ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1648 ศิษย์ของศิษย์ อาจารย์ของอาจารย์
ถึงแม้ในตอนช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน สำนักเต๋าสายหลักจะเปลี่ยนสถานการณ์หลังมหาภัยพิบัติได้สำเร็จในศึกสุดท้าย
แต่ไม่ว่าจะเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอหรือหยางเจี่ยน ต่างเข้าใจดีว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาโล่งใจ
ได้แต่กล่าวว่า กลับมาอยู่ในลู่วิ่งเดียวกันกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆ ไม่ได้ตามหลังอยู่ห่างๆ เหมือนก่อนหน้านี้อีก
แต่ว่าสุดท้ายใครจะบรรลุถึงจุดหมายได้ก่อน ยังคงเป็นความกังวลอย่างลึกล้ำ
แค่มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ความพยายามก่อนหน้าอาจจะกลายเป็นสายน้ำหมดสิ้น
สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายกว่าเดิมในปัจจุบัน ยังไม่ถึงเวลาเก็บศาสตราเข้าโกดัง ปล่อยม้าไว้ที่เขาทิศใต้ แต่ต้องใช้โอกาสที่ยากได้มานี้ สั่งสมกำลังให้แก่ฝั่งตัวเองเท่าที่จะทำได้ เพื่อเผชิญกับการแข่งขันในครั้งต่อไป การแข่งขันที่รุนแรงกว่าเดิม
“ทุกคนกลับไปก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับอิงหลงถู หลงซิงเฉวียน ไท่อี้จินหยิน
หลงซิงเฉวียนพยักหน้า “แล้วแต่ที่จ้าวเกอเจ้าสะดวก ข้าจะพยายามแจ้งสถานการณ์ผิดปกติของแดนสุขาวดีตะวันตกให้กับสหายร่วมเส้นทางคนอื่นๆ โดยเร็วที่สุด ถึงเวลาจะมีคนมาสนับสนุนเจ้า”
“ศิษย์เล็กสถานการณ์น่าเป็นห่วง ยังไม่อาจวางใจ ข้ายังถอนตัวไม่ได้” ไท่อี้จินหยินว่า “เราศิษย์อาจารย์ถูกขังมาหลายปี มีความเข้าในต่อสถานการณ์ในตอนนี้จำกัด ไม่อาจสอดมือได้เอง ครั้งนี้ได้แต่หลีกเลี่ยงเรื่องราว รบกวนสหายน้อยเยี่ยนแล้ว”
“จินหยินเกรงใจเกินไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดจบก็บอกลาทุกคน เข้าไปในความว่างเปล่าด้วยตัวเอง ทางพวกอิงหลงถูกกับหลงซิงเฉวียนกลับถิ่นของสำนักเต๋าอย่างสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียและสวรรค์ชื่อหมิงเหอหยาง
เยี่ยนจ้าวเกอที่แยกทางกับคนอื่นๆ เคลื่อนไหวคนเดียวในความว่างเปล่า เดินพลางใคร่ครวญพลาง
เขาย่อมไม่ไปถึงแดนสุขาวดีตะวันตกถามเหล่าพุทธตรงๆ ว่า ‘ช่วงนี้ทุกคนวุ่นกับอะไรอยู่หรือ?’
มิพักเอ่ยว่าทุกคนไม่มีทางบอกเขา เขากล้าไป ผู้ทรงอำนาจแห่งศาสนาพุทธทั้งหมดเช่นทีปังกรพุทธะจะต้องยินดีหยุดเขาไว้ที่แดนสุขาวดีตะวันตกตลอดกาลแน่
ปัจจุบันยังไม่ได้ยินข่าวว่าศาสนาพุทธสายหลักวางแผนอะไร อีกฝ่ายเก็บข้อมูลไว้แน่นหนายิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอคิดตามสืบ จำเป็นต้องเปลืองความคิดส่วนหนึ่ง
กระนั้นก็ไม่ใช่ไร้เบาะแสให้พูดถึงเลย
กะประมาณว่าแดนสุขาวดีตะวันตกส่งกำลังคนไปมากมาย การเคลื่อนไหวใหญ่โตแบบนี้ ยากจะไม่เผยร่องรอยใดเลย
ก่อนหน้านี้ไม่พบเลศนัย อาจเพราะสังเกตไม่เห็น ตอนนี้ในเมื่อพบปัญหาแล้ว มีความคิดไปค้นหา เรื่องราวที่ก่อนหน้าไม่ทันสังเกต ตอนนี้พอมองดูอีกรอบ กลับไม่ปกติแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอติดต่อกับเจ้าแม่อู๋ตังก่อน
ก่อนหน้านี้อาการบาดเจ็บหายดี หลังจากสร้างสวรรค์ชื่อหมิงเหอหยาง เจ้าแม่อู๋ตังก็รับควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียนแทนนางเซียนอวิ๋นเซียว ปกติแล้วรวมกับความว่างเปล่า ไม่ปรากฏตัวให้เห็น
นางเองก็กำลังจับตาการเคลื่อนไหวของขุมกำลังอื่นในระดับหนึ่ง มาโดยตลอดเช่นกัน
เป็นเพราะการดำรงอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน นี่เป็นความได้เปรียบที่ยอดฝีมือระดับมหาชาลไม่มี
แน่นอนว่าคนในสำนักเต๋าที่แต่ละฝ่ายให้ความสนใจมากที่สุด ก็คือนางกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่จับตามองคนอื่นแบบหน้าแนบหน้า ทางเจ้าแม่อู๋ตังยากจะมีข้อสรุปโดยตรงเช่นกัน แต่ว่าข่าวสารกระจัดกระจายมือแรกสุดมีมากมาย เยี่ยนจ้าวเกอเอามาจากนางได้ นี่ก็ล้ำค่ามากแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งไปด้านหน้า เข้าใกล้อาณาบริเวณที่โถงเซียนต่อสู้กับแดนสุขาวดีบัวขาว
เขาไม่ได้เข้าใกล้ต่อ ที่นั่นปัจจุบันสู้รบเป็นตาย ไม่เกี่ยวข้องกับเขานัก
เยี่ยนจ้าวเกอเพียงสงบใจอดทนรออยู่ใกล้ๆ
การคุกคามของค่ายกลลงทัณฑ์เซียนต่อแต่ละฝ่ายล้วนเหมือนกัน แต่ว่าเส้นทางนอกรีตสองเส้นทางแบกรับผลลัพธ์นั้นไม่ไหวมากเป็นพิเศษ ดังนั้นการคุกคามที่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนส่งผลต่อพวกเขาจึงเห็นได้โดยตรงมาตลอด
สำนักเต๋าสายหลักย่อมต้องยกระดับการข่มขวัญนี้สู่จุดสูงสุด เหมือนแขวนกระบี่ไว้เหนือศีรษะ เล็งไปที่โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว
เนิ่นนานให้หลัง ในความว่างเปล่าพลันเกิดการสั่นไหวเบาๆ ปรากฏประกายกระบี่กระจ่างหลายสาย กอปรกันเป็นโลกใบหนึ่ง ครอบคลุมเยี่ยนจ้าวเกอ
อยู่ในโลกใบนี้ ข้างหูเยี่ยนจ้าวเกอแว่วเสียงเจ้าแม่อู๋ตัง “จ้าวเกอมีเรื่องใดจึงตั้งใจมาที่นี่?”
“หนึ่งยินดีหนึ่งกังวล ตั้งใจมาปรึกษากับเจ้าแม่” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“ยินดีจากไหน กังวลจากที่ใด?” เจ้าแม่อู๋ตังถาม
เยี่ยนจ้าวเกอพูดรเรื่องน่ายินดีก่อน “ไท่อี้จินหยินกับมหาเทพสมุทรตรีภพ ผู้ยิ่งใหญ่อาวุโสสองท่านแห่งหยกพิสุทธิ์ของพวกเรากลับมาแล้ว เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของมหาเทพสมุทรตีภพในตอนนี้ยังไม่สู้ดีเท่าไหร่”
ในยุคโบราณตอนต้นแม้ว่าจะไม่ถูกกับศิษย์สายหยกพิสุทธิ์ แต่ตอนนี้ในยุคสมัยนี้ เจ้าแม่อู๋ตังไม่ได้สนใจมากนัก เห็นด้วยกับคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ “ไม่เลว เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างแท้จริง”
“ทว่านอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงความสงสัยเกี่ยวกับแดนสุขาวดีตะวันตกของตัวเอง “ไม่ทราบว่าช่วงนี้เจ้าแม่อู๋ตังพบการเคลื่อนไหวผิดปกติใดทางศาสนาพุทธสายหลักหรือไม่?”
เจ้าแม่อู๋ตังมิได้ตอบทันที หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวว่า “บางทีมีเรื่องควรค่าให้สนใจ”
“สันนวสะเข้าออกแดนสุขาวดีตะวันตกสองครั้ง แต่ละครั้งเว้นช่วงสั้นมาก” นางกล่าวอย่างแช่มช้า “ฟังเจ้าพูดว่าแดนสุขาวดีตะวันตกอาจมีแผนการ ตอนนี้มานึกดู บางทีเรื่องนี้อาจไม่ปกติ”
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าเล็กน้อย “พระสันนวสะเถระนั่นน่ะหรือ?”
พระสันนวสะเถระ หนึ่งในห้าร้อยอรหันต์แห่งแดนอภิรดีศูนย์กลางฬฯยุคโบราณตอนกลาง แตกฉานพระธรรม พลังไม่ธรรมดา
แต่ว่าพูดถึงการบำเพ็ญและพลัง ยังไม่มากพอจะทำให้เจ้าแม่อู๋ตังให้ความสำคัญ
ดังนั้นตอนนี้พอตั้งใจพูดถึง ก็บ่งบอกถึงเรื่องบางอย่าง
เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงฉลากอีกอย่างบนตัวพระสันนวสะเถระโดยอัตโนมัติ
ศิษย์ของพระอานนท์
ยุคโบราณตอนกลาง ในหมู่ศิษย์ผู้สืบทอดจำนวนมากของพระศรีศากยมุณีพุทธเจ้าบนแดนอภิรดีศูนย์กลาง มีสองท่านที่มีชื่อเสียงถึงขีดสุด
พระกัสสปะ และพระอานนท์
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อมโยมถึงพระอานนท์จากตัวพระสันนวสะเถระโดยอัตโนมัติ
เขาเชื่อว่าเจ้าแม่อู๋ตังมีความคิดเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นพระมหากัสสปะ หรือว่าพระอานนท์ ต่างมรณะไปในการเปลี่ยนแปลงใหญ่ของแดนอภิรดีศูนย์กลางที่พระเมตไตรยพุทธเจ้าสร้างขึ้นในช่วงปลายของยุคโบราณตอนกลาง หรือช่วงต้นของยุคโบราณปัจจุบัน
ทว่าเหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงพระอานนท์จากพระสันนวสะเถระได้ง่ายๆ สามารถนึกเชื่อมโยงถึงพระยูไลแห่งเขาหลิงซานในอดีตจากตัวพระอานนท์ได้ง่ายๆ เช่นกัน
“พระศรีศากยมุณีพุทธเจ้า หรือว่าเจ้ามรรคาจุ่นถีทิ้งอะไรไว้หรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วมุ่น “ไม่เคยได้ยิน นอกจาก...”
เสียงของเขาขาดช่วง
ไม่เหมือนกับที่บรมครูสามพิสุทธิ์ทิ้งของวิเศษอย่างธงหกวิญญาณ กระบี่แหนเขียว และหยกหรูอี้ไตรรัตนะเอาไว้ จุ่นถีเต้าหยินที่หลุดพ้นไปแล้วเหมือนกัน คล้ายกับไม่ได้ทิ้งของวิเศษติดตัวอันใดไว้
ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้ทิ้งของล้ำค่าใดเอาไว้หลังจากกลายเป็นพระยูไลแห่งเขาหลิงซานแล้วหลุดพ้นไป ครั้งกระโน้นของวิเศษที่เขาใช้สั่นสะเทือนใต้หล้าในยุคโบราณตอนต้น ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีชิ้นไหนถูกส่งต่อมา
ถ้าหากว่ามีสิ่งของอย่างต้นสัตตรัตนะ(เจ็ดวิเศษ) หรือไผ่ชำระพิสุทธิ์หกราก เยี่ยนจ้มวเกอเชื่อว่าพวกทีปังกรพุทธะ กับพระโพธิสัตว์กวนอิมจะต้องไม่พลาด ไหนเลยรอจนถึงวันนี้ผ่านไปหลายปีค่อยออกค้นหา
หากต้องบอกข้อยกเว้น เช่นนั้นก็มีแต่สารีริกธาตุศากยมุณีเหล่านั้นที่ดึงดูดมหาวิทยราชมยุรีแล้ว…
เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอหยุดลง เสียงของเจ้าแม่อู๋ตังดังขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนเจ้าจะคิดได้แล้วเช่นกัน นี่เป็นเรื่องราวที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดหลังจากข้าพิจารณา”