้หลายวันบิดากับมารดาต่างออกฌานแล้ว ถ้าหากว่าการเซ่นกระบี่มีผลลัพธ์ ก็พร้อมออกเดินทางทุกเวลา”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า จากนั้นถาม “ศิษย์น้องอวี่สถานการณ์เป็นอย่างไรแล้ว? หลายวันมานี้ข้ามิอาจไปมรกตท่องฟ้า”
“ยังไม่ฟื้น” เกาเสวี่ยพอถอนใจ “อาการบาดเจ็บในตอนนั้นหนักหนาเกินไป คัมภีร์โกลาหลสูญมีความร้ายกาจด้านการสังหารจริงๆ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ของเย่เอ๋อร์กลับให้ผลตรงกันข้าม ไม่ส่งผลดีต่อการฟื้นฟู”
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง เข้าใจเหตุผลในนี้เช่นกัน
แต่สถานการณ์ยากลำบากขนาดไหน ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่าตอนอิ๋งอวี่เจินในตอนนั้นแล้ว
หลังจากปลอบเกาเสวี่ยพอ เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดนิ่ง ใช้สายตาส่งพวกเขาไป จากนั้นทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ หลับตาทำสมาธิ
พร้อมกับที่เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา ห้องสงบใจที่เดิมทีสว่างไสวตอนนี้พลันเปลี่ยนเป็นมืดมัวขมุกขมัว มิติเวลาพร่าเลือน ราวกับความโกลาหลแถบหนึ่ง
ในภาพอันเลอะเลือนนี้ หลังเยี่ยนจ้าวเกอหลับตาสักพัก ก็ลืมตาขึ้น
พร้อมกับที่เขาลืมตา ในห้องมิได้สว่าง เพียงแต่เหมือนกับแสงมัวๆ จุดหนึ่งสว่างขึ้น
ประกายแสงนี้เหมือนกับไฟเทียนในราตรี ดูเหมือนอ่อนแรงสุดขีด ส่ายวูบไปมา เหมือนกับพร้อมจะดับได้ตลอดเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอดวงตาล้ำลึก เนิ่นนานให้หลังก็เลิกคิ้วขึ้น ‘…อยู่ๆ มาตามหา กลับไม่มีของมีค่าอันใด จำเป็นต้องใช้เบาะแสเป็นตัวนำ’
คัมภีร์เกิดนภา อันดับแรกในสามคัมภีร์ก่อนกำเนิดแห่งคัมภีร์นภาแรกเริ่ม หลายปีมานี้เยี่ยนจ้าวเกอได้เริ่มฝึกฝนแล้ว
คัมภีร์นภาเก้าม้วนที่เหลือล้วนรวบรวมครบ ทำให้คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตของเยี่ยนจ้าวเกอมีความรุดหน้ามากมาย
สำหรับคัมภีร์เกิดนภา ยิ่งศึกษาจิตที่อยู่ด้านในมากเท่าไหร่ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ว่า บนศีรษะคล้ายมีเพดานที่ไร้รูปร่างเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ มากเท่านั้น
ระดับการฝึกปรือยิ่งสูง ประสิทธิผลของคัมภีร์เกิดนภายิ่งแข็งแกร่ง แต่ว่าคำภีร์เกิดนภามิได้ครอบจักรวาล ยิ่งระดับของฝึกปรือสูงส่งเท่าไร่ ความรู้สึกด้านนี้ก็ยิ่งชัดเจนเท่านั้น
ไม่อย่างนั้นอวิ๋นจงจื่อที่อยู่ในระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลก็ไม่ถึงกับตกตาย
ระดับของผู้ฝึกฝนยิ่งสูง การมองดูตัวตนที่ต่ำกว่าตัวเองก็ยิ่งมายิ่งชัดเจน เหมือนกับไม่มีความลับอยู่อีก อดีตล้วนอยู่ใต้ดวงตา ถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ในอนาคตจะซับซ้อน แต่ก็ค่อนข้างแจ่มชัด
เพียงแต่สำหรับคนระดับสูงแล้ว วัตถุที่มีคุณค่าย่อมน้อยลงด้วย
อย่างเช่นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอสนใจในตอนนี้คือตัวตนอย่างกระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับกระบี่สังหารเซียน ทว่าคิดหาพวกมัน ย่อมลำบากสุดขีดอย่างมิต้องสงสัย
คัมภีร์เกิดนภาใช้ร่องรอยที่ไม่ว่ามีความเกี่ยวข้องน้อยขนาดไหน ตามหาร่องรอยเบาะแส ขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกสิ่งไร้ทางซ่อน
ตัวตนอย่างสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับลบร่องรอยที่ตัวเองทิ้งไว้กลางมิติเวลาในระดับสูง
‘หากไม่ใช้คัมภีร์เกิดนภาเป็นรากฐานของตัวเอง ประสิทธิภาพยังด้อยกว่าไม่น้อย’ เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา นวดขมับของตัวเองเบาๆ
ความมืดในห้องสงบใจค่อยๆ ถดถอยไป ภาพและการจัดเรียงทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม
กาลเวลาเลื่อนไหลไปอย่างเงียบๆ เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ หลับตาทำสมาธิ รู้สึกได้ว่าความอึกทึกภายนอกค่อยๆ จางลง
ครู่ต่อมา พวกเฉาเจี๋ยก็กลับเข้าห้องสงบใจ
ไป๋เทากับหลิวเจิงกู่จากไปก่อน ต่างกลับแคว้นประจิมและแคว้นบูรพา ต่อจากนั้นสักพัก คนอื่นๆ ก็ร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ กลับเทือกเขากว่างเฉิงดินแดนศูนย์กลางแห่งฟ้าเหนือฟ้า
หลังจากพิธีจบลง ภายใต้การนำทางของเฉาเจี๋ย เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งหน้าไปยังซากที่บำเพ็ญของเทวกษัตริย์ประพฤติเต๋าซึ่งบูรพาจารย์ของเขาโถงทองได้ย้ายกลับมา
ซากโบราณสถานเชื่อมต่อกับตัวเขาโถงทองแล้ว เป็นมุมหนึ่งของนิวาสสถาน ดูเหมือนไม่มีจุดพิเศษใดๆ
แต่ว่าในสองตาของเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งประกายสีเขียวมรกตอย่างลางเรือน
ในห้วงสมองของเขาปรากฏภาพที่แตกต่างไปจากโลกความจริงตรงหน้า
ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกระโดดออกจากกระแสกาลเวลา ย้อนทวนขึ้นไปด้านบน
ภาพหลายภาพที่เป็นประกายระยิบระยับตรงหน้าไหลผ่านอย่างรวดเร็ว วินาทีนี้เวลาเหมือนกับไหลทวน พาเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงตอนมหาภัยพิบัติ
ขณะที่ทิวทัศน์เปลี่ยนแปลง ที่ปรากฎขึ้นกลางคลองจักษุของเยี่ยนจ้าวเกอคือเขาทิพย์อันงดงามบริเวณหนึ่ง
‘ถ้ำหยกแห่งเขาโถงทอง…’ เยี่ยนจ้าวเกอกระจ่างแจ้ง ทราบว่าที่นี่เป็นก่อนที่นิวาสสถานที่บำเพ็ญของเทวกษัติรย์ประพฤติเต๋าจะถูกทำลาย
แต่ว่าไม่ทันไร มหาภัยพิบัติที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอจดจำได้ไม่ลืมก็มาถึง
ภาพที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับมุมมองตอนอยู่ในหอเก็บหนังสือวังเทพ
ท้องฟ้าที่แตกร้าวออกเหมือนกับเครื่องกระเบื้อง ราวกับเปลี่ยนเป็นฟ้าดินแห่งเถ้าธุลี
ลมเมฆกระเพื่อม ดูหมือนไม่คาวเลือด แต่ว่าสิ่งมีชีวิตนับพันนับหมื่นต่างเสื่อมโทรมลงพร้อมกัน
เหมือนมีแสงหลายสายกะพริบกะพริบในมิติเวลา ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอมองไม่เห็น
ไม่เพียงเท่านี้ ในแสงสวางเหล่านั้นเหมือนยังมีสายตาไม่ต่ำกว่าหนึ่งสายมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ มองดูเขาที่อยู่ด้านนอก ย้อนเวลากลับมา
‘มหาชาล...’ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ประหลาดใจ และไม่ฝืน ละสายตากลับมา เพียงมองดูการเปลี่ยนแปลงของถ้ำหยกแห่งเขาโถงทองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
มองไม่เห็นรายละเอียดอย่างเป็นรูปธรรม มองไม่เห็นภาพการต่อสู้ มองไม่เห็นว่าผู้ทำลายเป็นใคร มองไม่เห็นเทวกษัตริย์ประพฤติเต๋า และมองไม่เห็นกระบี่ลวงเซียน
แต่ว่าดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งมีชื่อเสียงมาหมื่นปี หนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้ยังงดงามตระการตา วินาทีต่อมากลายเป็นซากปรักหักพัง
ภายใต้มหากัลป์ที่ส่งผลต่อฟ้าดิน ทำลายล้างโลกทุกใบ แม้แต่ซากปรักหักก็ค่อยๆ พังทลาย แหลกสลายเป็นส่วนๆ
แสงสว่างที่หยั่งไม่ถึงเหล่านั้นหายไปแล้ว ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอเหลือเพียงความว่างเปล่าผืนหนึ่ง
ภาพที่เหมือนกับการทำลายล้างยืดเหยียดออกไปไกล
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจอีก แต่เพ่งความสนใจไปที่ซากปรักหักพังซึ่งแหลกสลายนั้น
ชิ้นส่วนมากมายแยกกันลอยไปยังที่ไกล เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตนเหมือนกับอยู่รวมกับชิ้นส่วนหนึ่งในนี้ เคลื่อนตัวออกไปไกลพร้อมเศษซากปรักหักพัก
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย จับจ้องมองดูเศษซากมากมายด้านใน จนกระทั่งประกายแสงตรงหน้าตัวเองส่ายวูบวาบ เหมือนกับจมลงไปในกระแสเวลาใหม่
สติกลับมา เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา จากนั้นลืมตาขึ้น แสงสีเขียวมรกตในม่านตาหายไป
“เป็นอย่างไร?” เฉาเจี๋ยเห็นดังนั้นก็ถามขึ้นทันที
“มองไม่เห็นเทวกษัตริย์ประพฤติเต๋ากับกระบี่สังหารเซียน แต่ว่า…” เยี่ยนจ้าวเกอเว้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “บูรพาจารย์ประพฤติเต๋าเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเสียชีวิตลงเพราะมหาภัยพิบัติเหมือนกับบรมครูอวี้ติ่ง”
“ได้ผลลัพธ์มาบ้าง ไม่อาจนำทางพวกเราไปตามหากระบี่สังหารเซียน แต่ถ้าหากหาสถานที่เจอ บางทีอาจมีมรดกของบูรพาจารย์ประพฤติเต๋าช่วยพวกเราเซ่นกระบี่ดำเนินวิชาลับ อาศัยกระบี่ลวงเซียนและผนึกเซียนมาตามหากระบี่สังหารเซียนได้”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “ลองดูก่อนว่าจะหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนเจอหรือไม่ ถ้าหากมีเบาะแส ค่อยไปตามหามรดกของเทวกษัตริย์ประพฤติเต๋า”