ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1567 เจ้าแม่โฮ่วถู่
ผิวกระบี่ที่เปล่งแสงสีเขียวค่อยๆ เต็มไปด้วยอักขระยันต์
จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ลงอาคม อักขระยันต์บนผิวกระบี่ลงทัณฑ์เซียนเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมา ไหลไปที่ปลายกระบี่
ประกายกระบี่สีเขียวตรงปลายกระบี่ค่อยๆ เปลี่ยนจากลวงเป็นจริง ผนึกเป็นกระบี่สั้นหยกสีเขียวเล่มหนึ่ง
บนกระบี่สั้นหยกเขียวมีอักขระสีเหลืองดำลอยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอกำกระบี่สั้นหยกเขียว หลังจากสัมผัสจิตแห่งหลักการด้านในอย่างละเอียด ก็พยักหน้าให้คนอื่นๆ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่านแยกกันเก็บความสามารถ ดวงแสงกลางอากาศหายไป เนื้อหาลายมือแห่งแผ่นดินไม่ปรากฏขึ้นอีก
“ทุกคนนำกระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับจักรวาลฟ้าฟื้นก่อน วัตถุเช่นนี้พวกเราต้องเก็บไว้ให้ดี” เยี่ยนจ้าวเกอจับกระบี่สั้นที่เปล่งแสงสีเหลืองและเขียวสองสี กล่าวว่า “ข้ากับอวิ๋นเซิงจะลองไปตรวจสอบดูว่าค้นพบอะไรหรือไม่”
พวกสวีเฟยสูญเสียพลังการต่อสู้ไปชั่วคราวย่อมไม่ต้องพูดถึง เฟิงอวิ๋นเซิงขึ้นสู่มหาชาล แฝงความน่าอัศจรรย์ ซ่อนอยู่ในตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อร่วมทาง เหมาะสมพอดี
“ระวังตัวเป็นหลัก” เกาชิงเสวียนวางใจในตัวเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมาก เพียงกล่าวอย่างง่ายๆ “การดำรงอยู่อย่างวังหยก คนที่ให้ความสำคัญต้องมีไม่น้อยแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ขอให้ผู้อาวุโสเกาวางใจ”
พ่านพ่านที่อยู่ด้านข้างถือแท่งแท่งหนึ่งอย่างเบิกบาน กะพริบตามองเฟิงอวิ๋นเซิง “รีบกลับมานะ…”
วัตถุรูปร่างเรียวยาวนั้นย่อมเป็นงวงที่บิดงอท่อนหนึ่ง
มันจดจำคำกล่าวที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดก่อนหน้านี้ไว้ในใจ ไม่ลืมนำงวงของเซียนงาวิญญาณที่ถูกกระบองสารพัดนึกฟาดขาดไปด้วย
ตอนนี้พ่านพ่านคิดถึงว่าจะรอเฟิงอวิ๋นเซิงแสดงฝีมือทำอาหาร ช่วยปรุงรสให้แก่มัน จากนั้นก็มีความสุขกับงวงช้างในตำนาน
“ที่ขอให้พวกเราปลอดภัย ขอให้พวกเรากลับมาเร็วๆ คงเป็นเพราะจะได้กลับมาทำอาหารให้เจ้ากระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอมองพ่านพ่านอย่างขบขันและโมโห
เฟิงอวิ๋นเซิงอดยิ้มพลางส่ายหน้าไม่ได้
พ่านพ่นกะพริบตา กล่าวอย่างเซื่องซึม “กินด้วยกัน…”
ทุกคนพอฟังล้วนยิ้มขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอลูบหัวมัน จากนั้นโบกมือบอกลาสวีเฟยกับเกาชิงเสวียน ร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงหายไป เงาแสงกลับไปอยู่ในม่านตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอซ่อนร่องรอยอย่างระมัดระวัง เคลื่อนไหวอยู่ในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
“จ้าวเกอ ท่านคิดจะทำอย่างไร” เฟิงอวิ๋นเซิงส่งเสียงถาม
“ก่อนหน้านี้มีเพียงลายมือแห่งแผ่นดิน เบาะแสน้อยเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าแม่โฮ่วถู่เคยสัมผัสกับกระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาก่อน ทั้งยังอาจเจอวังหยก เบาะแสมีมากขึ้นส่วนหนึ่ง บางทีพวกเราสามารถทดลองหาดูได้”
ขณะที่พูด ในม่านตาข้างซ้ายของเยี่ยนจ้าวเกอก็ส่องแสงสีเขียวมรกต อักขระยันต์จำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นจากด้านใน
เยี่ยนจ้าวเกอเหยียบย่างความว่างเปล่า มิได้ไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว แต่เดินตามตำแหน่งกลุ่มดาว ใช้วายุเซียนของตัวเองกางลวดลายค่ายกลหลายสาย
สิ่งที่ได้จากการรวมลวดลายค่ายกล คือค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษควบคุมหยินหยาง
กระบี่สั้นหยกเขียวที่ถือในมือถูกเขาโยนเข้าไปด้านใน
ผิวกระบี่กะพริบแสงไม่หยุด อักขระสีเหลืองดำเหล่านั้นไหลเวียนทั่วกระบี่อย่างต่อเนื่อง
วิชาค่ายกลที่ถือกำเนิดจากลายมือแห่งแผ่นดิน ประสานเข้ากับคัมภีร์เกิดนภา เยี่ยนจ้าวเกอใช้สองวิชาพร้อมกัน
วังหยกเก้างาม ห้องกษัตริย์เจ็ดวิเศษ รับบัญชาฟ้า ปกครองหยินควบคุมหยาง ให้ความเคารพแก่มรรคาอันซ่อนแฝงความยิ่งใหญ่ บุญกุศลสั่งสมบังเกิดโชครลาภความบริสุทธิ์ ลอกเลียนราชาสวรรค์ หล่อเลี้ยงความงดงามของแผ่นดิน ทำให้วัตถุกลายเป็นรูปร่าง มีเมตตาให้กำเนิดมรรคามารดร ”
เยี่ยนจ้าวเกอท่องบทสวดของเจ้าแม่โฮ่วถู่ สองมือเปลี่ยนแปลงมุทราไม่หยุด
พร้อมกับที่เวลาผ่านไป กระบี่สั้นหยกเขียวในค่ายกลนั้นพลันสั่นไหวคราวหนึ่ง หักแกร่กออกเป็นสองท่อน
“เอ๋?” เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นกลับมีสีหน้ายินดี
เห็นในค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินหยางมีเมฆดาราเจ็ดกลุ่มลอยขึ้น เสาเก้าต้นจมลงด้านล่าง
ระหว่างแสงสว่างอันขมุกขมัว กระบี่สั้นที่หักออกเป็นสองท่อนเล่มนั้น รวมกับประกายกระบี่สีเหลืองเข้มสายหนึ่ง พุ่งออกนอกค่ายกล ออกห่างไป
เยี่ยนจ้าวเกอตามติดทันที
ไปได้กลางทาง ประกายกระบี่สีเหลืองเข้มพลันหยุดนิ่ง ผิวเกิดอักขระยันต์สีดำ
ประกายกระบี่สั่นสะเทือน แต่ว่ามิได้ไปด้านหน้าต่อ
“เจ้าแม่โฮ่วถู่อยู่ตรงหน้า ผู้เยาว์เยี่ยนจ้าวเกอจากหยกพิสุทธิขอคารวะ” เยี่ยนจ้าวเกอพอกล่าวก็หยุดนิ่งลง ไม่รีบไม่ร้อน
หลังจากถูกอักขระยันต์สีดำครอบคลุม ตอนนี้ในประกายกระบี่สีเหลืองเข้มถึงกับมีเสียงดังมา
นั่นเป็นเสียงที่ลี้ลับยากหยั่งคาด ถึงยากทำความเข้าใจความหมาย แต่น้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่น
เยี่ยนจ้าวเกอฟังดู ถึงแม้ว่าจะเป็นวาจาที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่ว่าในใจกลับเข้าใจความหมายในคำพูด
“การเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ทุกคนล้วนสมควรเจอข้าแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินเสียงที่คุ้นเคยหลายส่วน ความทรงจำเหมือนกลับไปอยู่ในยุคสมัยอันยาวนานก่อนมหาภัยพิบัติ ตอนอยู่บนวังเทพ
เขามีสีหน้าเป็นปรกติ “ผู้เยาว์มาขอบคุณบุญคุณที่เจ้าแม่ประทานกระบี่ หากมีส่วนที่เสียมารยาทเพราะความวู่วาม ขออภัยเจ้าแม่ด้วย”
หลังจากอีกฝั่งเงียบงันชั่วครู่ ก็กล่าวอย่างราบเรียบ “ข้าอยากพบวีรบุรุษแห่งยุคของสำนักเต๋าสายหลักในปัจจุบันมากเช่นกัน”
อักขระยันต์สีดำที่ผูกมัดประกายกระบี่หายไป ประกายกระบี่ได้รับอิสระอีกครั้ง แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไปเก็บประกายกระบี่สีเหลืองเข้มขึ้น
ขณะเดียวกัน ตรงหน้าเขาก็เพิ่มตราอาคมสีเหลืองสลับดำอันหนึ่ง ลอยนิ่งอยู่ในความว่างเปล่ากลางจักรวาล
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บตราอาคม หลังจากที่ทำความเข้าใจเล็กน้อย ก็มีความมั่นใจ ออกเดินทางใหม่
หลังจากระยะทางอันแสนยาวไกล เยี่ยนจ้าวเกอแยกแยะเส้นทาง เคลื่อนไหวไปทั่วทะเลดาว
เขายิ่งมายิ่งใกล้ดาวดวงหนึ่ง เป็นเพลิงอาทิตยือัคคีสวรรค์ดวงดาว เพียงรู้สึกความร้อนคุกคามคน แสงดาวเจิดจ้า คล้ายกับดวงอาทิตย์
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้หยุดลง เดินไปด้านหน้า สุดท้ายพุ่งร่างเข้าไปในดวงดาวดวงนั้น
เยี่ยนจ้าวเกอแหวแสงเจิดจ้าและเพลิงโหมหลายสายออก ตรงน้าพลันปรากฏแสงสีเหลือง เหมือนกับผืนแผ่นดิน
เขาเข้าไปด้านใน รู้สึกเย็นสบาย ขณะเดียวกันก็มิได้หนาวเยือก รออยู่เนิ่นนาน ความร้อนสลายไป เพียงรู้สึกอบอุ่น
เหมือนชีวิตกลับคืนสู่ครรภ์มารดา
ณ ที่แห่งนี้ ถึงแม้ไม่มีเงาร่างของคนอื่นๆ อยู่ แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกออยู่บนโลกซึ่งซ่อนอยู่ในดวงดาว ยังรู้สึกได้ถึงตัวตนที่แข็งแกร่งสุดขีดตัวตนหนึ่ง
มารดาแห่งแผ่นดิน
“ขออภัยเจ้าแม่โฮ่วถู่ เป็นผู้เยาว์เสียมารยาทแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอยืนกับที่อย่างสงบนิ่ง มิได้เคลื่อนไหวต่อ
เสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “สหายน้อยเกรงใจแล้ว”
นางเว้นเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “สำนักเต๋าสายหลักของพวกเราเพิ่มเซียนสวรรค์มหาชาลอีกคน ไม่มีเรื่องใดประเสริฐกว่านี้อีกแล้ว น่าเฉลิมฉลองนัก”
ในเมื่ออยู่ในโลกที่เกิดจากพลังของนาง การดำรงอยู่ของเฟิงอวิ๋นเซิงย่อมปกปิดอีกฝ่ายที่เป็นมหาชาลเหมือนกันไม่ได้ ปรากฏกายขึ้นจากตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้าแม่โฮ่วถู่อยู่ตรงหน้า ผู้เยาว์ขอคารวะแล้ว”
“ทั้งสองไม่ต้องเกรงใจ” เจ้าแม่โฮ่วถู่กล่าว “ได้พบพวกเจ้า ข้ายินดียิ่ง สำนักเต๋าสายหลักของพวกเรายังคงมีอนาคตยาวไกล”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ถามถึงร่อรอยก่อนหน้าของเจ้าแม่โฮ่วถู่ แต่กล่าวอีกครั้งว่า “ขอบคุณเจ้าแม่ที่ประทานกระบี่”
กลับได้ยินเจ้าแม่โฮ่วถู่ว่า “เรื่องนี้ข้าไม่กล้าอ้างความดีความชอบ ถึงจะเคยผ่านมือข้า กระบี่กลับมิใช่ข้าถือไว้แต่แรก...หากมาจากนพยมโลก”