ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1625 เส้นทางแหกคอกของเยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงแม้ว่าผู้ยิ่งใหญ่รุ่นก่อนของสำนักเต๋าจำนวนมากจะยืนยันข่าวการตายได้แล้ว แต่ยังคงมีตัวตนที่ไม่ทราบความเป็นความตาย และที่อยู่ไม่ชัดเจน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมหวังว่า ยังมีผู้รอดชีวิตพวกเดียวกันมากกว่าเดิม
ทว่าความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนกว้างใหญ่เกินไป ตามหาไม่ง่าย
ต่อให้มีจริงๆ คิดจะทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมใหญ่ในปัจจุบัน เกรงว่าไม่ใช่เรื่องในระยะเวลาสั้นๆ เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ซ่อนตัวมาหลายปี คนอื่นตามหาไม่เจอ อธิบายว่ามีการแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอกจำกัดยิ่ง
คนอื่นๆ ค้นหาพวกเขาไม่เจอ พวกเขาก็ยากจะได้สัมผัสกับข่าวสารจาโลกภายนอกเช่นกัน
รอพวกเขารู้ว่าปัจจุบันสำนักเต๋าสายหลักเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมใหญ่ เกรงว่าจำเป็นต้องใช้เวลานานยิ่ง ถึงขั้นผ่านไปหลายปีก็ยังไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้
กับเรื่องนี้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้แต่บอกว่าตั้งความหวังที่งดงาม
“จริงด้วย เจ้าเก็บมุกค้ำทะเลไว้อีกชิ้น มีความคิดใดเป็นพิเศษหรือ?” สวีเฟยถามเยี่ยนจ้าวเกอ
“ความคิดพิเศษกลับไม่มี รอผ่านไปสักพัก จะนำมาสร้างจักรวาลแห่งหนึ่ง ให้คนใช้อยู่อาศัย” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ทว่าเกี่ยวกับจักรวาลแห่งนี้กับโลกที่อยู่ด้านใน ข้ามีความคิดอยู่บ้าง จะทดลองดู”
“อ้อ? ว่าอย่างไร?” คนอื่นๆ ได้ยิน ต่างเกิดความสนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “เส้นทางนอกรีตมักง่าย มีข้อเสียค่อนข้างมาก พวกเราล้วนทราบดี”
“ถึงจะไม่เห็นด้วยกับพวกเขา แต่ว่าเรื่องราวส่วนหนึ่งก็วางอยู่ตรงหน้าต้องมองดูตรงๆ การพัฒนาของเส้นทางนอกรีตเร็วและง่ายกว่าพวกเรา ถึงจะให้กำเนิดยอดฝีมือระดับสุดยอดไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยถึงระดับเซียนลี้ลับ พวกเขาก็มีความได้เปรียบมหาศาลด้านจำนวน โดยเฉพาะสามารถชดเชยเป็นจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันสั้น”
พวกเฟิงอวิ๋นเซิงฟังเยี่ยนจ้าวเกออธิบายเงียบๆ ไม่ได้สอดปากหรือเอ่ยถาม
“พวกเขาข้อเสียเป็นพัน แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ข้าคิดว่าคุ้มค่าแก่การศึกษา” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ธรณีประตูของเส้นทางนอกรีตต่ำกว่าพวกเรามาก”
เส้นทางมรรคายุทธ์ของสำนักเต๋าสายหลัก มีเงื่อนไขระดับหนึ่งต่อพรสวรรค์และคุณสมบัติของคน
พรแสวงชดเชยพรสวรรค์ได้จริงๆ เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในความเป็นจริง
แต่ยังมีความจริงอย่างหนึ่งคือ คนที่มีพรสวรรค์มากกว่าท่านยังขยันยิ่งกว่าท่านอีก
นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่จนปัญญาก็คือ อายุขัยในชีวิตของคนมีจำกัดยิ่ง เมื่อฝึกฝนมรรคายุทธ์ถึงระดับหนึ่ง จึงจะมีการเพิ่มขึ้นของอายุขัยที่ต่างกันไป
มาตรว่าจะใช้พรแสวงชดเชยพรสวรรค์ แต่หลายๆ ครั้ง ‘พรสวรรค์’ ตรงนี้ก็มีขีดจำกัดต่ำสุดอยู่ ไม่อย่างนั้นไม่ต้องให้คนอื่นคัดทิ้ง กฎธรรมชาติที่อายุขัยต้องสิ้นสุดจะคัดคนส่วนใหญ่ทิ้งเอง
ในด้านนี้ศาสนาพุทธสายหลักอาจดีกว่าสำนักเต๋า ถึงจะมีวิชาส่วนหนึ่งพิจารณาความสามารถในการทำความเข้าใจได้ แต่ก็มีวิธีการส่วนหนึ่งให้ความสำคัญกับการบากบั่นพากเรียรยิ่งกว่า
ทว่าจุดที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจก็คือ คนที่เจตจำนงแน่วแน่เหนือธรรมดา ความจริงยังคงมีน้อย
ดูจากมุมมองด้านธรณีประตู ความแพร่หลายของเส้นทางนอกรีตยังสูงกว่าศาสนาพุทธสายหลัก
ถึงแม้ในมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ การฝึกฝนวิชาของเส้นทางนอกรีตจะมีปัญนั่นนี่ แต่ใช้ประโยชน์จากความแพร่หลาย เป็นความได้เปรียบที่ใหญ่หลวงชนิดหนึ่ง
“ขณะมองดูพวกเขา ข้ามักจะคิดว่า มีวิธีการลดธรณีประตูของสำนักเต๋าสายหลักหรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ
พวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับเยี่ยนตี๋มองหน้ากัน “เจ้าพูดแบบนี้ หรือมีความคิดแล้ว?”
“ไม่ถึงขนาดนั้น ดังนั้นจึงจะต้องการทดลองดู” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า
“ท่าน...อย่าบอกนะว่าจะเลียนแบบวิชากรอกศีรษะของมารร้ายนพยมโลก?” เฟิงอวิ๋นเซิงถามอย่างลังเลอยู่บ้าง
หากต้องบอกว่าบนโลกใบนี้ยังคงมีวิชาที่ความเร็วในการพัฒนาสูงกว่าเส้นทางนอกรีต นั่นเป็นเทพมารกรอกศีรษะอย่างมิต้องสงสัย
แต่ด้านหนึ่ง หลังจากกรอกศีรษะแล้ว ก็ยากจะบอกยิ่งว่า ‘ท่าน’ ยังเป็น ‘ท่าน’ อยู่
อีกด้านหนึ่ง นี่เกรงว่าจะเป็นวิธีที่ต้องพิจารณาคุณสมบัติแต่กำเนิดมากที่สุดบนโลก
“อืม ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ถึงแม้จะไม่ใช่พวกเดียวกัน แต่ก็จุดประกายให้ข้าจริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “แต่ตอนนี้มีความคิดพร่าเลือน ต้องรอข้าทดลองเส้นทางแหกคอกนี้ดูก่อน ถ้ามีเค้าลางแล้วค่อยว่ากัน”
เขามองเสวี่ยชูชิงผู้เป็นมารดา เปลี่ยนหัวข้อ “พวกสหายร่วมเส้นทางฟู่…”
“ไม่มีการเคลื่อนไหวพิเศษ” เสวี่ยชูชิงส่ายหน้า
ในการช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ ผู้สืบทอดสำนักเต๋าเช่นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ต่างป้องกันเรื่องหนึ่งในที่ลับ
นั่นคือพวกฟู่ถิง เมิ่งหวาน และเหอซีสิงที่มีเพทภัยอยู่บนตัวเพราะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
ผู้สืบทอดสำนักเต๋าช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับโถงเซียนและขุมกำลังอื่นๆ แทบเรียบได้ว่าทุ่มเทหมดหน้าตัก ติดต่อยอดฝีมือระดับสุดยอดที่สามารถเคลื่อนไหวได้ให้เคลื่อนไหวทั้งหมด
ขณะที่ทุ่มเทกำลังทั้งหมดบนสนามรบซึ่งหน้า พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ลืมระวังลานหลังบ้านตัวเองติดไฟ แต่ละคนคอยเฝ้าดู
ฟู่อวิ๋นฉือที่เพิ่งทะลวงขอบเขตสัจพิศวง อยู่ข้างกายบุตรีสองคนกับลูกศิษย์คนหนึ่งของตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจวางการจัดการก่อนที่จะเคลื่อนไหว เมื่อมีฟู่อวิ๋นฉือคอยจับตาดูตลอดเวลา ถ้าหากพวกนางยังคงถูกเทวกษัตริย์ไร้ประมาณชำระล้างข้ามมิติ ก็ไม่ถึงกับเกิดความวุ่นวายใหญ่ ส่งผลต่อฟ้าเหนือฟ้าและจักรวาลฟ้าฟื้นในตอนนั้น
สุดท้าย สิ่งที่ทำให้คนยินดีก็คือ ไม่มีการคเลื่อนไหวพิเศษใด
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดว่าเป็นโถงเซียนลืมเลือนเรื่องนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสายตาของคนจำนวนมาก สถานการณ์ของเขาเยี่ยนจ้าวเกอความจริงคล้ายกับพวกฟู่ถิง
สาเหตุที่พวกฟู่ถิง เมิ่งหวาน และเหอซีสิงไม่เกิดความวุ่นวาย อาจเป็นเพราะวิชาการกดข่มที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอเตรียมไว้ส่งผล
และอาจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่มีความคิด…
“ตอนนี้ทำเท่าที่ทำได้ ก่อนจะมีเบาะแสอื่น ยังไม่ต้องรีบ” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “พวกเราไปมรกตท่องฟ้า เยี่ยมศิษย์พี่อวี่อีกรอบ”
ภายใต้การร่วมมือของทุกคน อาการบาดเจ็บของอวี่เย่ค่อยๆ ดีขึ้น
ห่างจากตอนนั้นเกือบร้อยปีแล้ว ขณะที่มหาสมุทรเหือดแห้งเป็นผืนนา โลกทั้งใบก็ต่างไปจากเดิม
ตอนนี้อวี่เย่ยังคงไม่ได้สติ แต่สืบเนื่องจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนให้นางพักผ่อนมากกว่าเดิม
อาการบาดเจ็บในตอนนั้นของนางสาหัสฉกรรจ์ แทบเสียชีวิต
ตามปกติแล้ว ถึงแม้จะฟื้นสติขึ้นมาครบถ้วน แต่อาจจะส่งผลร้ายต่อปราณกำเนิด ทำลายถึงรากฐาน
นี่ย่อมไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอต้องการจะเห็น
เรื่องที่พวกเขาต้องจัดการในตอนนี้ คือการพยายามค้นหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างเต็มที่
ทว่าหลังจากได้สติ อวี่เย่จะเจอเรื่องราวมากมาย
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าด้วยความแน่วแน่ของนาง สมควรแบกรับได้ แต่ไม่อาจมองข้ามความโหดร้ายอย่างหนึ่งสำหรับนาง เพราะนางสามารถรับได้…
“สิ่งที่สมควรมาที่สุดแล้วต้องมา” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้าถอนใจ ออกจากฟ้าเหนือฟ้า มุ่งหน้าไปทางมรกตท่องฟ้า
มาถึงสถานที่ ตรวจสอบสถานการณ์ของอวี่เย่เสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็พูดกับหลงเสวี่ยจี้ว่า “ทำกระบวนการรักษาอีกสองอย่าง สมควรไม่มีอุปสรรคใหญ่แล้ว สามารถทดลองปลุกศิษย์พี่อวี่ได้ เพียงแต่คิดจะฟื้นฟูปราณกำเนิดที่เสียไป ยังต้องวางแผนรอบหนึ่ง มีของวิเศษบางอย่างต้องตั้งใจรวบรวมต่อ น่าเสียดายเบาะแสมีจำกัดยิ่ง”
“ถือว่าดีมากแล้ว” หลงเสวี่ยจี้มองหลานสาวของตัวเอง สายตาปรากฏความอบอุ่นหลายส่วน
เขาเป็นคนที่สามในหมู่พี่น้องร่วมสายเลือด พวกหลงเสวี่ยนิ่งพี่สาวที่สองภรรยาสามีจากไปนานแล้ว เหลือเพียงบุตรีกำพร้าคนเดียว
ถึงแม้จอมยุทธ์จะเห็นชืดชาต่อความเป็นความตาย แต่ถ้าหากว่าเสียอวี่เย่ไป หลงเสวี่ยจี้ก็รู้สึกละอายต่อพี่สาวแท้ๆ ที่จากไปแล้วเช่นกัน
ตอนนี้อวี่เย่มีความหวังที่จะฟื้นตื่นขึ้นมา เขาย่อมยินดี
เวลานี้เกาเสวี่ยพอเดินเข้ามาจากด้านนอก ถามขึ้นก่อนว่า “สถานการณ์ของเย่เอ๋อร์เป็นอย่างไร?”
พอฟังเยี่ยนจ้าวเกอกับหลงเสวี่ยจี้ยืนยันว่าไม่มีอุปสรรคใหญ่แล้ว เกาเสวี่ยพอค่อยบอกว่า “มารดาส่งข่าวกลับมาว่า ลู่ยาเต้าจวินส่งหุ่นฟางตัวหนึ่งไปที่วังดุสิต ผ่านเส้นทางของพระอาจารย์เสวียนตู”
………………..