ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1672 ข้าส่งท่านสรรพวิชาล้วนว่างเปล่า
ต้องการสร้างการผ่าความขมุกขมัว ตอนหมาป่าขุยมู่มีการเคลื่อนไหว ช่วยเหลือสตรีอาภรณ์น้ำเงินจากการโจมตีของจอมยุทธศาสนาพุทธแห่งแดนสุขาวดีบัวขาว เยี่ยนจ้าวเกอก็คอยจับตาดูมาตลอด สัมผัสได้ว่าจังหวะเวลามาถึงแล้ว
ผู้ที่หมาป่าขุยมู่ให้ความสนใจคือไป๋ฮวาซิว ตอนที่ความสนใจนี้ในที่สุดเปลี่ยนเป็นการเคลื่อนไหวในความเป็นจริง ถึงแม้มิอาจแยกแยะได้ว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะพัฒนาอย่างไร แต่เยี่ยนจ้าวเกอทราบดีว่า การยกระดับของสถานการณ์เป็นเรื่องจำเป็น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ตนเองย่อมยกระดับความระวังให้สอดคล้อง
ดังนั้นทันทีที่หมาป่าขุยมู่ชิงตัวไป๋ฮวาซิว เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงที่ได้รับข่าวจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ก็เดินทางรุดมาทางนี้ทันที เพื่อให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
เป็นอย่างที่คาด หมาป่าขุยมู่กับเซียนหัวมังกรตามหาพุทธะแดนสุขาวดีบัวขาวมาชำระล้างไป๋ฮวาซิว ในกระบวนการชำระล้างนี้ เกิดเหตุแทรกซ้อน ความเปลี่ยนแปลงหนุนเนื่องมา
ตอนแรกเป็นยอดฝีมือแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกไล่ตามหา จากนั้นพุทธะที่ชำระล้างไป๋ฮวาซิวก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าโอกาสมาแล้ว ตนเองก็เข้าใกล้เช่นกัน
ผลคือหลี่ว์เยว่แห่งโถงเซียนโผล่มา
โชคดีเยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงรุดมาถึงเช่นกัน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปขวางทางหลี่ว์เยว่ ตัวเขาฉวยโอกาสบรรลุถึงทางนันทิเกศวรติ้งกวงและไป๋ฮวาซิว
ขณะมองแสงพุทธที่ส่องระยิบระยับไม่หยุด เยี่ยนจ้าวเกยกมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือออกอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
พร้อมกับที่ใช้คัมภีร์เบิกนภา แขนของเขากลายเป็นรูปร่างคล้ายขวานไม่คล้ายขวาน คล้ายธงไม่คล้ายธง ฝ่ามือเดียวเปิดผ่าฟ้าดิน แหวกแสงพุทธนั้นออก
ในแสงพุทธนั้นปรากฏบัวขาวดอกหนึ่ง
พุทธะกายทององค์หนึ่งนั่งขัดสมาธิบนแท่นบัว สองมืออยู่ในสภาพโอบกอด อ้อมวนความว่างเปล่า กลางฝ่ามือกลุ่มปราณอันขมุกขมัวเต็มไปด้วยสีสันต่างๆ กลุ่มหนึ่ง กำลังถูกท่านโอบในอ้อมอก
ในกลุ่มปราณ สตรีอาภรณ์น้ำเงินนางนั้นใบหน้าสบสน ดวงตาไร้แวว สูญเสียความคิดขัดขืน
ถึงรอบๆ ตัวนางจะมีแสงวิเศษพลังศรัทธากำลังส่องระยิบระยับ ถึงขั้นกระจายอยู่ทั่วผิวพุทธะ ทว่ากลุ่มปราณที่ขมุกขมัวเต็มไปด้วยสีสันไม่อาจก่อเกิดการหยุดชะงัก
‘นันทิเกศวรติ้งกวง?’ เห็นหน้าตาของพุทธะองค์นั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็จดจำอีกฝ่ายได้
พอเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอพลันกลอกตาขาว
ถึงจะมองออกว่านันทิเกศวรติ้งกวงชำระล้างไป๋ฮวาซิว คล้ายประสบความยุ่งยาก
ทว่าท่าทางของอีกฝ่ายในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการใช้วิชาของตัวเองดูดบำรุงไป๋ฮวาซิว
“ท่านนี่ก็จริงๆ เลย…” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าพิลึก “ให้ท่านมาช่วยชำระล้างไป๋ฮวาซิวเข้าสู่ศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีต ผลคือท่านพานจะปลูกทุ่งหญ้าเขียวขจีผืนหนึ่ง[1] ไว้บนศีรษะหมาป่าขุยมู่หรือ?”
นันทิเกศวรติ้งกวงเห็นเยี่ยนจ้าวเกอโผล่มา ตกใจหน้าถอดสี
ท่านไม่สนใจจะตอบ คว้ามือหนึ่งใส่ไป๋ฮวาซิว ฝ่ามืออีกข้างผลักไปด้านหน้า โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอตรงหน้าพร่ามัว สภาพเหมือนกับเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ขมิ้นร้องเพลงนางแอ่นระบำ ชาดแป้งฟุ้งหอม โลกตรงหน้าคล้ายเปลี่ยนเป็นสีชมพูผืนหนึ่ง เสียงมนตราบทดสวดมนต์หายไปข้างหู เหลือเสียงเซื่องซึมต่อเนื่อง
เสียงไม่ดังเท่าใด แต่ว่าวนเวียนอ้อยอิ่ง แทรกซึมทุกที่ แผ่ซ่านสู้ก้นบึ้งจิตใจ
ตัณหาที่ล่อลวงสายหนึ่ง ลอยขึ้นโดยมิอาจกดทับ ให้จิตใจคนงุ่นง่าน
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ ยังคงใช้ธงเบิกนภา ทำลายโลกสีชมพูตรงหน้าทันที
นันทิเกศวรติ้งกวงปวดศีรษะรุนแรง หนำซ้ำหางตาของเขายังเห็นชัดเจนว่า ลมพายุสีเหลืองสายหนึ่งไกลออกไปสลัดหลุดการพัวพันของตะเกียงทองบัวเขียว กำลังมุ่งหน้ามาทางตนด้วยความเร็วสูง
เด่นชัดว่าเป็นหมาป่าขุยมู่มหาเทวะเสื้อเหลืองที่สัมผัสได้ว่าสภาพการณ์ทางด้านนี้ไม่ถูกต้อง ในที่สุดก็สลัดหลุดจากพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก รีบกลับมา
ตอนนี้นันทิเกศวรติ้งกวงร้อนรนแล้ว จับจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด
“พระพุทธองค์เมตตา” นันทิเกศวรเปล่งเสียงสรรเสริญคุณ แสงพุทธบนร่างรุนแรงเจิดจ้าถึงขีดสุด
แสงสว่างที่เหมือนเครื่องเคลือบผสมกับกลุ่มปราณห้าสี แสดงร่างแปลงอีกร่างหนึ่งของนันทิเกศวรติ้งกวง
แสงสว่างไหลเวียน พุทธรูปขนาดมหึมายิ่งกว่าองค์หนึ่งปรากฏ
เพียงแต่พุทธรูปองค์นี้มองไปค่อนข้างแปลกประหลาด สองร่างหันหน้าโอบกอดด้วยกัน
พุทธะองค์นั้นใบหน้าดุร้าย เป็นสภาพเทวราชถลึงตา ไฟโทสะริบหรี่วนเวียน
สตรีที่ท่านโอบกอดร่างเปลือยเปล่า องคาพยายมสะคราญสุดขีด ส่วนโค้งส่วนเว้าเย้ายวน ปรากฏความงาม ทำให้คนพอมองเส้นเลือดโป่งพอง จิตใจลุกไหม้
ทว่าสีหน้าของสตรีนางนี้กลับกระจ่างแจ้ง เคร่งขรึมจริงจัง
การเคลื่อนไหวของทั้งสองแม้กำลังกอดกระหวัด แต่ยามคนมอง ขณะไฟตัณหาลุกไหม้ ในใจกลับเกิดความรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
ด้วยความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ จิตใจยังสั่นไหวเล็กน้อย มีเค้าลางโยกคลอน
พุทธะกับหญิงงามที่โอบกอดกันหันข้างให้เยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นยื่นมือซ้าย ยื่นมือขวา ฟาดใส่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน
คนหนึ่งยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม กลับบ้าคลั่งดุร้าย
อีกคนเหมือนกระชากวิญญาณ กลับทั้งบริสุทธิ์ปลอดโปร่ง
หลักกฎเกณฑ์ผสมผสาน ขณะที่จิตรองรับกัน ก็กลายเป็นมหานที กลายเป็นวังวน กลายเป็นลูกคลื่น ต้องการกลืนเยี่ยนจ้าวเกอหายไป
“สมกับเป็นคนที่เคยขึ้นสู่มหาชาลมาแล้ว ทั้งครอบครองวิชาพุทธ รวมข้อดีของสองฝั่ง แม้จะเข้าสู่เส้นทางนอกรีต ก็มิอาจดูแคลน” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสงบจิตใจของตัวเอง ทางหนึ่งถอนใจชมเชย
ขณะเดียวกันมือของเขาไม่ช้าลง บุปผาจิตรวมบนศีรษะ แว่วเสียงระฆัง
สามคัมภีร์ก่อนกำเนิดแรกเริ่มรวมเป็นหนึ่ง แสดงความลี้ลับมหัศจรรย์ของการเปิดผ่าความโกลาหลแรกสุด และการเริ่มต้นของฟ้าดิน วิถีอันงดงามไร้สิ้นสุดและพลังอันยิ่งใหญ่เหลือประมาณปรากฏเป็นประจักษ์พร้อมกัน ท่าโกลาหลเปิดเอกะ พุ่งใส่มหามุทราอยนัตตานันทิเกศวรของนันทิเกศวรติ้งกวง
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะที่สำเร็จมรรคาผลศาสนาพุทธเผชิญกับการโจมตีนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ยังต้องปลุกปลอบจิตใจหลายส่วนเพื่อรับมือ ตอนนี้นันทิเกศวรติ้งกวงที่ถูกแสงวิเศษพลังศรัทธารบกวนจะต้านทานได้อย่างไร?
พลังที่เหมือนกับต้องการแสดงการผ่าความขมุกขมัว และจุดเริ่มต้นของธรรมชาติ บดขยี้ฝ่ามือของพุทธะและหญิงงาม!
ทำลายแขนของพวกเขา!
จากนั้นก็ทำลายกายของพวกเขา!
เทวราชถลึงตา หญิงสะคราญอ้อนแอ้น ต่างพินาศใต้ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ
เหมือนกับนี่จึงเป็นสรรพวิชาล้วนว่างเปล่า
ต่อให้นันทิเกศวรติ้งกวงลงมือสุดกำลัง ร่างธรรมเทวราชนันทิเกศวรที่โอบกอดกันยังถูกการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เกรี้ยวกราดของเยี่ยนจ้าวเกอทำลายเป็นผุยผง!
เยี่ยนจ้าวเกอสภาวะมือไม่หยุดยั้ง กระแทกพุทธะองค์นี้ลื่นไหลล้มคว่ำจากบัวขาว
แก่นเซียนยากทำร้ายเซียนสวรรค์ทมหาชาล
นันทิเกศวรติ้งกวงแม้ทุลักทุเล แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
เพียงแต่ใกล้มีเยี่ยนจ้าวเกอ ไกลมีหมาป่าขุยมู่ ตนเองยังรับการรบกวนจากแสงวิเศษพลังศรัทธาบนร่างไป๋ฮวาซิว หน้าหลังรับศัตรู นันทิเกศวรติ้งกวงสิ้นหวัง
“ถอยไป!” ท่านคว้าไป๋ฮวาซิวในมือ ตวาดใส่เยี่ยนจ้าวเกออย่างดุร้าย
นันทิเกศวรติ้งกวงทราบว่าไป๋ฮซาซิวไม่มีความเกี่ยวข้องส่วนตัวกับเยี่ยนจ้าวเกอ แต่เยี่ยนจ้าวเกอมาหาเรื่อง สมควรเป็นเพราะความเกี่ยวข้องของไป๋ฮวาซิวและหมาป่าขุยมู่
ตอนนี้ไม่ว่าจะเผชิญกับเยี่ยนจ้าวเกอหรือเผชิญหมาป่าขุยมู่ ไป๋ฮวาซิวต่างเป็นแต้มต่อที่ใหญ่ที่สุดในมือท่าน
ทว่าในตอนนั้นเอง ด้านข้างเยี่ยนจ้าสวเกอพลันเพิ่มกลองใหญ่ใบหนึ่ง
เขาฝีเท้าไม่หยุด ทางหนึ่งเดินไปหานันทิเกศวรติ้งกวง ทางหนึ่งตีกลองใหญ่
เสียงกลองดังขึ้น นันทิเกศวรติ้งกวงพลันชะงัก
วินาทีต่อมา ไป๋ฮวาซิวในมือเขาตกไปสู่การควบคุมของเยี่ยนจ้าวเกอ
ขณะเดียวกัน ในมือเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มลูกตุ้มโกลาหล ทุบใส่ทีหนึ่ง ฟาดนันทิเกศวรติ้งกวงจนกลิ้งเหมือนน้ำเต้าอีกรอบ!
………………..
[1] ปลูกทุ่งหญ้าเขียวขจีนี้ มาจากสำนนวนสวมหมวกเขียว ซึ่งหมายความว่าเป็นชู้ ปลูกทุ่งหญ้าเขียวเป็นขั้นกว่าของการสวมหมวกเขียว