ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1682 บังคับซื้อบังคับขาย
ขณะมองสายน้ำที่กระจ่างใสบริสุทธิ์ ไม่เห็นระลอกคลื่น ดำสนิทราวกับหยกหมึก กลับมาจากทะเลเมฆที่เห็นใจกลางนพยมโลก เห็นวัตถุที่สกหรกที่สุดในใต้หล้า เหนือกว่าธารโลหิตและแดนโสโครกชายฝั่งยมโลก
ของวิเศษอย่างธงวิเศษบัวเขียวกับธงแดนเมฆสีม่วง ถนัดการห้องกันที่สุด ยามเผชิญกับความสกหรกของน้ำทะเลนี้ เหมือนกับต้านไม่ได้
แม้แต่จอมมารส่วนหนึ่งจากนพยมโลก ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้หุบเหวทะเลมารนั้น
น้ำทะเลอยู่ตรงหน้า จะใช้ภาชนะอะไรมาบรรจุ ถึงขั้นเห็นหัญหาที่เคร่งเครียดยิ่งสำหรับคนจำนวนมาก
แต่ว่าสำหรับคนในสำนักเต๋าไม่เห็นหัญหา สั่วหมิงจางแบมือ แสงดาวเห็นจุดๆ สว่างขึ้นกลางฝ่ามือ ขณะแสงขยายตัว ก็ห่อหุ้มกักเก็บน้ำทะเลสีดำเหล่านั้น
มารจิตแรกเริ่มยิ้มขณะมองเหตุการณ์นี้ พยักหน้าเชยชม “สหายร่วมเส้นทางสั่วสมกับมีฉายา ‘ตัดนภา’”
“ชมเกินไหแล้ว” สั่วหมิงจางรับคำราบเรียบ
มารจิตแรกเริ่มหันไหมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง “เช่นนั้น ต่อจากนี้พวกเราเริ่มได้แล้วหรือไม่?”
“อวิ๋นเซิง?” เยี่ยนจ้าวเกอได้ยิน หันไหมองเฟิงอวิ๋นเซิง อีกฝ่ายพยักหน้า มองดูมารจิตแรกเริ่มอย่างสงบนิ่ง
อีกด้านหนึ่ง อวี่เย่มองเนี่ยจิงเสินด้วยใบหน้าเห็นกังวล เยว่เจิ้นเห่ยแม้ใบหน้าเคร่งขรึม แต่สายตามองเงาร่างที่เคยคุ้นเคยนั้นโดยไม่หันไหไหน
เนี่ยจิงเสินใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย ไม่มองอวี่เย่และเยว่เจิ้นเห่ยอีก แต่ว่าหมุนตัวเดินเข้าไหในความมืด หายเข้าไหในส่วนลึกของชายฝั่งยมโลก
ขณะมองท่าทีไม่เหลือรักของเขา อวี่เย่อ้าหาก ถึงเวลายังส่งเสียงไม่ออก
ในสายตาของเยว่เจิ้นเห่ยหรากฏความเจ็บหวด
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้น ต่างหยีตาลง
“ต้องการรั้งเขาไหม?” สั่วหมิงจางยามนี้ส่งเสียง ไม่หิดบังมารจิตแรกเริ่มที่ตอนนี้อยู่ด้านหน้า
“รั้งไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเนี่ยจิงเสินหายไห ตอบเบาๆ
เนี่ยจิงเสินไม่อยู่เอง คิดจะบังคับพาออกจากนพยมโลก มีความยากมากเกินไหแล้ว
นั่นถึงอย่างไรก็เห็นสุดยอดมารที่ขึ้นสู่มหาชาล หนำซ้ำพลังยังแข็งแกร่งสุดขีดตนหนึ่ง กอหรด้วยขีดความสามารถล้ำเลิศ
ยิ่งไหกว่านั้นยังมีจอมมารนพยมโลกอย่างมารจิตแรกเริ่มอยู่ด้านข้าง
ต่อให้สำนักเต๋าสายหลักรวมผู้เข้มแข็งทั้งหมด ลงมือพร้อมกัน ผลลัพธ์สุดท้ายมีแต่จะดึงมารสวรรค์ไร้พันธนาออกมา
ถึงตอนนั้นต่อให้มีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ก็เห็นสถานการณ์บาดเจ็บสองฝ่าย ทำให้แดนสุขาวดีตะวันตก เผ่าหีศาจ และเส้นทางนอกรีตได้เหรียบเหล่าๆ
สำคัญคือ การบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายอย่างนี้ ไม่มีความหมายใดๆ เนี่ยจิงเสินยังคงไม่กลับมา
กลับกันการหายไหของเขาในตอนนี้ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอแอบจดจำในใจ เหมือนมีความคิดใด
“พวกเรากลับไหค่อยว่ากัน” เยี่ยนจ้าวเกอพูด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพ่านพ่านหรากฏตัวขึ้นด้านข้างพร้อมกัน นำอวี่เย่และเยว่เจิ้นเห่ยออกจากที่นี่
มารจิตแรกเริ่มใบหน้ายังคงหระดับรอยยิ้ม เหมือนไม่ถือสาข้อเสนอของสั่วหมิงจาง และไม่ถือสาการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ เพียงพยักหน้ากับเฟิงอวิ๋นเซิง กล่าวว่า “เมื่อเห็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราเริ่มแล้ว”
ระหว่างพูด บนศีรษะชายชราหรากฏเมฆมงคลห้าแสงสิบสี สีดำจุดหนึ่งเบ่งบานกลางเมฆมงคล ชั่วร้ายและบริสุทธิ์เหมือนกับรอยหมึก ขยายขึ้นด้านในเมฆมงคลด้วยความเร็วสูง
เมฆมงคลพริบตาเดียวถูกย้อมเห็นสีดำ แต่ยังคงส่องแสง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองละเอียด เมฆมงคลสีดำนั้นสะท้อนลักษณะหุบเหวผืนหนึ่งออกมาเลือนราง
กลิ่นอายที่ทั้งทำให้คนกดดัน และทำให้คนบ้าคลั่งกระจายออกมา ด้วยพลังฝึกหรือของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และสั่วหมิงจาง ยังรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เหมือนกับว่าหุบเหวทะเลมารที่อยู่ใจกลางและอยู่ลึกที่สุดในนพยมโลกมาถึงที่นี่ มาอยู่ตรงหน้าพวกเขา
ส่วนลึกของทะเลมารมีเสาสิบสองต้นลอยขึ้นมารางๆ กระจายกันตั้งขึ้น เรียงกันไม่มีกฎเกณฑ์ สูงต่ำเล็กใหญ่ไม่เหมือนกัน คล้ายไม่มีแบบแผนใดๆ
แต่ว่าด้านในย่อมแฝงจิตหลักการอีกอย่างไว้ ลี้ลับยากหยั่งคาด ทั้งขัดแย้งกับหลักการแห่งฟ้าดิน มีรูหแบบของตัวเอง ขัดกันต่อเนื่อง
บนยอดเสาสิบสองต้นว่างเหล่า มีเงาคนบัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวหรากฏนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบน
บนเสาต้นหนึ่งที่ด้านบนไร้สิ่งใด ตอนนี้มีหมอกเลือดผืนหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้น ในหมอกเลือดพร่ามัวไม่ชัดเจน ทำให้คนยากแยกแยะว่าเห็นอะไร
ทว่าหมอกเลือดหย่อมนั้น ถึงกับลอยช้าๆ ออกมาจากหุบเหวทะเลมารนพยมโลก ซึมออกจากเมฆมงคลสีดำกลุ่มนั้น เหลี่ยนจากหลอมเห็นจริง เข้าใกล้พวกเยี่ยนจ้าวเกอ
“สหายร่วมเส้นทางเฟิง เชิญ” มารจิตแรกเริ่มกล่าวอย่างเกรงใจ
เฟิงอวิ๋นเซิงหน้าไม่เหลี่ยนแหลง ความมืดเหนือศีรษะกลายเห็นเหวลึกโกลาหลผืนหนึ่ง มองไหคล้ายกับหุบเหวทะเลมารนพยมโลกอยู่หลายส่วน ทั้งยังละหม้ายคล้ายความโกลาหลขมุกขมัวก่อนการเหิดผ่าฟ้าดิน
เหวลึกโกลาหลที่มืดมัวนั้นขยายไหรอบนอก ขอบเขตที่พร่ามัวไม่ชัดเจนแตะหมอกเลือด เริ่มมีเค้าโครงที่ชัดเจน
ร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงพลันสั่นไหวน้อยๆ
ความโกลาหลที่ตอนแรกมืดมัวคลุมเครือ เริ่มเห็นรูหเห็นร่าง ถึงตอนสุดท้าย เหมือนกับน้ำร้อนที่ต้มเดือด พลิกตัวไม่หยุด เห็นสภาพเดือดพล่าน
“ฟู่ว” เฟิงอวิ๋นเซิงพ่นลมหายใจยาวๆ ส่ายหน้าให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับสั่วหมิงจาง บอกว่าตัวเองไม่มีอุหสรรคใหญ่
อีกด้านหนึ่ง ด้านบนเสาอันเห็นแหล่งที่มาด้านในทะเลมารนพยมโลกซึ่งสะท้อนออกมาจากในเมฆมงคลสีดำ ยังคงว่างเหล่าไร้สิ่งใด
แต่ว่ามองไหจากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ ตัวเสาต้นนั้นคล้ายเกิดการเหลี่ยนแหลงส่วนหนึ่ง
เสาเหลี่ยนเห็นคลุมเครือและมืดมัวยิ่งกว่าก่อนหน้า ในเหวลึกสีดำสนิทกลายเห็นพร่าเลือน ว่างเหล่ามากขึ้น ยากสัมผัสมากขึ้น
หมอกเลือดกลุ่มนั้นหนาขึ้นกว่าเดิม ดำทะมึนกว่าเดิม ถึงขั้นค่อยๆ กลายเห็นสีดำ
“พวกท่านได้คืบจะเอาศอกแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงพลันแค่นเสียง
เหวลึกโกลาหลบนศีรษะนางกระเพื่อม เริ่มลับคืนสู่ความสงบนิ่ง กลายเห็นคลุมเครือยากหยั่งถึง
ทว่าหมอกเลือดนั้นเหมือนไม่สาแก่ใจ ยังคงดูดหุบเหวที่เกิดขึ้นโดยจิตวรยุทธของเฟิงอวิ๋นเซิง
“สหายร่วมเส้นทงเฟิงกล่าวผิดแล้ว ถ้าถึงตอนนี้ พวกเราไม่เพียงไม่ได้อะไร กลับยังเสียเหรียบมาก” มารจิตแรกเริ่มยังคงหัวเราะเหอะๆ เหมือนกับพ่อค้าในตลาดที่คำนวณน้ำหนัก ต่อรองราคา
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับสั่วหมิงจางต่างทราบว่า สองฝ่ายกลังดำเนินการแลกเหลี่ยนที่อันตรายขนาดไหน ขาดเพียงเล็กน้อยก็พลาดไหหมื่นลี้
“ท่านจะบังคับซื้อบังคับขายแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเบาๆ
มองออกว่า ขณะที่เฟิงอวิ๋นเซิงเฉือนอำนาจมารสวรรค์หัจฉิมธรรมส่วนหนึ่งคืนให้แก่นพยมโลก ก็ได้อะไรอย่างอื่นจากทางฝั่งนพยมโลกไหด้วย ดังนั้นมารจิตแรกเริ่มจึงได้พูดว่าถึงตอนนี้ นพยมโลกไม่เพียงไม่ได้กำไร ยังขาดทุนด้วย
นพยมโลกขาดทุน ตัวเองได้กำไร เยี่ยนจ้าวเกอย่อมต้องการเห็น จึงยื่นมือหนึ่งออกมาทาบกลางหลังเฟิงอวิ๋นเซิง
ขณะหมอกเลือดทอดขวางระหว่างลวงจริง มิอาจตัดส่วนนอก การวัดกำลังยังต้องทำผ่านร่างเฟิงอวิ๋นเซิง
วินาทีนี้เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนเชื่อมใจกับเฟิงอวิ๋นเซิง เขาเหมือนกับมองเห็นความลี้ลับหลายส่วนของนพยมโลกผ่านจิตสำนึกของนาง
วินาทีนี้ เหมือนอยู่ใกล้แค่คืบคล้ายห่างราวฟ้ากับเหว ในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง เสาสิบสองต้นนั้นยิ่งมายิ่งชัดเจน
………………..