ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1683 มารจิตฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
เสาสิบสองต้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชัดเจน วินาทีนี้เหมือนกับมีใบหน้าคนลอยขึ้นในหมอกเลือด
ใบหน้าทั้งหลายมีทั้งชายทั้งหญิง มีทั้งแก่ทั้งเด็ก ส่วนใหญ่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกแปลกหน้า
ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอที่ตั้งใจศึกษาวิถีมารนพยมโลก สาเหตุที่แปลกหน้าเป็นเพราะไม่เคยเจอและไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านี้จริงๆ
แต่ว่าใบหน้าคนส่วนหนึ่งด้านใน เขาเคยเห็นร่องรอยภาพเงา
คนเหล่านี้ล้วนเป็นเปลือกร่างของเทพมารสวรรค์แต่ละตนตั้งแต่ยุคบรรพกาลซึ่งเป็นช่วงเริ่มของฟ้าดิน ผ่านการเวลาอันยาวนานจนถึงวันนี้
ถึงภายหลัง ปรากฏคนคุ้นเคยของเยี่ยนจ้าวเกอ
โอวสือหยางที่เคยประกระบี่กับปู่ของเขาหลายรอบ ฉู่หวนบิดาของฉู่หลีหลี จนกระทั่งตัวฉู่หลีหลีและเฉินเสวียนจง ยังมีอิ๋งอวี่เจินมารดาของสือจวิน
ท้ายสุด ภาพคนที่ปรากฏตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง เป็นเนี่ยจิงเสิน
แต่ว่าแตกต่างกับเงาคนของคนอื่น ภาพเงาของเนี่ยจิงเสินค่อยๆ ผนึกกลายเป็นความจริง ตั้งอยู่ระหว่างเสาสิบสองต้นนั้น
ด้านข้างเขายังมีเงาดำที่มืดสลัวยิ่งกว่าสายหนึ่งยืนเคียงไหล่
‘เป็นอย่างที่คาด มารไม้อิกกับ…มารทองแก’ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ประหลาดใจ
มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมไม่ได้จุติอย่างแท้จริง ยื้อยันช่วงชิงอำนาจกับเฟิงอวิ๋นเซิงไปมา ย่อมจำเป็นต้องมีจอมมารตนอื่นๆ จัดการแทนที่
มารสวรรค์ไร้พันธนาที่เป็นเจ้ามรรคากริ่งเกรงเจ้ามรรคาคนอื่นๆ กับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ไม่เหมาะจะออกโรงด้วยตัวเอง เช่นนั้นผู้ที่ดำเนินพิธีวัดกำลังกับเฟิงอวิ๋นเซิง จะต้องเป็นคนในหกสุดยอดมารแน่
มารเงาในนี้มีสถานการณ์พิเศษ เพียงคอยช่วยจากด้านข้าง หลักๆ ย่อมเป็นเนี่ยจิงเสิน
ในตอนนี้เฟิงอวิ๋นเซิงถึงขั้นเกิดความรู้สึกยืนประจัญหน้ากับเนี่ยจิงเสิน สองคนสบตากันโดยตรง
ในทะเลลึกนกพยมโลก ประกายกระบี่สีทองหม่นทั่วร่างเนี่ยจิงเสินพุ่งขึ้นฟ้า เปลี่ยนจากราบเรียบไร้ความประหลาดเป็นเผยความแหลมคมทั้งหมดในพริบตา
ประกายกระบี่ทรงพลังผนึกรวา วินาทีนี้หดตัวไร้ขอเบขต สูยเสียความรู้สึกแหลมคม แต่ว่าหนักอึ้งสุดขีด
มองจากมุมหนึ่ง มีความน่าอัศจรรย์เหมือนหุบเหวของเฟิงอวิ๋นเซิง เป็นคู่ต่อสู้
ยังมีมารเงาคอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง ขณะร่วมมือกัน เฟิงอวิ๋นเซิงมีความรู้สึกหัวเดียวกระเทียมลีบ
โชคดี ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกเผชิญภัยคุกคามนี้พร้อมกับนาง
แต่ว่าขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอมีการเคลื่อนไหว มารจิตแรกเริ่มที่อยู่ตรงข้ามก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว
สาเหตุที่เนี่ยจิงเสินกับมารเงาควบคุมพิธียื้อยันกับเฟิงอวิ๋นเซิง มิใช่มันที่เป็นหัวหน้าแห่งหกสุดยอดมาร เหตุผลอยู่ตรงนี้เอง
“พวกท่านสามีภรรยาที่แล้วมาล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ในเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุยกันดีแล้ว ตอนนี้ไฉนจึงไม่พอใจอย่างนี้อีก” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่พูด ระหว่างสองตาของมันปรากฏแสงสว่างห้าสี
แทบจะเป็นในพริบตา เยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงและ สั่วหมิงจาง ต่างเกิดความรู้สึกหงุดหงิดในใจ จิตใจของตัวเองเปลี่ยนเป็นไม่มั่นคง
“ท่านกล่าวล้อเล่นแล้ว การแลกเปลี่ยนย่อมคุยกันดีแล้ว แต่ว่าแลกเยอะกับแลกน้อยกลับเป็นคนละเรื่อง พวกท่านคิดบังคับขายบังคับซื้อ ออกจะโลภเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ
สั่วหมิงจางที่อยู่ด้านข้างแค่นเสียง ไม่พูดมากความ ต่อยหมัดใส่มารจิตแรกเริ่ม
ทิศทางที่หมัดเขามุ่งไป เหมือนกับชักนำให้ธารดาวทั้งสายเคลื่อนตัวพร้อมกัน พุ่งใส่มารจิตแรกเริ่มอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยสภาวะพาดขวางจักรวาล ทะลุทะลวงเอกภพ
มารจิตแรกเริ่มยิ้มน้อยๆ ยืนอยู่ที่เดิมไม่มีการเคลื่อนไหว ทั้งไม่หลบและไม่ป้องกัน
แต่ว่าร่างของมัน วินาทีนี้กลับเหมือนเปลี่ยนเป็นลวงตา ดำรงอยู่พร้อมกับทุกสิ่งในโลก ต่างออกห่างมา ไม่สัมผัสกันและกัน
พลังอันยิ่งใหญ่ทำลายฟ้าดินของสั่วหมิงจาง สูญเสียเป้าหมาย ทะลุเงาร่างอันลวงตาของมารจิตแรกเริ่ม
“หือ?” สั่วหมิงจางหมัดโดนความว่างเปล่า รีบร้อนเก็บพลัง ฝ่ามือเหมือนกับแทงเข้าไปในอกของมารจิตแรกเริ่ม หยุดนิ่งที่นั่น
ชายชราตรงหน้าเขายังคงยืนอยู่กับที่ ใบหน้าประดับรอยยิ้ม
‘อาการบาดเจ็บมันหายดีแล้ว!’ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้น ตาเป็นประกายพร้อมกัน
มารจิตแรกเริ่มมีอิทธิฤทธิ์ลี้ลับ ไม่เป็นไม่ตาย ไม่เสื่อมไม่ดับ
การดำรงอยู่ส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ต่อให้เป็นผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลเหมือนกัน ต่างยากจะทำร้ายมันในความเป็นจริงได้
จอมมารตนนี้จึงแบ่งร่างได้ไร้สิ้นสุด เหมือนคงอยู่ทุกที่อย่างแท้จริง
มันไม่อยู่ในมิติเวลา แต่ว่าอยู่ในจิตใจของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาทุกชนิด เพียงแต่บางชนิดแปลงรูปร่างได้ บางชนิดทำไม่ได้
ทว่าเรื่องราวในโลกไม่แน่นนอน มักมีคนส่วนน้อยที่ทำร้ายมารจิตแรกเริ่มอย่างแท้จริงได้
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มารจิตแรกเริ่มได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ยิ่งทำให้มันรับการโจมตีได้ง่ายกว่าเดิม
สั่วหมิงจางมีวรยุทธอันน่าภาคภูมิเชื่อมฟ้าดิน เจาะทะลุหลักการลวงจริงแต่แรก ขณะลวงจริงเปลี่ยนแปลง แม้เป็นมารจิตแรกเริ่มในตอนนี้ ก็หลบหลีกการโจมตีของเขาไม่พ้นเช่นกัน
นอกเสียจากว่า อาการบาดเจ็บของมารจิตแรกเริ่มหายดีแล้ว ปรากฏสภาพในตอนที่สมบูรณ์อีกครั้ง!
มารเฒ่าตนนี้ ก่อนหน้านี้เสแสร้งอย่างที่คิดไว้
รอยยิ้มบนใบหน้ามารจิตแรกเริ่มไม่หายไป แต่ว่าประกายแสงห้าสีในสองตาค่อยๆ หายไป ไม่สาดแสงทิ่มแทง ไม่มีสีสันนาๆ อย่างเดิม
แสงในม่านตาของมันวินาทีนี้เหมือนกับแสงอาทิตย์ทั่วไป ไม่สะดุดตา แต่ว่าอบอุ่นอ่อนโยน เป็นธรรมชาติยิ่ง
พอประกายตานี้ปรากฏ แรงกดดันในใจพวกเยี่ยนจ้าวเกอทวีคูณ ปั่นป่วนวุ่นวาย เกิดความคิดฟุ้งซ่าน
วินาทีนี้ตรงหน้าสั่วหมิงจางเหมือนกับมีเงาร่างของเซ่าจวินหวงวูบไหว
สองคนอยู่เคียงกัน ฉากต่างๆ ในอดีตแวบผ่านสมองอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งการจากลาโดยไร้ถ้อยคำในตอนท้าย ผู้ใดทราบบ้างว่าหลังจากลา ก็เป็นการจากลาตลอดกาล
รอจนพบกันอีกครั้ง คนได้จากไปแล้ว ตรงหน้าเป็นเพียงต้นผมขาวที่ผลิดอกอย่างเงียบๆ ต้นหนึ่ง เหลือเพียงความอ้างว้าง
ภาพเงาที่เซ่าจวิงฝากฝังต้นผมขาวไว้ก่อนตาย ใบหน้ารอยยิ้มและเสียงสะท้อนโผล่ขึ้นกลางใจสั่วหมิงจางอย่างต่อเนื่อง เนิ่นนานไม่หายไปไหน
ถึงตอนท้าย ใบหน้าที่ปรากฏด้านหน้าสั่วหมิงจาง ถึงกับเป็นตัวเขาที่สีหน้าไร้อารมณ์
ใบหน้าที่เหมือนเขาเป๊ะนั้น สบตากับเขาอย่างสงบ ถามอย่างเฉื่อยชา “นางไม่อยู่แล้ว เจ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อนาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นไฉนจึงไม่ยอมประนีประนอม? คนตายไปแล้ว ทำแบบนี้ในตอนนี้มีความหมายอันใด?”
“เพียงเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือ?”
เฟิงอวิ๋นเซิงจิตใจขึ้นลงไม่แน่นอนเช่นกัน ประสบการณ์แต่ละฉากของชีวิตในความทรงจำ ปรากฏขึ้นในห้วงสมองไม่หยุด
ชะตาชีวิตตอนยังเด็กบนโลกแปดพิภพขึ้นสูงลงสุด เดี๋ยวขึ้นเดี๋่ยวลง
หลังมาถึงโลกซ้อนโลก ก็ออกเดินทาง เข้าสู่นพยมโลก เกือบสิ้นชีวิต ถึงจะพบความยากลำบากหากไม่ตาย มีโชคในภายหลัง แต่ว่าภายใต้โชคลาภ ยังคงกังวลไม่หยุดหย่อน เหมือนเดินบนพื้นน้ำแข็งบาง
ตลอดทางถึงวันนี้ มุมานะบากบั่น ขยันหมั่นเพียร นับว่าขึ้นสู่ยอดสูงแล้ว แต่ว่าอนาคตอยู่ที่ใด?
มีใบหน้าที่เหมือนกับตัวเองโดยสิ้นเชิงใบหนึ่ง สีหน้าเหมือนทะเลสาบสงบถามว่า “ที่เป็นแบบนี้ในตอนนี้ คือชีวิตที่เจ้าต้องการหรือ? สร้างความรุ่งเรืองแก่สำนักเต๋า? นั่นเป็นความฝันของเยี่ยนจ้าวเกอหรือคนอื่น ความฝันของเจ้าคืออะไร? เป้าหมายในชีวิตของเจ้า ณ ตอนนี้ ก็เพื่อประคับประคองคู่รักของเจ้าหรือ?”
“เจ้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นตลอดกาลหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ทราบว่าสั่วหมิงจางกับเฟิงอวิ๋นเซิงมีสภาพอย่างไร แต่เขาคาดคำนวณว่าคงไม่ต่างจากสภาพของตนมาก
เขาในตอนนี้เลอะเลือนเล็กน้อย ภาพตรงหน้ากำลังเปลี่ยนเป็นมายา
………………..