ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1598 หยางเอ้อร์หลางผู้เลิศภพจบแดน!
ยอดฝีมือสำนักเต๋าต่อสู้กับนักบวชศาสนาพุทธจากแดนสุขาวดีตะวันตกจนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ
เวลานี้พวกจอมปีศาจที่จับตาดูอยู่ใกล้ๆ ในที่สุดก็โผล่มา
ปราณปีศาจเทียมฟ้าแผ่พุ่ง ทำให้น้ำในธารสวรรค์ขุ่นขลั่กกว่าเดิม คาวเลือดกว่าเดิม
บุปผาเซียนของเทวกษัตริย์สำนักเต๋ากับแสงพุทธของเหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีถูกกระตุ้น สว่างขึ้นพร้อมกัน
ลมปีศาจม้วนพัด เผยร่างที่แท้จริงของจอมปีศาจกลุ่มหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอช้อนตามองไป เห็นผู้นำของอีกฝ่าย ก็คือชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีแดง ใบหน้าแปลกประหลาดผู้หนึ่ง
เป็นลู่ยาเต้าจวิน บุคคลหมายเลขสองแห่งเผ่าปีศาจในปัจจุบัน!
ครั้งนี้ลู่ยาเต้าจวินออกเขามาถึงที่นี่ด้วยตัวเองเหมือนกับทีปังกรพุทธะ
ด้านข้างเขายืนไว้ด้วยนกเผิงยักษ์ปีกทองตนหนึ่ง ย่อมเป็นเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ที่มีพลังกล้าแข็ง
สายตาอันแข็งกร้าวของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้กวาดมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายหยุดอยู่บนค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ดวงตาเย็นเยียบกว่าเดิม
ตอนนั้นฝูหลัวจื่บุตรคนเดียวของเขา ตกตายเพราะพวกเยี่ยนจ้าวเกอกางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ด้านข้างลู่ยาเต้าจวินกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้แยกกันยืนไว้ด้วยจอมปีศาจตนอื่น แต่ละตนต่างมีสภาวะน่าสะพรึง
ปีศาจลมเหลือง หนอนเก้าเศียร เซียนหัวมังกรที่ก่อนหน้านี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้สู้ด้วยล้วนมาถึง นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือผู้เหี้ยมหาญคนอื่นๆ
โดยเฉพาะวานรขนสีขาวที่ร่างกายใหญ่โตเหมือนภูเขาตัวหนึ่ง ปราณปีศาจอันยิ่งใหญ่บนร่างดึงดูดสยตาเป็นพิเศษ
ความโชติช่วงของลมปราณทั่วร่างของมันทำให้คนตกตะลึง เหมือนกับอาศัยแค่กายเนื้อ ก็สามารถบดขยี้ความว่างเปล่าในฟ้าดินเป็นผุยผงได้แล้ว
วานรยักษ์มองกายทองมหาเทวะสามร่างที่อยู่บนสมรภูมิด้วยสายตาซับซ้อนอยู่บ้าง ลูกตากลอกกลิ้งไม่หยุด
“สหายร่วมเส้นทางหยวนหง ท่านเองก็มาแล้ว” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋พูดขึ้น
วานรขาวที่ใหญ่โตเหี้ยมหาญตัวนี้ มีชื่อว่าหงหยวน ในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น เคยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วใต้หล้า กอปรด้วยพละกำลังไร้สินสุด เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงกายเนื้อ เป็นปีศาจวานรที่มีชื่อเสียงที่สุดก่อนมหาเทวะเสมอฟ้า
ภายหลังประสบภัยพิบัติขึ้นสู่ทำเนียบเซียน จนกระทั่งหลังจากมหาภัยพิบัติในยุคสมัยนี้ ค่อยเป็นอิสระ เข้าไปฝึกฝนในเขาดาราทะเลดวงดาว ไม่นานมานี้เพิ่งปรากฏตัวขึ้น
ตอนที่เขาดาราทะเลดวงดาวต่อสู้กับแดนสุขาวดีตะวันตก หงหยวนก็ได้แสดงอานุภาพเทพ ทำให้เหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีกริ่งเกรง
วันนี้ติดตามลู่ยาเต้าจวินมายังสมรภูมิด้านนี้
“ไม่ได้เจอกันนาน หนานจี๋ โฮ่วถู่…” หงหยวนกวาดมองพวกจักรพรรดิอายวุัฒนาหนานจี๋ สุดท้ายสายตาหยุดบนร่างของเจ้าแม่อู๋ตัง “…ยังมีสหายร่วมเส้นทางอู๋ตัง”
สายตาของลู่ยาเต้าจวินหยุดยอยู่ที่เจ้าแม่อู๋ตังกับกระบี่สังหารเซียนซึ่งแสงหยกค่อยๆ ถดถอยไปหมดเล่มนั้น
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รีบปรากฏตัว ด้านหนึ่งเพื่อสำรวจสถานการณ์ ด้านหนึ่งเพื่อรอรอยตราซึ่งเทวกษัตริย์ไร้ประมาณทิ้งไว้ในกระบี่สังหารเซียนถดถอยไป
วินาทีนี้จังหวะเวลาสุกงอมแล้ว
ถึงแม้มารสวรรค์ไร้พันธนาจะลงมือสะกดกษัตริย์บูรพาไท่อี้ แต่ว่าการมาถึงของอามิตาภพุทธเจ้าก็ช้าลงเพราะพิณฝูซีเช่นกัน
ตอนนี้เป็นโอกาสลงมือของเผ่าปีศาจ
สายพิณบนพิณฝูซีเหลียงเพียงสองเส้น สำหรับสำนักเต๋ากับเผ่าปีศาจ เวลาไม่อาจถ่วงช้า
พวกจอมปีศาจก็ไม่เกรงใจ พุ่งเข้าไปหาค่ายกลลงทัณฑ์เซียนและพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเจ้าแม่อู๋ตังทันที!
ด้านหนึ่งเป็นแสงพุทธกระจายไปทั่ว ด้านหนึ่งเป็นลมปีศาจนับหมื่นลี้
สองฝ่ายแม้นเป็นศัตรู ทว่าตอนนี้หนีบค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไว้ตรงกลาง คนจากสำนักเต๋าสถานการณ์พลันเปลี่ยนเป็นอันตรายหวาดเสียวทันที
วานรยักษ์ค้ำฟ้าที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเปลี่ยนแปลงร้องคำราม ควงกระบองกดดันยุทธวิชัยพุทธะถอยหลัง จากนั้นก็กระโจนร่าง โดดไปนอกวงล้อม
ขณะเดียวกัน กายทองมหาเทวะอีกสองร่างก็เคลื่อนไหวอย่างเดียวกัน
ยุทธวิชัยพุทธะเห็นดังนั้น ก็ไม่ขัดขวาง กลับดิ่งร่างลง นำเหล่าพุทธะ พุ่งเข้าหาค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ทว่าในตอนนั้นเอง ข้างหูเขาแว่วเสียงครางหนักๆ ของมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์
“หยางเจี่ยน?! ที่แท้เป็นโยม!”
ผืนดินบริเวณหนึ่งที่ครอบคลุมท้องฟ้าในธารสวรรค์ซึ่งเปลี่ยนเป็นมืดมัวแล้วผืนนั้นพลันแตกร้าว
เงาร่างสายหนึ่งปรากฏตัวจากด้านใน กลับมิใช่สตรีสวมอาภรณ์งดงามอย่างก่อนหน้า แต่เป็นนักพรตหนุ่มคนหนึ่ง
นักพรตหนุ่มหัวเราะยืดยาวกล่าวว่า “ไหนเลยมิใช่ข้า”
ในมือเขาเพิ่มดาบสามปลายสองคมเล่มหนึ่ง วาดใส่อากาศ ทำลายเพลิงทิพย์แสงพุทธไร้ประมาณของมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ จากนั้นหมุนร่าง บรรลุถึงตรงหน้ายุทธวิชัยพุทธะในพริบตาเดียว
“เทพเอ้อร์หลาง ไม่เจอกันนานแล้ว” ยุทธวิชัยพุทธะเห็นดังนั้น ได้แต่หยุดฝีเท้า ยกชูแขนทั้งสิบแปดข้าง ของวิเศษมากมายร่วงหล่นดุจห่าฝน ตกใส่หยางเจี่ยน
“ไม่เจอกันนาน แต่ข้าคิดถึงมหาเทวะเสมอฟ้ามากกว่า มิใช่ซุนเห้งเจียท่าน” หยางเจี่ยนพูดพลางหมุนดาบสามปลายสองคมในมือวูบหนึ่ง กระแทกภาชนะอาคมของศาสนาพุทธสิบแปดชิ้นออก ทำลายไปหกชิ้น!
จากนั้นอาวุธของเขาก็วาดเป็นวงกลางอากาศ ขณะฟันใส่พุทธะที่มียี่สิบสองเศียรตรงหน้า ก็หยุดเหล่านักบวชจากศาสนาพุทธที่หมายพุ่งเข้าหาค่ายกลลงทัณฑ์เซียนคนอื่นไว้
ยุทธวิชัยพุทธะถอยหลัง หลบรอดคมอาวุธของหยางเจี่ยน
ท่านใช้ก้าวเท้าเกิดบัว เคลื่อนย้ายตำแหน่ง
มิคาดหยางเจี่ยนเปลี่ยนแปลงร่าง ถึงกับกลายเป็นนกเผิงยักษ์ปีกทองตัวหนึ่ง ไล่ตามยุทธวิชัยพุทธะอย่างรวดเร็ว คว้าสองกรงเล็บลงพร้อมกัน ฉีกเมฆทองเกล็ดปลาบนศีรษะของพุทธะออก!
มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ผลุนผลันเข้ามา ใช้มรรคในอริยสัจสี่ศาสนาพุทธ
โพธิปักขิยธรรมสามสิบเจ็ด มรรคแปด สติปัฏฐานสี่ สัมมัปปธานสี่ อิทธิบาทสี่ อินทรีย์ห้า พละห้า โพชฌงค์เจ็ดเหมือนปรากฏขึ้นพร้อมกัน เปลวแสงไร้สิ้นสุดไร้ประมาณครอบคลุมฟ้าดิน
มิคาดนกเผิงยักษ์ปีกทองเปลี่ยนร่างเป็นมังกรจริงแท้ ขณะที่ทะยานบนสวรรค์ ก็อ้าปากขึ้น
สายน้ำยิ่งใหญ่ที่แทบไม่ด้อยกว่าธารสวรรค์ข้างใต้ทุกคนถูกพ่นออกมา หนักอึ้งจนมิอาจหนักอึ้งไปมากกว่านี้ เหมือนกับหลอมรวมสวรรค์ทุกชั้นไว้ภายใน ดับเพลิงทองแสงพุทธขนาดใหญ่
แม้คนที่อยุ่รอบๆ จะมีความสามารถมากมาย ขณะมองเหตุการณ์นี้ ก็ต้องทอดถอนใจ
บนโลกใบนี้ไม่มีเผ่ามังกรที่แข็งแกร่งขนาดนี้โผล่มานานกี่ปีแล้ว?
ถ้าหากว่ามีราชามังกรวารีชั้นมหาชาลตัวหนึ่งอยู่ที่นี่ มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์กลับไม่เกรงกลัว
ทว่ามังกรจริงแท้ตัวนี้เป็นหยางเจี่ยนจำแลงกาย พลังถึงกับแกร่งกว่าเผ่ามังกรที่แท้จริง น้ำเชี่ยวกรากกระแทกกระทั้น แสงพุทธของมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ต้านไว้ไม่อยู่
“หยางเจี่ยน!”
หนอนเก้าเศียรคำรามโกรธเกรี้ยว คู่แค้นพบกันเดือดดาลเป็นพิเศษ ไม่สนใจค่ายกลลงทัณฑ์เซียนด้านล่าง พุ่งเข้าไปหาหยางเจี่ยน
“วันนี้เจ้าจะทิ้งศีรษะกี่ข้างให้ข้า?” มังกรจริงแท้พูดภาษาคนด้วยรอยยิ้ม
ร่างมังกรขนาดมหึมาค่อยๆ เป็นมายา กลายเป็นเงาแสง แต่พลังไม่ลดลง พ่นน้ำถั่งโถม ดับแสงพุทธของมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ไปบริเวณหนึ่ง
ในเงาแสงปรากฏร่างของหยางเจี่ยน
เขาส่ายร่างเบาๆ รูขุมขนทั่วร่างเปิดออก เลือดลมอันโชติช่วงระเหยขึ้นมา กลายเป็นหมอกเลือดผืนหนึ่ง
หมอกเลือดผนึกตัวกลายเป็นเงาแสงสองสาย เรียงแถวกับมังกรจริงแท้ตัวนั้น
นี่กลับเป็นหงส์อมตะขนาดมหึมาตัวหนึ่ง สยายสองปีก ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์
ขณะกระพือปีก พายุโหมกระหน่ำ พุ่งใส่หนอนเก้าเศียรที่แสดงร่างธรรมของวิหคเทพรถผีเก้าเศียรออกมา
นกตัวนี้มีชื่อว่า ‘ลมใหญ่’ เป็นพันธุ์ประหลาดตั้งแต่ยุคบรรพกาล กอปรด้วยพรสวรรค์ สามารถควบคุมพายุ ปะทะกับลมสวรรค์ที่หนอนเก้าเศียรพัดขึ้นมา
หยางเจี่ยนเลือดทั่วร่างระเหย หมอกแสงผนึกตัวเปลี่ยนเป็นเงาแสงสายที่สาม ปรากฏภาพเผิงยักษ์ปีกทอง
เผิงยักษ์กระพือปีก ความเร็วของหยางเจี่ยนมองไม่เห็นระยะห่างมิติเวลาในสายตาเหมือนกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้!
แม้ว่าจะอยู่ตรงหน้าคู่ต่อสู้ชั้นมหาชาล เขาก็เหมือนกับคงอยู่ทุกที่เช่นเดียวกัน
ด้านหลังยุทธวิชัยพุทธะ มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ และหนอนเก้าเศียรปรากฏร่างของหยางเจี่ยนขึ้นในเวลาเดียวกัน!