ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1599 ท่านกับบัวขาวผู้ใดปลอมกว่ากัน
ขึ้นสู่สวรรค์มหาชาล กระทำตามใจอยาก ทั่วนภาไร้ระยะห่าง
สำหรับคนที่อยู่ต่ำกว่าชั้นหมาชาล เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลเหมือนกับคงอยู่ทุกที่
ทว่าระหว่างเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลด้วยกัน ความน่าอัศจรรย์ลบเลือนซึ่งกันและกัน แสดงความลี้ลับนี้ไม่ได้
แต่ว่าในโลกมักมีข้อยกเว้น อย่างเช่นเผิงท่องเมฆหมื่นลี้แห่งเผ่าปีศาจ ความเร็วแทบเป็นหนึ่งในหมาชาล พุ่งทะยานไม่สนใจผู้ใด
สาเหตุที่บอกว่า ‘แทบ’ หยางเจี่ยนได้อธิบายเหตุผลในสงคราม ณ วันนี้แล้ว
วินาทีนี้ ต่อหน้าคู่ต่อสู้ที่เป็นมหาชาลเหมือนกัน เขาเหมือนกับคงอยู่ทุกที่ ดำรงอยู่ในทุกๆ พื้นที่ในเวลาเดียวกัน
ตอนที่กำลังปะทะพายุกับวิหควายุที่หยางเจี่ยนจำแลงกาย หนอนเก้าเศียรเห็นอย่างชัดเจนว่าด้านหลังยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์แยกกันปรากฏหยางเจี่ยนคนที่สองและคนที่สาม
แต่ว่าเขายิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ด้านหลังตนเพิ่มคนมาหนึ่งคน!
หนอนเก้าเศียรที่พบอันตราย ถึงขั้นไม่คิดหันกลับไป หยุดพายุเก้าสวรรค์ของตัวเอง รีบร้อนถลันหลบไปด้านข้าง
หลบทั้งพายุที่นกวายุซึ่งเกิดจากหยางเจี่ยนพัดขึ้น ทั้งหลบการคุกคามจากด้านหลังของตัวเอง
แม้เขาจะมีการตอบสนองเร็วพอ แต่มิอาจหลบพ้นดาบสามปลายสองคมเล่มหนึ่งที่พุ่งมาด้านหลัง
คมดาบอันเย็นเยียบพลันเสียบศีรษะข้างหนึ่งของหนอนเก้าเศียรเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน!
หนอนเก้าเศียรทั้งแตกตื่นทั้งโมโห สภาพทุลักทุเล ศีรษะข้างหนึ่งหันไปด้านหลัง เห็นหยางเจี่ยนคนที่สี่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม
อีกด้านหนึ่ง ยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ต่างเผชิญสถานการณ์เดียวกัน มีอันตรายรอบด้าน
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ที่แท้เป็นเช่นนี้!”
เวลานี้ทีปังกรพุทธะที่ต่อสู้กับสั่วหมิงจางถอนใจ โยนธงเล็กๆ คันหนึ่งออกไป
ธงเล็กถูกทีปังกรพุทธะเซ่นสรวง พลันมีปราณสีขาวลอยกลางอากาศ แสงสีทองหมื่นสาย
ธงร่วงลง ปกป้องยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ ช่วยป้องกันการโจมตีของหยางเจี่ยนให้แก่พวกท่าน
ยอดฝีมือฝ่ายสำนักเต๋าและเผ่าปีศาจเห็นธงคันนั้น ต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน “ธงวิเศษบัวเขียว!”
ธงวิเศษบัวเขียว ของล้ำค่าของอามิตาภพุทธเจ้า ในอดีตถูกขนามนามเทียบเท่ากับธงเหลืองโบ่วกี้ของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด ธงชั้นเมฆม่วงของเจ้าแม่หวังหมู่แห่งบึงหยกในคุนหลุนตะวันตก และธงแสงดินทักษิณของเทวกษัตริย์เต๋า เป็นของวิเศษด้านป้องกันระดับสุดยอดไม่กี่ชั้นนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ธงวิเศษบัวเขียวพอปรากฏ หยางเจี่ยนก็ยากโจมตีโดนชั่วขณะ
ทว่ายอดฝีมือศาสนาพุทธอย่างยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์คิดจะยกธงขึ้นต้านทานการโจมตีของหยางเจี่ยน ไปถึงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน กลับทำไม่ได้เช่นกัน
พอเห็นธงวิเศษบัวเขียว หยางเจี่ยนก็หัวเราะ รูขุมขนทั่วทั้งร่างส่ายไหว มีลมปราณระเหยออกมาอีก
ครั้งนี้เลือดลมเปลี่ยนแปลง กลับมิได้ผนึกเป็นเงาแสง แต่ว่าร่างของตัวหยางเจี่ยนเกิดความเปลี่ยนแปลง
ร่างเขาขยายอย่างต่อเนื่อง ผิวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง จากนั้นค่อยๆ มีแสงสว่างที่บริสุทธิ์เป็นสีเคลือบสาดขึ้นบนผิว
คนอื่นพอเห็นลักษณะนี้ของเขา สีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดพิกล
เป็นเพราะตอนนี้หยางเจี่ยนถึงกับกลายเป็นพระพุทธะกายทองที่สูงใหญ่นับหมื่นจั้งองค์หนึ่ง!
แสงพุทธไหลเวียน ความบริสุทธิ์ปรากฏ เกิดการตรัสรู้ด้วยปัญญา บรรลุการหลุดพ้น มีดอกไม้โปรยปรายทั่วฟ้า กลิ่นสุคนธ์แผ่พุ่ง เสียงเซ็นดังติดตาม
จากนั้นมหาพุทธะองค์นี้ก็ยื่นฝ่ามือออกมาก่อนจะพลิกวูบหนึ่ง คิดจะกดธงวิเศษบัวเขียวและพวกยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ไว้ใต้ฝ่ามือ
การเคลื่อนไหวนี้ไม่ทำร้ายคน แต่ว่าใช้ฝ่ามือของตัวเองสร้างโลกขึ้นมาใบหนึ่ง
พุทธเกษตรในฝ่ามือ บุปผาบานเห็นตัวตน
บัวสีทองมากมายบานออก ห้อมล้อมธงวิเศษบัวเขียวกับคนที่ถูกปกป้องใต้ธง กลับทำให้พวกท่านออกมาไม่ได้ มิอาจเข้าใกล้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้ชั่วคราว
“โยมกับบัวขาวเส้นทางนอกรีต ผู้ใดปลอมกว่ากัน?” ยุทธวิชัยพุทธะที่ใจเย็นมาโดยตลอด ตอนนี้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
หยางเจี่ยนยิ้มไม่ตอบคำ ขณะที่ขัดขวางพวกท่าน ก็ชักฝ่ามือกลับมา กราดฟาดใส่เผ่าปีศาจตนอื่น!
“ข้าขอประลองกับเจ้า!” หยวนหงขยายร่าง ร่างกายค้ำฟ้ายันดิน ปะทะกับหยางเจี่ยนอย่างหักโหม
พุทธเกษตรในฝ่ามือยังคงขัดขวางคนในศาสนาพุทธ มหาพุทธะองค์นั้นกลับกลายเป็นเงาแสง
ร่างของหยางเจี่ยนปรากฏขึ้นอีกครั้ง มองหยวนหงอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
เขากับหยวนหงเป็นคู่ต่อสู้เก่า เคยสู้กันในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น ยังเร็วกว่าตอนปะทะกับมหาเทวะเสมอฟ้าและการทำร้ายหนอนเก้าเศียร
อีกฝ่ายกอปรด้วยพรสวรรค์ ถนัดการเปลี่ยนแปลงกายเนื้อเหมือนกัน แต่ครั้งนี้กลับแสดงร่างจริงมาต่อสู้กับเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
นี่กลับเป็นหยวนหงทราบแก่ใจว่า การพัฒนาหลายปีมานี้ หยางเจี่ยนเหนือกว่าตนเอง หากเทียบความสามารถการเปลี่ยนแปลง ตนเองสมควรมิใช่คู่ต่อสู้
มิสู้ใช้ความพิเศษด้านพละกำลังแต่กำเนิด ลงมือสุดพลัง
หยางเจี่ยนใช้ความคิด เข้าใจแผนการในใจหยวนหง
เขาไม่ได้หลบหลีก แต่ว่าใช้แข็งปะทะแข็งกับหยวนหง!
“ตูม! ตูม! ตูม!”
หยางเจี่ยนที่เหมือนกับกลายร่างเป็นวานรคลั่งร่างคนตนหนึ่ง ปะทะกับวานรเชื่อมฟ้าที่แท้จริง หมัดมาตีนไป เกิดการต่อสู้ที่บ้าคลั่งและโบราณที่สุดตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น!
ขณะที่ยกมือขึ้นจับมือข้างหนึ่งของวานรขาว หยางเจี่ยนย่อตัวกดไหล่ ออกแรงพุ่งชนใส่ใต้รักแร้และทรวงอกของวานรขาว
ในเสียงกระอักสะท้านฟ้าดิน เหมือนกับชนภูเขาถล่ม หยวนหงคำราม ร่างโซเซถอยหลัง
จอมปีศาจตอนนี้ก็เหี้ยมหาญเช่นกัน สะบัดมืออีกข้างกวาดใส่หยางเจี่ยน
แต่หยางเจี่ยนรวมพลังในวิชาแปดเก้า ยกไหล่ขึ้น ปะทะกับการโจมตีของหยวนหง ร่างกายส่ายวูบ ถอยยังไม่ถอยแม้ครึ่งก้าว!
หลังมหาภัยพิบัติ หยางเอ้อร์หลางที่เร้นกายมานับหมื่นปีในที่สุดก็แสดงอิทธิฤทธิ์ ทำให้คนจำนวนมากที่อยู่รอบๆ นึกถึงความทรงจำที่อยู่ห่างไกลมากมาย
‘สมกับที่ได้ฉายาเทพสงครามสวรรค์ ต่อให้ถูกโยนเข้าไปในนพยมโลกก็สามารถกดสุดยอดมารไถไปกับพื้นได้กระมัง?’ เยี่ยนจ้าวเกอแยกเขี้ยว ‘ไม่เห็นจุดพิเศษของสภาพแวดล้อม ไม่เห็นความสามารถการต่อสู้ที่เป็นจุดพิเศษของคู่ต่อสู้ในสายตาเลย!’
นักบวชศาสนาพุทธได้รับการขัดขวง เผ่าปีศาจไม่ชมชอบเช่นกัน
กายทองมหาเทวะสามร่างปรากฏตรงหน้าพวกเขา
ขอแค่เห็นกระบองสารพัดนึก เซียนหัวมังกรก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากขาหลังที่ถูกฟาดเละไปเมื่อตอนนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น กายทองมหาเทวะสามร่างยิ่งสามารถรวมเป็นหนึ่ง แสดงร่างแท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้าออกมาได้!
สำหรับมหาเทวะเผ่าปีศาจทั้งหลาย ล้วนเคียดแค้นซุนเห้งเจียในวันวานอย่างล้ำลึก
แต่ว่ากลับกริ่งเกรงถึงขั้นหวาดกลัวมหาเทวะเสมอฟ้าที่ถล่มวังเทพด้วยตัวคนเดียว!
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นนิ้วออกมาแตะเบาๆ ปราณปฐมกำเนิดลอยออกมา แยกเป็นปราณพิสุทธิ์สามสาย พุ่งใส่กายทองมหาเทวะสามร่างนั้น
ปีศาจลมเหลืองลุกออกมาอีกครั้ง มองทิศตะวันออกเฉียงใต้ อ้าปากสามปาก จากนั้นพ่นลมหายใจออกไป
ลมสมาธิกระจัดกระจาย ปราณพิสุทธิ์สามสายที่เยี่ยนจ้าวเกอส่งออกมาพลันหยุดนิ่ง มิอาจประทบถูกร่างของกายทองมหาเทวะ ขณะเดียวกันวานรกยักษ์สามตัวก็เท้าล่องลอย ลืมตาไม่ขึ้น
ในตอนที่เหล่าปีศาจโล่งอก ปีศาจลมเหลืองพลันแตกตื่น สยิวกายไปทั่วร่าง!
มิติเวลาเหนือศีรษะของเขาพลันกลายเป็นเหวลึกโกลาหล
ประกายดาบดำสนิทพุ่งลงจากเหวลึก ไร้สัญญาณ ไร้ลางบอกเหตุ
แม้แต่มหาเทวะเผ่าปีศาจตนอื่นที่อยู่รอบๆ ก็ไม่ค้นพบ
รอจนทุกคนสัมผัสได้ ประกายดาบบดขยี้ธรรมชาติก็ฟันถึงศีรษะปีศาจลมเหลืองแล้ว!
เพราะเป็นเป้าหมายของประกายดาบ พอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันสงัดด้านใน ปีศาจลมเหลืองจึงรู้สึกตัวเป็นตนแรก
เขาไม่ทราบว่าตนหลบรอดดาบนี้ได้หรือไม่ มีแต่ต้องหลบอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันก็มิอาจสนใจวานรปีศาจสามตนได้อีก พ่นลมสมาธิออกมาคุ้มครองกาย
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้อยู่ด้านข้าง ขอแค่ต้านได้พริบตาเดียว การสนับสนุนจะมาถึงทันที!
ทว่ากลางอากาศพลันมีกระดิ่งขนาดกระทัดรัดคล้ายกับกระพรวนดังขึ้น
เสียงกระดิ่งดังไปทั่ว ปีศาจลมเหลืองชะงัก
“ฟุ่บ!”
ประกายดาบสาดลง ศีรษะใบหนึ่งพลันแยกออกจากร่าง!
………………..