ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1554 กว่างเฉิงอยู่ที่ใด?
พวกเยี่ยนจ้าวเกอออกจากจักรวาลฟ้าฟื้น ขณะสัมผัสได้ได้ว่าปราการที่ไร้รูปร่างหากมีสสารในจักรวาลฟ้าฟื้นอยู่ห่างไปด้านหลัง ก็เข้าไปในมิติไร้สิ้นสุดไร้เขตแดน มุ่งหน้าไปยังที่ไกล
ระหว่างทาง เฟิงอวิ๋นเซิงพูดขึ้น “ข้าจะไปตามหาเบาะแสที่เหลืออยู่หลังจากถ้ำหยกบนเขาโถงทองของบูรพาจารย์เทวกษัตริย์ประพฤติเต๋ากระจัดกระจาย ภายหลังจะไปรวมตัวกับพวกเท่าน”
“ระวังตัวด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า เอ่ยเสียงเบา
เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้ม ร่างค่อยๆ เลือนไปในความมืด ก่อนจะหายไป
เกาชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ความรู้สึกนี้…เหมือนกับบรรลุขอบเขตห้าปราณมุ่งสู่กำเนิด ใช้สองบุปผาบนกระหม่อมในพริบตา ไม่มีปัญหาหรือ?”
“ผู้อาวุโสเกาวางใจ ไม่มีปัญหาแน่” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “นี่เป็นการตัดสินใจหลังจากอวิ๋นเซิงพิจารณาดีแล้ว ไม่ส่งผลต่อจิตใจ เพียงแต่ว่า…ต้องปรับเส้นทางวรยุทธ์เล็กน้อย”
คิ้วของเกาชิงเสวียนค่อยๆ คลายออก “ถ้าเป็นคนอื่นๆ ทำคงมีอันตราย นางกลับไม่เป็นไร ขอแค่ตัวเองพิจารณาอย่างดีแล้วก็พอ”
จิตวรยุทธ์กับเส้นทางของคนคนหนึ่งมักจะยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลง
นี่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนวรยุทธ์บางอย่าง แต่ว่าวรยุทธ์ที่คล้ายกัน คนแต่ละคนเมื่อมาฝึกฝน มักมีผลลัพธ์แตกต่างกัน
ต้องการสิ่งใหม่และการเปลี่ยนแปลงมิใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแต่การปรับเปลี่ยนสายให้หย่อนกว่าเดิม มักมีอันตรายและไร้ประโยชน์ หรือมีผลร้ายมากกว่าผลดี
แต่เฟิงอวิ๋นเซิงมีความได้เปรียบมากมายในด้านนี้
เป็นเพราะว่าประสบการณ์พิเศษ หากนางดูดซับและเปลี่ยนแปลงจิตวรยุทธ์ของเจี่ยนซุนหวาราชันพระราหู ไม่ได้ยากเย็น และมิได้ส่งผลต่อการฝึกฝนหุบเหวโกลาหลสูญของนาง
จิตวรยุทธ์ของเจี่ยนซุ่นหวา กับหุบเหวโกลาหลสูญมิได้ขัดแย้งกัน ถึงขั้นสอดประสานกัน
ถ้าไม่อย่างนั้นครั้งกระโน้นเจี่ยนซุ่นหวาไม่ถึงกับวางแผนสะท้านฟ้าเช่นนั้น
เพียงแต่ตอนนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงมิได้พัฒนาไปทางด้านนั้น
มิใช่กริ่งเกรงเพทภัยที่เจี่ยนซุนหวาอาจทิ้งไว้ในตอนแรก ผ่านไปหลายปีแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงมีความมั่นใจต่อตัวเองถึงขีดสุด
ท่วงทำนองที่แล้วมาของตัวนางไม่สอดคล้องกับเจี่ยนซุ่นหวา
แต่ว่าหลายสิบปีมานี้ เฟิงอวิ๋นเซิงฟื้นฟูพลัง เข้าฌานอย่างต่อเนื่อง จิตวรยุทธ์ของตัวเองลอกคราบและพัฒนาขึ้นอีกรอบ
จะเกิดผลระดับเพิ่มบุปผาได้หรือไม่ ยังต้องรอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
นึกถึงสีหน้าตอนที่เฟิงอวิ๋นเซิงตัดสินใจเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจออกยาวๆ
สวีเฟยตบไหล่ของเขา
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ทุกคนไม่หยุดนิ่ง ไปยังส่วนลึกของความว่างเปล่าต่อ
เป็นระยะทางอันแสนยาวไกลเหมือนตอนตามหากระบี่ลวงเซียนเมื่อครั้งล่าสุด
แต่ว่าขณะที่เดินทาง สีหน้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ด้วยพลังฝึกปรือในตอนนี้ของพวกเขา สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของมิติได้ปราดเปรียวสุดขีด สามารถสัมผัสได้คร่าวๆ ว่า ตอนที่มุ่งหน้าตามการนำทางของกระบี่ลวงเซียนและยันต์อาคม พวกเขาถึงกับเหมือนเข้าใกล้ชายแดนแห่งหนึ่งใกล้ๆ นพยมโลก
“ถึงแม้ว่าในความว่าเปล่าไม่มีทิศทางให้พูดถึง แต่นพยมโลกสมควรไม่รุกรานมาถึงจักรวาลบริเวณนี้กระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างไม่แน่ใจอยู่บ้าง “ชายฝั่งยมโลกที่ตอนนี้รู้จักล้วนอยู่ห่างจากที่นี่มาก”
เกาชิงเสวียนใคร่ครวญสักครู่ค่อยตอบว่า “ถ้าหากว่ามีเทพมารระดับมหาชาลลงมือ สามารถกัดกินความว่างเปล่าบริเวณหนึ่งให้กลายเป็นเขตมารได้ แต่ว่าหลังจบเรื่องถ้าไม่มีวิธีเชื่อมไปยังนพยมโลก เขตมารอาจจะค่อยๆ สลายไป ถดถอยกลายเป็นชายฝั่งยมโลก ภายหลังถึงขั้นกลับเป็นความว่างเปล่าในจักรวาล เพียงแต่จะเปลี่ยวร้างยิ่ง”
เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา “แต่ถ้าหากมีจอมมารตายลง ก็อาจจะคงอยู่นาน”
“ถ้าหากกลายเป็นเขตมาร ต่อให้อยู่ห่างมาก ก็ต้องถูกคนระดับมหาชาลกับสุญญตาพบถึงจะถูก” สวีเฟยขมวดคิ้ว
“สมมติว่าเป็นจอมมารที่ถนัดการซ่อนเร้น แม้ว่าจะตายไปความพิสดารก็ไม่หายไป นี่ยากจะหาเจอแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ยอดฝีมือระดับมหาชาลผ่านทาง ยากจะสัมผัส จะต้องเข้าใจถึงจะค้นพบเลศนัย”
ตอนนี้ที่พวกเขาเห็นถึงปัญหาโดยที่อยู่ห่างออกมา เป็นเพราะวิชาลับที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ผ่านกระบี่ลวงเซียน
พูดอีกอย่างก็คือ ในเขตมารแห่งนั้นอาจจะมีร่องรอยของกระบี่ลงทัณฑ์เซียนหรือเทวกษัตริย์กว่างเฉิงอยู่ ดังนั้นจึงสัมผัสได้ทั้งๆ ที่อยู่ห่าง
“มหาภัยพิบัติตอนนั้น บูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิงอยู่แถวๆ นี้ สู้กับจอมมารแห่งนพยมโลก...” สวีเฟยกล่าวอย่างแช่มช้า
ทุกคนมองหน้ากัน ล้วนขมวดคิ้ว
ตอนนี้พวกเขามีความรู้สึกอ่อนไหวต่อนพยมโลกมากจริงๆ
“ตราพลิกฟ้าแหลกสลาย บูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิงไม่ปรากฏตัวมานานหลายปี สภาพการณ์เกรงว่าจะไม่น่าดูชมนัก” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “แต่ว่าถ้าหากบูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิงหนีรอด แล้วตอนนี้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนเล่มนั้นอยู่ที่ใด?”
“จำเป็นต้องระวังตัว แต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ก็ต้องไปสืบค้นสักเที่ยวก่อน” เกาชิงเสวียนมองกระบี่ลวงเซียนในมือ
เยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยล้วนพยักหน้าเห็นด้วย ทุกคนมุ่งหน้าต่อ
หลังจากเดินทางอีกสักระยะ ทุกคนจิตใจสั่นไหว หยุดฝีเท้า พิจารณารอบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้เกาชิงเสวียน เกาชิงเสวียนมือถือกระบี่ลวงเซียน ฟันไปด้านหน้า
ประกายกระบี่สีแดงก่ำพลันสาดขึ้นจากทั่วทุกทิศ
ทันใดนั้น ความว่างเปล่าเหมือนกับถูกประกายกระบี่ลวงเซียนสีแดงก่ำวาดเป็นปากแผลสายหนึ่ง
แต่ว่าจากปากแผลนี้กลับเป็นกระแสหมอกสีดำหลายกลุ่มลอยออกมา
หมอกดำมอบความรู้สึกเหนียวเหนอะให้แก่ผู้คน กลับเหมือนล่องลอย ไม่มีน้ำหนักให้พูดถึง
ร่องแยกมิติช่องว่างสายแล้วสายเล่าถูกประกายกระบี่สีแดงก่ำวาดออก จากนั้นก็มีหมอกสีดำหลายชั้น แยกกันปรากฏจากด้านใน เหมือนกับน้ำจากทำนบแตก ขยายไปรอบๆ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น สีหน้าไม่เปลี่ยนสี พากันไปด้านหน้า
“วิธีเดิม ข้าเฝ้าอยู่ด้านอก พวกเจ้าเข้าไปสืบเรื่องราวด้านใน” เกาชิงเสวียนเอ่ย เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “รบกวนผู้อาวุโสเกาด้วย”
พอเข้าไปด้านใน เยี่ยนจ้าวเกอก็มีความรู้สึกเข้าสู่นพยมโลกอีกครั้ง
แว่วเสียงโหยหวนอันดุร้ายที่สั่นสะท้านจิตวิญญาณของผู้คน สายฟ้าสีแดงเลือดหลายสายวาดผ่านตรงหน้าไม่หยุด รอบๆ ล้วนเป็นหมอกสีดำแผ่พุ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก พ่านพ่าน เคลื่อนไหวด้านในด้วยกัน
ที่นี่เหมือนกับโลกที่เป็นเอกเทศใบหนึ่ง ยิ่งใหญ่สุดขีด
ครู่ต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย ข้ามผ่านหมอกสีดำหลายชั้น สายตาอยู่บนพื้นเบื้องล่าง
ณ ที่แห่งนั้น บนพื้นดินราบเรียบซึ่งกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เหมือนกับมีเทือกเขาสูงต่ำทอดตัวไปหมื่นลี้
แต่ว่าขุนเขาที่ทอดต่อกันนั้น มิได้เป็นก้อนหินดินทราย หากเป็นกระดูกขาว!
ตั้งอยู่บนพื้นเหมือนกับภูเขาที่เชื่อมต่อกันสูงต่ำ มองไม่เห็นปลายทาง
กระดูกที่ใหญ่จนมิอาจกะประมาณ ล้มคว่ำบนพื้น ตรงใจกลางปรากฏสภาพแตกหัก
เหมือนกับเทือกเขายิ่งใหญ่ที่ทอดบนพื้นดินจากเหนือถึงใต้ ถูกคนฟันขาดจากตรงกลาง
“เหมือนเป็นชนิดงูหนอน” สวียเฟยมองภาพนี้ กล่าวพลางใคร่ครวญ “เผ่าปีศาจร่วงหล่นเป็นมาร เข้าสู่วิถีมารหรือ? เพียงแต่ว่ามารร้ายเมื่อตายลง ตามเหตุผลไม่น่าทิ้งซากไว้ถึงจะถูก ภาพตรงหน้าหรือเป็นเพราะคนที่ฆ่ามันคือ…”
เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจชั่วครู่ กล่าวสืบต่อ “มิผิด นี่เป็นผลลัพธ์จากการที่ถูกกระบี่ลงทัณฑ์เซียนสังหาร ทำลายผลของวิถีมาร ทำให้ตัวตนอย่างมารงูตนนี้ทิ้งซากเอาไว้หลังตากตาย หนำซ้ำยากจะได้รับการคืนชีพในนพยมโลกด้วย”
เขามองรอบๆ “แต่ว่าเทวกษัตริย์กว่างเฉิงอยู่ที่ไหน ในเมื่อเบาะแสนำพวกเรามาที่นี่ ที่นี่สมควรไม่น่าจะเหลือแค่ซากของมารงูไว้ถึงจะถูก”