ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1617 มอบโอกาสให้คนอื่น มอบโอกาสให้ตัวเอง
“โอกาสที่คนจำนวนมากรอคอย…” เยี่ยนจ้าวเกอทวนคำพูดนี้อีกรอบ
เขากับคนอื่นๆ มองหน้ากัน พูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “…โอกาสขึ้นสู่ระดับมรรคา?”
โอกาสที่เซียนสวรรค์มหาชาล มหาเทวะเผ่าปีศาจ หรือพุทธะแดนสุขาวดีจะทะลวงสู่ระดับมรรคา
ยิ่งใกล้ระดับมรรคาเท่าไหร่ก็ยิ่งลำบากเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ตนต้องเผชิญกับด่านยากที่ต้องทะลวงเท่านั้น ขณะเดียวกันอาจเผชิญคู่แข่ง
การช่วงชิงระดับมรรคาคือการช่วงชิงวาสนา ในมุมมองหนึ่งแล้ว การทำร้ายคนอื่นส่งผลเสียตัวเองไม่มีอยู่
เทียบได้กับการทำร้ายคนอื่น ส่งผลดีต่อตัวเอง ท่านเมื่อมีโอกาสน้อยลง ข้าก็มีโอกาสมากขึ้น
หรือว่าคู่แข่งยิ่งน้อย โอกาสก็ยิ่งมาก
พระเมตไตรยพุทธะในอดีต เป็นเพราะความพิเศษของการสืบทอดระบบมรรคา เดิมทีหลังจากพระยูไลหลุดพ้น สามารถรับช่วงต่อ กลายเป็นผู้ปกครองแดนอภิรดีศูนย์กลางคนใหม่ได้อย่างราบรื่น
แต่ว่าหลังจากท่านถูกคนทำร้าย ภายใต้ความจนปัญญาได้แต่เปลี่ยนไปเดินเส้นทางอื่น เปลี่ยนแดนอภิรดีศูนย์กลางเป็นแดนสุขาวดีบัวขาว
เรื่องนี้ส่งผลกระทบลึกล้ำ พระศรีอาริย์หรือก็คือพระศรีอริยเมตไตรยพุทธะถึงแม้ว่าจะขึ้นสู่ระดับมรรคา ทั้งยังสร้างความมั่นคงให้แก่ชะตาของแดนสุขาวดีได้ตามที่หวัง ทว่ากับก่อเกิดความวุ่นวาย
นักบวชในศาสนาพุทธจำนวนมากมรณภาพ นักบวชศาสนาพุทธจำนวนมากหันไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
และในการคาดเดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ความวุ่นวายของวังเทพ และการถือกำเนิดของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณที่ก่อให้เกิดมหาภัยพิบัติ บางทีอาจมาจากการกระทำของเซียนสวรรค์สำนักเต๋าสักคนหนึ่ง
ที่สุดท้ายเขาทำสำเร็จ กลายเป็นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณขึ้นสู่ระดับมรรคา สำเร็จร่างเจ้ามรรคา ด้านหลังกลับเป็นจุดเริ่มต้นของมหาภัยที่ส่งผลต่อทั่วทั้งมหาจักรวาล
ผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักประสบภัยพิบัติเพราะสาเหตุนี้ จนกระทั่งถึงวันนี้จึงค่อยๆ ฟื้นฟูปราณกำเนิดได้
เจ้ามรรคาล้วนเกิดขึ้นก่อนการเปิดผ่าฟ้า หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าพระยูไลเป็นจุ่นถีเต้าหยินแปลงกาย ก็ยืนยันเช่นกันว่า ผู้ยิ่งใหญ่ที่สำเร็จตำแหน่งเจ้ามรรคาหลังการเปิดผ่าฟ้า ตอนนี้มีแต่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์
เหล่าผู้เข้มแข็งที่อยู่ในจุดสูงสุดของชั้นมหาชาล ยังมีใครที่ไม่มุ่งหน้าไประดับมรรคาบ้าง?
พอมาถึงขั้นนี้ ต่อให้ฝึกฝนวิชามรรคาคล้ายกัน หนทางที่ทุกคนไต่ไปสู่ระดับมรรคา บางทีอาจไม่เหมือนกัน
ทว่านอกจากความพยายามของตัวเองแล้ว ย้งต้องดูวาสนาด้วย
วาสนาที่ยิ่งใหญ่ระหว่างฟ้าดินเช่นนี้ ในที่สุดก็ยังมีจำกัด
อย่างเช่นการอาศัยเส้นทางศิลามนุษย์กำเนิดรวบรวมพลังศรัทธา กำเนิดเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ตามลำดับ เป็นตัวอย่างพิเศษที่หายาก ไม่อาจมีตำแหน่งที่สามอีกต่อไป
พวกเขาสองคนส่งผลต่อกันและกัน กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต สู้กันมาถึงบัดนี้
คนคนละคน เส้นทางคนละเส้นทาง สุดท้ายอาจจะช่วงชิงวาสนาได้ส่วนหนึ่ง
วาสนาอย่างหนึ่งมักจะสร้างความสำเร็จให้คนแค่คนเดียว
“นพยมโลก...” เฟิงอวิ๋นเซิงสูดหายใจลึก
ขณะที่เหล่ามารลอบวางแผน คนอื่นๆ ก็ไม่เคยลืมพวกมัน เพียงแต่จังหวะเวลายังมาไม่ถึง ทุกคนอยู่ในขั้นวางแผน
“เหมือนการเชือดสุกรในวันปีใหม่ของโลกมนุษย์หรือไม่? ขุนสุกรให้อ้วน รอจนถึงปีใหม่ค่อยเชือดทิ้ง จากนั้นก็ค่อยใช้เวลาช่วงปีใหม่อย่างมีความสุข?” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยางเจี่ยนยิ้มขึ้นเช่นกัน ส่ายหน้ากล่าวว่า “เหมือนน่ะเหมือน แต่ว่าหมูป่าหนังหยาบขนแข็ง พลังไร้สิ้นสุด เขี้ยวแหลมคม อาจจะหันกลับมาขวิดคนจนตายได้ตลอดเวลา”
เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ยิ้ม คิดถึงเจี่ยนซุ่นหวา นึกถึงตัวเอง
ภัยพิบัติค่อยๆ มีเค้าลางแล้ว ภายใต้การวัดกำลังหลายด้าน ผู้ใดก็ไม่กล้าบอกว่าตนสามารถควบคุมสถานการณ์ หรือกล้าบอกว่าว่าสามารถทำนายผลลัพธ์ได้อย่างแน่นอน
นางเป็นตัวละครอะไรในภัยพิบัตินี้ สุดท้ายจะเกิดผลลัพธ์แบบไหน?
“สถานการณ์นี้ของนพยมโลก คนที่ลงมือยังรวมถึงผู้อาวุโสสำนักเต๋าของเราด้วยกระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองด้านหลัง
วังดุสิตบนสวรรค์หลีเฮิ่นสูงส่งล่องลอย สำหรับคนที่อยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนแล้ว ยากจะมีทิศทางให้กล่าวถึง
ทว่าการเคลื่อนไหวนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ แสดงความนัยอย่างชัดเจน
เหล่าจวินไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนที่นพยมโลกใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนแลกอำนาจของมารสวรรค์สูงสุด มอบอำนาจทั้งหมดให้พระอาจารย์เสวียนตูจัดการ แต่ว่าสุดท้ายพระอาจารย์เสวียนตูก็เห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนนี้
อยากได้อะไรมา ก็ต้องให้ก่อน
สำหรับนพยมโลก และคนที่ต้องการอาศัยนพยมโลกเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนา หลักการนี่มีความหมายเหมือนกัน
อย่างเช่นการแลกเปลี่ยนระหว่างแดนสุขาวดีตะวันตกกับนพยมโลกในครั้งนี้ ใช้อำนาจของมารสวรรค์ไร้รูป แลกการลงมือช่วยเหลือจากมารสวรรค์ไร้พันธนา
ทั้งเพื่อการช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็เพื่อการปูทางสำหรับเรื่องราวต่อจากนี้
ดังนั้นเมื่อสำนักเต๋าต้องการค่ายกลลงทัณฑ์เซียน และสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน มารสวรรค์ไร้พันธนาแห่งนพยมโลกจึงนำกระบี่ลงทัณฑ์เซียนไปยังวังดุสิตด้วยตัวเอง
ถ้าหากว่าสำนักเต๋าสะกดมารสวรรค์สูงสุดได้ตลอด นพยมโลกก็ไม่อาจขยับตัว ด้านอื่นๆ ล้วนไม่มีโอกาส
โอกาสต้องให้ทุกคนร่วมสร้างขึ้น
การให้โอกาสคนอื่น ก็คือการให้โอกาสแก่ตัวเอง
ทุกคนต่างทราบเรื่องนี้อยู่แก่ใจ ทั้งเห็นพ้อง และวางแผนป้องกันซึ่งกันและกัน
ส่วนถ้าถึงเวลาผู้ใดจะประสบความสำเร็จ ผู้ใดจะกลายเป็นมอบชุดแต่งงานให้แก่คนอื่น เช่นนั้นขึ้นอยู่กับวาสนาและฝีมือของแต่ละฝั่งแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพระอาจารย์เสวียนตูเข้าใจหลักการนี้ จึงกระทำเช่นนี้
ถึงเขาจะเป็นศิษย์ของเหลาจวิน แต่คิดจะขึ้นสู่ระดับมรรคา ยังต้องแข่งขันกับคนอื่นๆ
“มิได้มีแค่คนเดียว และก็ไม่ใช่ทำเพื่อสถานการณ์ของนพยมโลกนี้เพียงอย่างเดียว ล้วนแค่ปรับเปลี่ยนตามโอกาส” หยางเจี่ยนว่า
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด เรื่องราวมากมายอีรุงตุงนัก จะเห็นโอกาสได้ในความวุ่นวายเท่านั้น”
การผงาดขึ้นมาอีกครั้งของสำนักเต๋าสายหลัก ก็ไม่ใช่ว่ามองหาโอกาสอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่เกาะเกี่ยวกันนี้หรอกหรือ?
ถ้าหากสำนักเต๋าสายหลักสามารถเพิ่มเจ้ามรรคาได้คนหนึ่งจริงๆ ความหมายย่อมไม่เหมือนเดิมแล้ว
“พี่ร่วมเส้นทางก็กำลังคำนวณการวางหมากนี้อยู่?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม หยางเจี่ยนส่ายหน้า “ทำทุกท่านหัวเราะเยาะแล้ว เส้นทางในอนาคตของข้ายังพร่ามัวอยู่บ้าง มิได้จัดการสะสางให้ชัดเจน โอกาสขึ้นระดับมรรคาสมควรไม่อยู่ที่นพยมโลก”
“แต่ว่าถ้าหากพวกเราสามารถเพิ่มเจ้ามรรคาคนหนึ่ง ข้าย่อมอยากเห็นมันสำเร็จ”
ถึงแม้พลังของเขาจะมีแข็งแกร่งชนิดหาตัวจับยาก แต่มิได้หมายความว่าเตรียมจะทะลวงสู่ระดับมรรคาแล้ว
สถานการณ์ระหว่างคนกับคนด้วยกันไม่เหมือนกัน นี่เป็นเรื่องที่ปกติยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกายอยู่บ้าง มองเฟิงอวิ๋นเซิง จากนั้นก็ใคร่ครวญ ‘นพยมโลก...’
สำหรับเขาอาจยังห่างจากระดับมรรคาอีกไกล แต่ว่าภัยพิบัติครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับตัวเอง
ไม่เพียงแต่มีเฟิงอวิ๋นเซิงเท่านั้น ยังมีเนี่ยจิงเสิน…
“ท่าทีของเหล่าจวินเหมือนผลักเรือตามน้ำ ไม่คัดค้านความเห็นของพระอาจารย์เสวียนตู กลับไม่ใช่ตั้งใจเพิ่มเจ้ามรรคาคนใหม่ให้แก่สำนักเต๋า…” เยี่ยนจ้าวเกอสลัดความคิด มองไปยังหยางเจี่ยนพลันพูดขึ้น “ทางนพยมโลกจะสร้างค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ได้อีกครั้งหรือไม่ มารสวรรค์บุพกาลจะทำลายผนึกออกมาได้หรือไม่ มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมจะจุติลงมาหรือไม่ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวล”
หยางเจี่ยนเอ่ย “เหล่าจวินยากคาดเดาจิตใจ ตอบรับไม่ตอบรับอยู่ระหว่างความเป็นไปได้สองอย่าง ต่อให้ปฏิเสธ ก็ไม่ทำให้คนประหลาดใจ”
“พี่ร่วมเส้นทางยังมิได้เตรียมตัว กลับไม่ทราบว่าคนที่เตรียมตัวรอบคอบ รอคอยก้าวสุดท้ายจะมีใครบ้าง” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
“ในปัจจุบันนี้ คนที่วางแผนไว้แต่แรกแล้วสมควรเป็นทีปังกรพุทธะ” หยางเจี่ยนตอบ “หลังจากยุคโบราณตอนต้นจบลง ในยุคโบราณตอนกลาง ทีปังกรพุทธะสมควรบรรลุถึงก้าวสุดท้ายบนชั้นมหาชาลแล้ว เพียงต้องการโอกาสครั้งเดียว ก็จะขึ้นสู่ระดับมรรคาได้”
แต่ว่าก้าวที่ขาดนี้ ห่างกันราวฟ้ากับเหว บนมหาชาลกับมหาชาล ระดับเซียนกับระดับเซียน เป็นนิยามที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
“เคยฟังคนอื่นกล่าวว่า เป็นทีปังกรพุทธะขวางเส้นทางของเมตไตรยพุทธะในตอนนั้น เป็นเหตุให้เมตไตรยพุทธะไม่อาจไม่เปลี่ยนไปเดินเส้นทางอื่น?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม