ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1623 โลกอันรุ่งเรืองในที่สุดก็มาถึง
ทีปังกรพุทธะมองพระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาตมากับคนอื่นๆ ออกหน้าคงไม่เหมาะสม รบกวนพระโพธิสัตว์เคลื่อนไหวระหว่างพวกเรากับผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์”
“หวังว่าจะมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม” พระโพธิสัตว์กวนอิมส่ายหน้าถอนใจ จากนั้นก็บอกลาผละไป
ทีปังกรพุทธะใช้สายตามองเงาหลังของท่านออกไป ครู่ต่อมาก็ค่อยละสายตา
ตรงหน้าท่านเพิ่มมุกที่เปล่งแสงห้าสีจำนวนสิบแปดชิ้น
ขณะมองมุกค้ำทะเลที่หายไปหนึ่งในสี่ส่วน พุทธะผู้เก่าแก่ท่านนี้ก็ส่ายหน้า อดยิ้มขึ้นไม่ได้ จากนั้นค่อยเก็บมุกค้ำทะเล
ทีปังกรพุทธะนั่งบนดอกบัว สีหน้าสงบนิ่ง สายตาไม่สั่นไหวอีก ดวงตาค่อยๆ ปิดลง เหมือนกับามรณะภาพ
ไม่ว่าจะแดนสุขาวดีตะวันตก หรือเขาดาราทะเลดวงดาว หลังจากได้รับข่าวที่ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สร้างสวรรค์สำนักเต๋า ต่างก็รักษาความเงียบงัน
โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวที่สะกดสำนักเต๋าสายหลักอย่างกระตือรือร้นมาโดยตลอด ยิ่งมิได้ส่งเสียงใดๆ
จักรวาลสำนักเต๋าใหม่ทั้งสามแห่งดำรงอยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจนกระจ่างแจ้ง ทว่าขุมกำลังอื่นๆ กลับคล้ายมองไม่เห็นความจริงข้อนี้
เทียบกับหลายพันปีก่อน ตอนสร้างจักรวาลสำนักเต๋า โลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าที่อยู่ด้านใน ผ่านสงครามคาวเลือดอันเนิ่นนาน ไม่อาจใช้คำพูดเดียวกันได้อีกแล้ว
ในยุคสมัยอันดำมืดหลังมหาภัยพิบัติที่สำนักเต๋าสายหลักต้องเผชิญ ไม่ทราบว่าจ่ายราคาเท่าไหร่ จึงค่อยมีสถานที่อันปลอดภัยไว้ซุกตัว ค่อยๆ วางแผนพัฒนา
สถานที่ที่เร้นลับและปลอดภัยอย่างโลกน้ำพุหยก อย่างไรก็มีน้อยสุดขีด
เวลาส่วนใหญ่คนในสำนักเต๋าล้วนแทรกตัวอยู่ด้านใน ตามหาโอกาสรอดอย่างลำบาก
การปลีกตัวไปอยู่คนเดียว ล่องลอยตลอดเวลาอย่างหลี่ซิ่งป้ากับชื่อหลานเต้าหยิน มาตรว่าไม่มีใครไปสะกดกลุ้มรุม แต่คิดจะพัฒนาสร้างความยิ่งใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขาให้แก่ระบบมรรคาของตัวเอง แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทำไม่ได้
ผู้เข้มแข็งระดับเซียนที่มีพลังฝึกปรือเท่ากับพวกเขา ละทิ้งการอาศัยในโลกของคนธรรมดา ย่อมไม่เป็นไร
แต่ว่าการคัดเลือกผู้สืบทอด สั่งสอนและชุบเลี้ยงผู้สืบทอด กลับไม่อาจแยกจากโลกของคนธรรมดา
ประชากรที่มีจำนวนมากพอ จึงอาจให้กำเนิดอัจฉริยะผู้โดดเด่นจำนวนไม่น้อย
สิ่งก่อสร้างระดับกลางถึงต่ำที่มั่นคงพอ จึงจะสร้างสายโลหิตได้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย
วันนี้ผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักไม่ต้องห่วงปัญหาเหล่านี้อีกต่อไป
เทวกษัตริย์สำนักเต๋าอย่างสั่วหมิงจาง จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน เจ้าแม่อู๋ตัง ไม่ต้องหลบเร้นล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนอีกต่อไป
พวกเขาเปิดนิวาสสถาน อาศัยอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันก็หมายถึงการกระจายสายสืบทอดมรรคายุทธที่มากกว่าเดิม การเจริญเติบโตของจำนวนคนมากกว่าเดิม และการสร้างโลกมนุษย์มากกว่าเดิม
ตั้งแต่นี้ไปยามจอมยุทธ์สำนักเต๋าเคลื่อนไหวในความว่างว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน แม้นไม่ใช่ไร้ข้อกริ่งเกรงอีก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนซ้ายหลบขวาเหมือนสุนัขสูญเสียบ้าน กังวลว่าจะถูกคนกลุ้มรุมไล่ล่าอีกต่อไป
ทรัพยากรและของวิเศษจำนวนมากกว่าเดิม จะแก่งแย้งได้เหนือกว่าคนในขุมกำลังอื่นๆ หรือไม่ยังไม่เอ่ยถึง แต่อย่างน้อยก็สามารถอาศัยความสามารถของตัวเองไปแข่งกับคนอื่นอย่างเปิดเผยได้แล้ว
ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกว่า อยู่ๆ จะมีศัตรูระดับสูงกว่าจำนวนมากโผล่ขึ้นมา ตนกลับไร้ผู้ยิ่งใหญ่หนุนหลัง
ก่อนหน้านี้จุดที่กระอักกระอ่วนมากที่สุดของจอมยุทธ์สำนักเต๋าอยู่ที่ ฝ่ายตนไม่มีเจ้ามรรคาที่สามารถควบคุมสถานการณ์อย่างมั่นคงได้
ปัจจุบันถึงแม้ยังไม่มี แต่ว่าค่ายกลกระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็ได้เปลี่ยนสถานการณ์นี้แล้ว
สถานการณ์ใหญ่ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ
ขณะมองต้นผมขาวที่เกิดจากซากสังขารของเซ่าจวินหวงที่สั่วหมิงจางนำไป พวกเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความสะท้อนใจมากมาย
ทุกสิ่งในปัจจุบัน ล้วนเป็นความคาดหวังหลังมหาภัยพิบัติของเหล่าผู้อาวุโสสำนักเต๋าแต่ละรุ่นอย่างเซ่าจวินหวง
หากไม่สะสมย่างก้าว ย่อมไม่มีทางเดินถึงพันลี้ เป็นเพราะความพยายามของคนแต่ละรุ่น แสงอรุณในที่สุดจึงยิ่งใหญ่ สุดท้ายกลายเป็นดวงอาทิตย์ลอยขึ้น เริ่มขับไล่ความมืดมนและความเย็นเยียบ
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ แสงสว่างที่ไม่สว่างและไม่มืดจุดหนึ่งลอยขึ้น ค่อยๆ ขยายใหญ่ สุดท้ายกลายเป็นดวงแสงขนาดมหึมาดวงหนึ่ง
หลังจากแสงสว่างหายไป สิ่งที่ปรากฏบนมือเยี่ยนจ้าวเกอก็คือกงจักรเหล็กสีดำอันหนึ่ง บนกรงจักรมีรูปสิบสองรู
เป็นกงจักรมหาประกายกาฬ
กงจักรเหล็กสีดำขนาดมหึมาหมุนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ต้นผมขาวที่มีขนาดเล็กกว่าซึ่งยังอยู่ในหุบเขาเจิดจรัส บนต้นพลันมีดอกไม้สีน้ำเข้มจำนวนนับไม่ถ้วนบานอย่างไร้เค้าลาง
กลีบดอกสีน้ำเงินหล่นลงเหมือนกับหิมะ ตกลงบนกงจักรมหาประกายกาฬ
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือไปแตะเบาๆ ปลายนิ้วปรากฏแสงสีแดงจุดหนึ่ง แสงสีแดงแผ่ออก ครอบคลุมหุบเขาเจิดจรัส
แสงสีแดงนี้มาจากกระบี่ลวงเซียน ถูกเยี่ยนตี๋ตัดมา พกติดตัวตลอด
แสงสีแดงเข้มกลายเป็นผ้าม่าน ปรากฏภาพอันเป็นนิรันดร์ภาพหนึ่ง
เงาร่างของบุรุษอาภรณ์ม่วงคนหนึ่งกับสตรีอาภรณ์ขาวคนหนึ่งยืนเคียงไหล่กัน หันหลังให้แก่พวกเยี่ยนจ้าเกอ
บุรุษอาภรณ์ม่วงมือซ้ายถือกระบี่ สตรีอาภรณ์ขาวมือขวาถือกระบี่ มือซ้ายจับมือขวาของบุรุษ
นอกจากเงาหลังที่อยู่ในดวงตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ยังเห็นบุรุษและสตรีสองคนนั้นหันหน้ามองกัน ต่างเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งซีก มุมปากแฝงรอยยิ้ม
นั่นเป็นเงาหลังสุดท้ายตอนยังมีชีวิตอยู่ในบันทึกกระบี่ลวงเซียนของเยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียน บิดามารดาของเยี่ยนตี๋
กระบี่พุทธะบนภาพถูกเยี่ยนตี๋ลบทิ้ง เหลือเพียงบิดามารดาของตัวเอง
เยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียนสามีภรรยาเซ่นสรวงเลือดให้แก่ซากสังขารอวี้ติ่งและกระบี่ลวงเซียน จึงมิได้ทิ้งร่างเอาไว้ เยี่ยนตี๋มีแต่สร้างสุสานฝังหมวกผ้าแพรเป็นที่รำลึก ส่วนแสงกระบี่สีแดงเข้มจุดนี้เอาไว้พกติดตัว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูชิง สวีเฟยต่างสีหน้าเคร่งขรึม คารวะอย่างจริงจัง
“ท่านปู่ ท่านย่า ราชันพระพฤหัสบดี ผู้อาวุโสประกายกาฬ และเจิดจรัสสองท่าน ยังมีบรรพบุรุษสำนักเต๋าคนอื่นๆ ความพยายามในอดีตของพวกท่านไม่ได้เสียเปล่า”
“พวกเรา…ทำสำเร็จแล้ว!”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงทุ้ม
ยอดฝีมือสำนักเต๋าที่ได้ประสบความลำบากตอนเกิดภัยพิบัติและหลังภัยพิบัติ มีจำนวนเหลือคณานับ
ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอทราบสถานการณ์ไม่น้อยผ่านทางพวกหยางเจี่ยน นางเซียนอวิ๋นเซียว จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ พระอาจารย์เสวียนตู
เทวกษัตริย์กว่างเฉิง อวี้ติ่งจินหยิน เทวกษัตริย์ประพฤติเต๋าแห่งสายสืบทอดหยกพิสุทธิ์ ตกตายอย่างน่าอนาถ ไม่ต้องกล่าวมากความ
มารดาแห่งแผ่นดินหนึ่งในสี่เทวราชแห่งวังเทพ เสียชีวิตไปแล้ว
ในเจ้าแม่ฟ้าทั้งสาม นอกจากนางเซียนอวิ๋นเซียวแล้ว นางเซียนฉยงเซียวและนางเซียนปี้เซียวล้วนประสบความยากลำบาก
เจ้าแม่จินหลิน อดีตผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดซึ่งเป็นผู้สืบทอดเหนือพิสุทธิ์ ผู้ปกครองกลุ่มดาวในวังเทพ ก็เสียชีวิตลงเช่นกัน
เหวินจ้งเทวกษัตริย์โอวาทโลกาเสียงสายฟ้าอิงกำเนิดแห่งสวรรค์ชั้นเก้า หนึ่งในผู้สืบทอดรุ่นที่สามที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุด และผู้ปกครองสายฟ้าของวังเทพในภายหลัง ตามรอยเจ้าแม่จินหลินผู้เป็นอาจารย์ เสียชีวิตไป
จ้าวกงหมิงผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์ เจ้าของเดิมของมุกค้ำทะเลยี่สิบสี่ชิ้น หลุดพ้นจากทำเนียบเซียนตอนเกิดมหาภัยพิบัติ ทว่าสุดท้ายก็มีชะตาเหมือนกับนางเซียนฉยงเซียว กับนางเซียนปี้เซียว
เทวกษัตริย์เจินอู่สะท้านมาร เทพโซ่วซิง เทพดาวศุกร์…ประสบเรื่องทำนองนี้นับไม่ถ้วน
บางคนประสบความลำบากตอนเกิดมหาภัยพิบัติ บางคนเสียชีวิตเพราะการผงาดของสำนักเต๋าหลังมหาภัยพิบัติ เหมือนกับที่เจ้าแม่อู๋ตังเกือบกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาเพราะการช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้
เยี่ยนจ้าวเกอมองเงาหลังของเยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียน
มองกงจักรมหาประกายกาฬที่เกิดจากซากสังขารของอิ่นเทียนเซี่ยตรงหน้า
มองต้นผมขาวที่เกิดจากซากสังขารของหูเยว่ซิน
มองเงาหลังของทุกคนที่เหมือนกับปรากฏขึ้นมา ขณะที่ทอดถอนใจ ก็รู้สึกโล่งใจอยู่หลายส่วน
“ถึงแม้ไม่อาจกำจัดความชั่วร้าย กวาดล้างเส้นทางนอกรีตกับศัตรูทั้งหลาย แต่ความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าเราปรากฏสภาพขึ้นแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างแช่มช้า “โลกอันรุ่งเรืองในที่สุดก็มาถึงเหมือนที่ทุกท่านปรารถนา”