ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1618 ผู้คนที่ทะลวงสู่ระดับมรรคา
“เรื่องของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าในตอนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับทีปังกรพุทธะจริงๆ” หยางเจี่ยนเว้นเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “แต่ว่าถ้าหากข้าคาดไม่ผิด เบื้องหลังเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการเดินหมากระหว่างเหล่าเจ้ามรรคา ไม่อาจโทษทีปังกรพุทธะได้คนเดียว แต่เขายังคงเกี่ยวข้องอยู่ดี”
พูดถึงตรงนี้ หยางเจี่ยนก็ยิ้มเล็กน้อย “ทีปังกรพุทธะไม่ออกจากแดนสุขาวดีตะวันตกมาหลายปี เพื่อป้องกันพระศรีอริยเมตไตรยหาเรื่องเขา”
ทีปังกรพุทธะไสม้าออกมาด้วยตัวเอง อาศัยมุกค้ำทะเล และร่วมมือกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ค้นหาจักรวาลฟ้าฟื้น เป็นเพราะสำนักเต๋าสายหลักมีสภาวะการผงาดขึ้นมารุนแรงเกินไป แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจบรรลุการเห็นพ้องและการประนีประนอมในระดับหนึ่ง หาวิธีสะกดสำนักเต๋าสายหลักก่อน
เมื่อมีเบื้องหลังแบบนี้ บวกกับการที่พระศรีอาริย์ถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณพัวพันมาโดยตลอด หลังจากได้เศษศิลามนุษย์กำเนิดมา ดังนั้นทีปังกรพุทธะจึงสามารถเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยแบบนั้นได้
มาถึงการช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ ทีปังกรพุทธะกระทำเรื่องราวกลับไม่ต้องระมัดระวังตัวขนาดนั้นแล้ว ถึงอย่างไรก็มีมารสวรรค์ไร้พันธนาต้านทานกษัตริย์บูรพาไท่อี้ ช่วยอามิตาภพุทธเจ้าหาช่องว่างออกมาได้
“ตอนนี้ดูเหมือนว่า ถ้าหากพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้ารับช่วงต่อพระศรีศากยมุณีพุทธเจ้าจริงๆ เกรงว่าจะขัดขวางเส้นทางการขึ้นสู่ระดับมรรคาของทีปังกรพุทธะ” หยางเจี่ยนเอ่ย “ดังนั้นตอนนั้นเขาจึงต้องลงมือ”
เยี่ยนตี๋ขมวดคิ้ว “แต่พระศรีอริยเมตไตรยถูกทำลายวิถีมรรคา ทีปังกรพุทธะกลับไม่อาจไปแทนที่”
สวีเฟยคาดเดา “การทำลายเส้นทางของพระเมตไตรยพุทธะ อาจจะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทีปังกรพุทธะทำสำเร็จ มิได้หมายความว่าจะไปแทนที่ได้ แต่ถ้าหากไม่ทำ ตนเองก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไร้ความหวัง”
“แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้อีกอย่างด้วยเช่นกัน คือพระศรีอริยเมตไตรยแก้แค้นหลังจากเรื่องราว ขัดขวางเส้นทางในตอนแรกของทีปังกรพุทธะ ทำให้ทีปังกรพุทธะรอมาจนถึงตอนนี้ ต้องเปลี่ยนไปเดินเส้นทางอื่น หาวาสนาที่มีความเกี่ยวข้องกับนพยมโลก”
ถึงแม้จะมีการคาดเดามากมาย แต่ก็เปลี่ยนแปลงความจริงข้อหนึ่งไม่ได้
ทีปังกรพุทธะที่บรรลุถึงระดับสูงสุดของมหาชาลตั้งแต่ช่วงต้นของยุคโบราณตอนกลาง พลังอาจด้อยกว่ามหาเทวะเสมอฟ้า มหาวิทยราชมยุรี หยางเจี่ยน แต่ว่าเป็นตัวตนที่ขอบเขตยกระดับขึ้นจนใกล้ระดับมรรคามากที่สุดในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย
ก้าวเท้าเก้าวนั้นขอแค่ข้ามไปได้ ก็จะเป็นฟ้าดินที่ไม่เหมือนเดิม โชคชะตาที่ต่างออกไปทันที
ลำบากมาหลายปี ทีปังกรพุทธะให้ความสำคัญต่อวาสนาที่เกี่ยวกับนพยมโลกในครั้งนี้ขนาดไหน แค่คิดก็เป็นที่ทราบได้
“นอกจากทีปังกรพุทธะแล้ว พระอาจารย์เสวียนตูสมควรขาดแค่ก้าวสุดท้ายเช่นกัน” หยางเจี่ยนเอ่ย
“พระอาจารย์เสวียนตูใช้สารีริกธาตุศรีศากยมุณีชิ้นนั้น แลกเปลี่ยนอะไรกับทีปังกรพุทธะกันแน่?” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยความสนใจ
การแลกเปลี่ยนนั้น พวกเขาทราบเรื่องมานานแล้ว
ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของมหาวิทยรามยุรี
ร่างจริงของมหาเทวะเสมอฟ้า เดิมทีต้องผ่านการชำระล้างโดยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีก่อน จึงจะสามารถประสานกับเศษศิลาดินกำเนิด กลับสู่สภาพสูงสุดได้
เพียงแต่ว่าถ้าไม่เจอมหาวิทยราชมยุรีได้ ย่อมประเสริฐสุด
ถึงแม้การกลับสู่ระดบสูงสุดของมหาเทวะเสมอฟ้าจะเป็นเรื่องดี แต่มีเพทภัยที่ตามมาภายหลังมากเกินไป สำหรับในใจของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ หากว่าสามารถกำหนดเวลา ค่อยหาโอกาส ตามหามหาวิทยราชมยุรีเพื่อจัดการได้เดี่ยวๆ ย่อมดีกว่า
เพียงแต่ว่าเรื่องราวบนโลกไม่อาจเป็นจริงได้หมด เรื่องราวมีทั้งสำคัญไม่สำคัญ เร่งด่วนเนิบช้า เวลาที่สมควรลงมือก็ต้องลงมืออย่างแน่วแน่
ในเมื่อลงมือแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอย่อมสนใจว่า พระอาจารย์เสวียนตูได้อะไรมา
“ครั้งกระโน้นบนมือของเจิ้นหยวนจื่อ นอกจากต้นผลคนแล้ว ยังมีของล้ำค่าระดับสุดยอดชิ้นหนึ่ง” หยางเจี่ยนว่า
ได้ยินถึงตรงนี้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็กระจ่างแจ้ง “คัมภีร์ปฐพี?”
ว่ากันว่าเป็นครรภ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นพร้อมกับฟ้า หลังจากที่ฟ้าดินถูกเปิดในช่วงต้น และธรรมชาติเริ่มต้น
ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา คัมภีร์ปฐพีนับได้ว่าเป็นหนึ่งในของวิเศษที่สุดยอดที่สุดในโลก
“กล่าวให้ถูกต้อง เป็นคัมภีร์ปฐพีครึ่งส่วน” หยางเจี่ยนอธิบาย “คัมภีร์ปฐพีถูกทำลายไปในตอนนั้นแล้ว เหลือแค่ฉบับชำรุด ทีปังกรพุทธะอาศัยของวิเศษชิ้นนี้แลกเปลี่ยนสารีริกธาตุศรีศากยมุณีที่ถูกเก็บไว้ในวังดุสิตกับพระอาจารย์เสวียนตู”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ครุ่นคิดไม่พูดอะไร
เจิ้นหยวนจื่อ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดท่ามกลางเซียนพเนจรของสำนักเต๋า และหนึ่งในชนชั้นยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดของสำนักเต๋าเมื่อครั้งกระโน้น
หลังมหาภัยพิบัติ ข่าวคราวก็สูญหาญ ไร้ร่องรอย ถูกคิดว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้เป็นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
เพียงแต่ว่าจากสงครามชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อก่อนหน้า ข้อสงสัยในตัวเขาก็ลดน้อยลงมาก
เป็นเพราะแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง
ถึงแม้นางเซียนอวิ๋นเซียวจะยังอยู่ แต่มิได้ถ่ายทอดค่ายกลออกไปภายนอกเพิ่มอีก
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณสามารถควบคุมค่ายกลนี้ได้ สมควรเป็นอดีตผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังเทพ
ถึงอย่างไรแม้คนอื่นอาจไม่แน่ใจ แต่เยี่ยนจ้าวเกอทราบเป็นอย่างดีว่า หอเก็บหนังสือของวังเทพพินาศโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ช่วงต้นของมหาภัยพิบัติแล้ว
ตอนนี้เมื่อทราบแล้วว่าคัมภีร์ปฐพีเสียหาย ข้อสงสัยของเจิ้นหยวนจื่อก็คล้ายลดลงอีกขั้น
แต่ว่ายังคงไม่อาจปฏิเสธข้อสงสัยโดยสิ้นเชิง
เงาคนที่ต่อสู้กันในประตูหยกขาว ซึ่งพวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนนจี๋ได้เห็นเมื่อตอนนั้นสลับซับซ้อน รายละเอียดภายในเป็นอย่างไร บางทีอาจมีแต่ผู้เกี่ยวข้องจึงจะทราบ
“พระอาจารย์เสวียนตูจะเลื่อนสู่ระดับมรรคา ต้องใช้ม้วนคัมภีร์ปฐพีที่ชำรุดหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอันใดออก
“ถึงแม้ยังไม่เข้าใจว่าพระอาจารย์เสวียนตูวางแผนอะไรกันแน่ แต่เมื่อมีม้วนคัมภีร์ปฐพีชำรุดแล้ว ตอนนี้เขาคล้ายรอทางนพยมโลกมีการเคลื่อนไหว” หยางเจี่ยนเอ่ย “แม้ที่แล้วมาจะเก็บงำไม่เปิดเผย แต่พระอาจารย์เสวียนตูกลับเดินไปถึงตรงหน้าคนไม่น้อย มีทั้งการพบวาสนา และเหตุผลของตัวเอง”
พวกเยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “พระอาจารย์เสวียนตูบรรลุการสืบทอดที่แท้จริงของบรมครูเทวกษัตริย์เต๋า น่านับถือเลื่อมใส”
หยางเจี่ยนพูดอีกว่า “นอกจากทีปังกรพุทธะกับพระอาจารย์เสวียนตูแล้ว ลู่ยาเต้าจวินสมควรเตรียมตัวใกล้เสร็จแล้วเช่นกัน”
“เขาใช้พิณฝูซีชำรุดแลกเปลี่ยนวิญญาณมารเมล็ดเพลิงในตะเกียงเคลือบหยกมายาแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างรู้ดี
ตอนนั้นสงสัยว่าวาสนาที่หยางเจี่ยนใช้ตะเกียงเคลือบหยกมายาแลกเปลี่ยนมา อาจไม่ใช่มาจากตัวทีปังกรพุทธะ ภายหลังผลลัพธ์เป็นอย่างที่คาด
วิญญาณมารเมล็ดเพลิงในตะเกียงเคลือบหยกมายา มาจากการปราบมารของคนในสำนักเต๋าสยหยกพิเศษเมื่อนานมาแล้ว หลังจากส่งมารไฟปิ่งรุ่นนั้นเข้าสู่การดับสูญ ก็ได้สิ่งของมาอย่างเหนือความคาดหมาย ภายหลังเก็บไว้ในตะเกียงมาโดยตลอด
นี่กลับเป็นสิ่งที่ลู่ยาเต้าจวินต้องการตลอดมา
“เปลี่ยนเป็นปีศาจยุคบุพกาล เข้าสู่เต๋าในยุคโบราณตอนต้น กลายเป็นพุทธในยุคโบราณตอนกลาง…” เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจหลักการด้านในแล้ว “ในยุคสมัยนี้ ลู่ยาเต้าจวินต้องเดินในวิถีมารแล้ว?”
อีกฝ่ายบรรลุมรรควิถีของแก่นไฟหลีก่อนกำเนิด ต้องการกลายเป็นวิถีมาร เช่นนั้นมีแต่อำนาจของมารไฟปิ่งในหกสุดยอดมาร จึงสามารถรองรับได้
หยางเจี่ยนว่า “มิผิด ลู่ยาเต้าจวินวางแผนเช่นนี้ ตามการอนุมานของข้า เขาสมควรหาเปลือกร่างที่เหมาะกับการคืนชีพของมารไฟปิ่ง จากนั้นค่อยวางแผน หรือไม่ก็ดำเนินพิธีการคืนชีพในที่ลับ ไม่ก็ถือโอกาสย้ายวิญญาณ”
ในฐานะหนึ่งในยอดฝีมือชั้นมหาชาลที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก ลู่ยาเต้าจวินที่ถือกำเนิดก่อนการเปิดผ่าฟ้า ถึงขั้นที่ยังเก่าแก่กว่ามารไฟปิ่งตนแรกสุดเสียอีก
เยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนไม่สงสัยเลยว่า ลู่ยาเต้าจวินที่วางแผนมาหลายปี มีแผนการของตัวเอง
แน่นอนว่านพยมโลกก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยเช่นกัน
เพียงแต่ว่ายังเป็นคำพูดเดิม
การให้โอกาสคนอื่น ก็คือการให้โอกาสแก่ตัวเอง
สองฝายบรรลุข้อตกลงและการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่เรื่องที่จินตนาการไม่ออก
ปัญหาที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาก็คือ ตนจะได้อะไรจากภัยพิบัติในครั้งนี้?