ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1590 ธงเบิกนภา ทำลายโกลาหล
อรหันต์ถุงผ้าปล่อยเกาหานชั่วคราว หันถุงผ้าของตัวเองมาครอบใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงกระบี่ลงทัณฑ์เซียนในมือเยี่ยนจ้าวเกอจะน่าสะพรึง แต่จำเป็นต้องป้องกันพายุของมหาเทวะเก้าเศียร หากประมาทนิดเดียว จุดจบอาจเป็นศีรษะอาจหลุดจากตัว
ดังนั้นอรหันต์ถุงผ้าเลือกเวลาที่แม่นยำ ก้าวเท้าเกิดบัว พลันมาถึงด้านหลังเยี่ยนจ้าวเกอ
หลังปากถุงใบนั้นอ้าออก มิติเวลาด้านในพร่ามัว ทำให้คนยากจะทำความเข้าใจ
ประสิทธิผลของมันเหมือนกับเอกภพในแขนเสื้อ วรยุทธ์เลิศภพจบแดนของอารามอู่จวงในอดีต พลังของอรหันต์ถุงผ้าย่อมเทียบกับเจิ้นหยวนจื่อที่อยู่ในระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลไม่ได้ แต่ว่าในยอดฝีมือระดับสุญญตา ความสามารถนี้ของท่านเรียกได้ว่าสุดยอด
เกิดคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันถูกปากถุงของท่านครอบใส่ ห่อไว้ภายใน จะหลงอยู่ด้านใน ยากจะหลุดออกมา
แต่แสงวิญญาณสีเขียวมรกตกะพริบในดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนกับคาดเดาความเคลื่อนไหวของอรหันต์ถุงผ้าได้แต่แรก
ขณะที่อรหันต์ถุงผ้ามาถึงด้านหลังเขา มือซ้ายที่ว่างอยู่ก็ยกขึ้นแล้ว
รอตอนที่ปากถุงกำลังครอบลงใส่เขา มือซ้ายของเขาก็เสียบเข้าไปในถุงผ้าก่อนก้าวหนึ่ง!
เห็นกระแสปราณหลายสายไหลเวียนบนมือซ้ายของเยี่ยนจ้าวเกอ คล้ายขวานไม่ใช่ขวาน คล้ายธงไม่ใช่ธง
วินาทีต่อมากระแสปราณเหล่านี้พลันพองออกไปรอบๆ โดยมีมือซ้ายของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศูนย์กลาง!
การเปลี่ยนแปลงอีกขั้นของธงเบิกนภา
ทำลายโกลาหล!
จิตพลังแห่งการเปิดผ่าความขมุกขมัว สร้างจุดเริ่มต้น!
โกลาหลถูกเปิด จากไม่มีเป็นมี จักรวาลขยายใหญ่ สรรพวัตถุถือกำเนิด
กระแสปราณอันน่ากลัวพาดขวางพร้อมขยายออก กระแทกทำลายมิติเวลาที่ปั่นป่วนในปากถุงของอรหันต์ถุงผ้า!
ดิน น้ำ ลม ไฟ ไหลทะลักในสภาพปั่นป่วน ระเบิดกลายเป็นแผ่นผืน
ภายใต้กระบวนท่าทำลายโกลาหลของเยี่ยนจ้าวเกอ สภาพปั่นป่วนของดิน น้ำ ลม ไฟมั่นคงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากมั่นคงเป็นปั่นป่วน จากปั่นป่วนเป็นมั่นคง โลกใบใหม่ ระเบียบใหม่ถูกกำหนดขึ้นมาเช่นนี้
ทว่าระเบียบนี้กลับมิได้ขึ้นอยู่กับอรหันต์ถุงผ้าแล้ว
ทำลายสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ ในเมื่อมีโลกใบใหม่ถือกำเนิด ยุคสมัยเริ่มต้นขึ้น สิ่งเก่าๆ ทั้งหลายก็ถูกกลบฝังกำจัดไปด้วย
เสียงแขวกดังขึ้น ถุงของอรหันต์ถุงผ้าถูกพลังของเยี่ยนจ้าวเกอฉีกออก!
อรหันต์ถุงผ้าเปล่งคำสรรเสริญคุณ เก็บถุงผ้าที่ฉีกขาดของตัวเอง รีบร้อนถอยหลัง
ทว่าในเวลาเดียวกัน ด้านหลังของท่านพลันเพิ่มฝ่ามือข้างหนึ่ง
ฝ่ามือเงียบสงัดไร้เสียง เหมือนกับซ่อนอยู่ในความมืดมิด
พริบตาที่มือข้างนี้เข้าใกล้อรหันต์ถุงผ้า กลับเกิดประกายแสงเจิดจ้าแยงตา โชติช่วงยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
พลังอันยิ่งใหญ่กระแทกใส่ร่างของอรหันต์ถุงผ้า พลันกระแทกจนกายทองของท่านแตกร้าว
เป็นเกาหานลงมือ
อรหันต์ถุงผ้าปล่อยเกาหาน หันมาโจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ เท่ากับมอบพื้นที่ให้แก่อีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
สาเหตุที่อรหันต์ถุงผ้ากล้ากระทำเช่นนี้ เป็นเพราะว่ามีพระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์ช่วยต้านเกาหานให้
ไม่จำเป็นต้องสนทนาแลกเปลี่ยน ก็มีความเข้าใจกันและพลังสายตาอย่างนี้
พระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์ไม่อาจปกป้องอรหันต์แคะหู ทว่าไม่มีเวลาสนใจ เห็นการเคลื่อนไหวของอรหันต์ถุงผ้า ก็หันมาขัดขวางเกาหานแทนที่ท่านอย่างรู้กัน
ทว่าเกาหานซึ่งที่แล้วมางำประกายไม่เปิดเผย ชูธงเทวาสว่างไสที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้หยิบออกมาขึ้น ต้านทานจินดามณีบนดอกบัวในมือพระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์
ขณะรับพลังฝ่ามือที่เขาประทับใส่หลังอรหันต์ถุงผ้า หลังจากความมืดกลายเป็นแสงสว่าง ก็กลายเป็นความมืดอีกครั้ง
อรหันต์ถุงผ้าเดิมจะใช้ความอัศจรรย์ของสมุทัย แสดงวรยุทธ์การป้องกันของศาสนาพุทธจำนวนมาก เพื่อซ่อนความทุกข์และความเจ็บปวด แก้ไขการโจมตีนี้ของเกาหาน
แต่ว่าเกาหานเปลี่ยนพระอาทิตย์เป็นพระเกตุกระทันหัน ความสว่างไสวตรงไปตรงมากลายเป็นความมืดมนเร้นลับ พลังอันเย็นยะเยือกชำแรกเข้าไปในกายของอรหันต์พุทธะตามสภาวะการเก็บงำสมุทัยของตัวท่าน เหมือนกับหนอนไชกระดูก ทำให้อรหันต์ถุงผ้ายากจะต้านทาน
ขณะเดียวกัน หลังจากที่จินดามณีในมือถูกธงเทวาสว่างไสวของเกาหานป้องกันไว้ พระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์ก็เปลี่ยนแปลงกระบวนท่าในทันที ปัญญาโพธิสัตว์กลายเป็นเทวราชถลึงตา ใช้มหาอานุภาพเทวราชปราบมารโจมตีใส่เกาหาน
ร่างของเกาหานถูกความมืดไร้สิ้นสุดครอบคลุม
เหตุการณ์นี้ปรากฏในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนกับหยางเซ่อราชันพระเกตุในอดีตโผล่ขึ้นมาใหม่ ทั้งยังบรรลุขอบเขตชั้นสูงสุดของเซียนกำเนิดที่สองบุปผารวมบนกระหม่อม
กระบวนท่าป้องกันของอรหันต์ถุงผ้าถูกเกาหานทำลาย ทั้งยังเกิดพิษร้ายพัวพันร่าง การโจมตีของพระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์กลับถูกเกาหานแก้ไขอย่างแยบยลไปมากกว่าครึ่ง
ถึงแม้ร่างของเขาจะถูกพระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์กระแทกใส่จนสั่นไหว ทว่าไร้อุปสรรคใหญ่
หลังจากโจมตีเล่นงานอรหันต์ถุงผ้า ทำให้ท่านสูญเสียพลังต่อสู้ชั่วคราว พลังและสภาวะของเกาหานก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ประกายแสงเบ่งบานในความว่างเปล่า เขาหมุนตัวกลับ ปะทะฝ่ามือใส่ความสามารถเทวราชของพระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์ ไม่ถูกโจมตีอีก
เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่าทำลายโกลาหลฉีกปากถุงของอรหันต์ถุงผ้า หนอนเก้าเศียรเดือดดาลกว่าเดิม
เขาเกิดสามบุปผาบนกระหม่อม ขณะที่คำราม ก็โยนพลั่วพระธรรมทิ้ง ส่ายร่างเปลี่ยนแปลง!
มหาเทวะเผ่าปีศาจผู้นี้แสดงวิชาเลียนแบบฟ้าดิน รูปร่างเปลี่ยนปลงเป็นนกประหลาดเก้าหัว ร่างกายบดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน ศีรษะทั้งเก้าส่งเสียงร้อง ดึงดูดดวงดาวตกลงด้านล่าง จักรวาลรอบๆ ปรากฏภาพประหลาดของฝนดาวตก
พายุไร้สิ้นสุดม้วนพัด กวาดทั่วความว่างเปล่า
แสงสว่างสีเขียวมรกตกะพริบเลือนรางในสองตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ตวัดเป็นอักขระอาคมที่ยากทำความเข้าใจความหมายหลายสาย
เขาถือกระบี่ลงทัณฑ์เซียน ขณะเปลี่ยนแปลงวิชากระบี่ ก็ผลักดันการควบคุมกระบี่โบราณในตอนนี้ของตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด
ประกายกระบี่สีเขียวเข้มพาดขวางตัดสลับ กลายเป็นค่ายกลกระบี่ค่ายแล้วค่ายเล่า หยุดพายุหลายสายนั้นไว้
กระบวนการสร้างค่ายกลกระบี่แต่ละค่าย และพลังที่ใช้ไป สำหรับเซียนกำเนิดสุญญตาส่วนใหญ่ ล้วนเป็นตัวเลขอันมหาศาล
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอครอบครองวรยุทธ์หลายอย่าง มีการสั่งสมเต็มเปี่ยม ดังนั้นยามเผชิญกับการผลาญพลังที่มหาศาลขนาดนี้ จิตใจยังคงสงบนิ่ง ออกกระบี่ไม่เหลือที่ให้น้ำไหลซึม ไม่ปล่อยให้หนอนเก้าเศียรเจอช่องว่าง
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนตี๋สู้กับจ้าวปีศาจร้อยตา ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ภายใต้การขัดขวางจากหมอกแสงสีเหลืองมัวซัว คมดาบของเยี่ยนตี๋ยังคงลดต่ำลงทีละนิดๆ เข้าใกล้จ้าวปีศาจร้อยตาอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ความเร็วจะเนิบช้า แต่สภาวะมิได้ลดลง ไม่อาจพลิกกลับ
จ้าวปีศาจร้อยตาตัดสินใจเด็ดเดี่ยว พลันละทิ้งการป้องกัน ควงกระบี่วิเศษ ทะเลสาบปราณกระบี่สีเหลืองมัวซัว ฟันใส่เยี่ยนตี๋
การขัดขวางพอหายไป คมดาบของเยี่ยนตี๋ก็เร็วขึ้น ฟันใส่จ้าวปีศาจร้อยตา
สองฝ่ายพลันใช้โจมตีปะทะโจมตี กำลังจะเกิดสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บสองฝ่าย
เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างจ้าวปีศาจร้อยตากับเฟิงอวิ๋นเซิง
แต่ว่าจ้าวปีศาจร้อยตากลับจนปัญญาสุดขีด ก่อนลงมือคิดไม่ถึงว่าตนถึงกับถูกกดดันถึงขั้นนี้อีกครั้ง
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคับข้องกว่าเดิม ถึงร่างของเยี่ยนตี๋จะถูกหมอกเหลืองแสงทองจากดวงตานับพันดวงใต้สีข้างของเขาควบคุมจนมิอาจกระดิกระเดี้ย แต่ว่าอยู่ๆ บัวแสงไร้สีดอกหนึ่งก็เบ่งบานบนศีรษะของเขา
ดอกบัวที่ขอบเขตพร่ามัวไม่ชัดเจน เหมือนกับเมฆดาราที่ขมุกขมัว แผ่ออกมาเป็นชั้นๆ
ปราณกระบี่ของจ้าวปีศาจร้อยตาฟันใส่เยี่ยนตี๋ กลับถูกเมฆแปลงกำเนิดรับไว้ เมฆแปลงกำเนิดพลิกตัวหลายรอบ ปราณกระบี่ของจ้าวปีศาจร้อยตาก็เหมือนกับวัวโคลนละลายไปในทะเล หายไปหมดสิ้น ทำอันตรายเยี่ยนตี๋ไม่ได้แม้แต่เส้นขน
อีกด้านหนึ่ง ประกายดาบของเยี่ยนตี๋กลับพุ่งลงบนศีรษะของจ้าวปีศาจร้อยตา!
จ้าวปีศาจร้อยตาถลึงตาแทบฉีก ยังดีมีมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ลงมืออีกรอบ แสงพุทธอันละลานตาที่เหมือนเปลวเพลิงสีขาวสาดลง รับดาบนี้ของเยี่ยนตี๋แทนจ้าวปีศาจร้อยตา
เพียงแต่ว่า พอมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์แบ่งแยกจิตใจ ด้านข้างท่านพลันถูกสายฟ้าของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋โอบล้อม