ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1689 สาส์นท้ารบของนาจา
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้เยว่เจิ้นเป่ย “ข้าจะพยายามเต็มที่”
ทุกคนต่างบอกลาแล้วแยกย้าย อวี่เย่กลับมรกตท่องฟ้าในสวรรค์ชื่อหมิงเหอหยาง สั่วหมิงจางกลับสวรรค์ไท่อันหวงหยา พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย กลับไปฟ้าเหนือฟ้า
หลังร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้สายตาส่งอวี่เย่เข้าสู่มรกตท่องฟ้าในที่ลับแล้ว ค่อยวางใจลง หมุนตัวผละมา
หลังจากกลับถึงฟ้าเหนือฟ้า เยว่เจิ้นเป่ยไปยังเขานครหยก พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็กลับเขากว่างเฉิง
คนบนเขากว่างเฉิงได้ยินรายละเอียดเรื่องราว จิตใจต่างเป็นกังวล รู้สึกห่วงเนี่ยจิงเสิน
แต่ว่า เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ มีแต่ต้องค่อยๆ ว่างแผน ทุกคนต่างรู้ว่ารีบร้อนไม่ได้
หลังเยี่ยนจ้าวเกอกลับเขา ก็ฝึกฝนด้วยตัวเองทันที
สวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียนอกมีเฟิงอวิ๋นเซิงคอยเฝ้า ในเขากว่างเฉิงมีสวีเฟยควบคุม ในสถานการณ์ที่ไม่มีเรื่องพิเศษ ย่อมไม่ต้องให้เยี่ยนจ้าวเกอกังวลใจ
เขาฝึกสามบุปผาบนกระหม่อม ผนึกรวมบุปผาจิตก่อน ก็เพื่อการฝึกฝนต่อมา
หลังจากหนึ่งบุปผารวมบนกระหม่อม เยี่ยนจ้าวเกอก็ต่อสู้กับคู่ต่อสู้มากมายเช่นอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ นันทิเกศวรติ้งกวง
มิพักเอ่ยถึงพุทธะผู้ยิ่งใหญ่อย่างอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะที่สำเร็จมรรคผลศาสนาพุทธ ต่อให้นันทิเกศวรจะเข้าหาเส้นทางนอกรีตเพราะสาเหตุทางประวัติศาสตร์ แต่ว่าในสายตาของผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลเส้นาทงนอกรีต มิอาจมองข้ามพลังได้
ถึงแม้ไม่มีการพัฒนาการในการต่อสู้เป็นตายโดดเด่นเท่าเฟิงอวิ๋นเซิง แต่ว่าการต่อสู้กับยอดฝีมือที่ขึ้นสู่มหาชาลแล้วเหล่านี้ ยังทำให้เยี่ยนจ้าวเกอได้ประโยชน์ไม่น้อย
สิ่งเหล่านี้พอตกตะกอน ก็เป็นพลังช่วยเหลือในการก้าวหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ
เขาต้องการเวลาศึกษาและสั่งสมไม่หยุดย่อน หลังจากทำความเข้าใจหลักการมากมายจนทะลุประโปร่ง ก็เอามาใช้เอง
การเดินบนเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน ขณะที่มีทิวทัศน์ไร้สิ้นสุด ยิ่งขึ้นที่สูง ความยากก็ยิ่งมาก ไม่มีตัวอย่างให้พิจารณา เยี่ยนจ้าวเกอต้องศึกษาด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ในเขาไม่ทราบวันคืน สำหรับคนที่จมจ่อมอยู่ในการฝึกฝนมรรคายุทธ ขณะที่เผลอเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอก็มิใช่ข้อยกเว้น เขาที่เพ่งสมาธิอุทิศใจ ให้ความสนใจโลกภายนอกน้อยยิ่ง มีแต่เรื่องที่สำคัญหรือพิเศษถึงขีดสุดเท่านั้น คนในเขากว่างเฉิงจึงค่อยรบกวนเขา
อย่างเช่น ในที่สุดไท่อี้จินหยินในสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อก็ชำระล้างความเหี้ยมโหดอำมหิตของนาจาสำเร็จ ทำให้มหาเทพสมุทรตรีภพในประวัติศาสตร์ผู้นั้นฟื้นคืนชีพจากเพทภัยตอนเกิดมหาภัยพิบัติ กลับสู่โลกใบนี้อย่างแท้จริง
เยี่ยนจ้าวเกอได้รับข่าวก็รู้สึกยินดี
ไท่อี้จินหยินกับนาจามายังสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย บอกลาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
นาจาในเมื่อหายดีแล้ว ศิษย์อาจารย์สองคนย่อมไม่อาจยึดครองจักรวาลอย่างสวรรค์อู๋จี๋ถานซื่อได้อีกต่อไป พวกเขาเองก็มิใช่ไม่มีที่ให้ไป
นอกจากการบอกลาแล้ว พวกเขายังมาขอบคุณเยี่ยนจ้าวเกอ
“รายละเอียดเรื่องราว ข้าได้ฟังท่านอาจารย์เล่าแล้ว จิตใจข้าสับสน ละทิ้งการควบคุมตัว ทำให้สหายร่วมเส้นทางเห็นเรื่องนาอายแล้ว ยังต้องขอบคุณสหายร่วมเส้นทางช่วยเหลือ ข้าถึงได้ตัวตนแท้จริงคืนมา”
มหาสมุทรตรีภพผู้นี้มีลักษณะเป็นคนหนุ่มที่คิ้วตากระจ่างอย่างในอดีต ระห่างคิ้วแสดงความทะนงตนอย่างรางเลือน แต่ว่าตอนนี้กล่าววาจากับเยี่ยนจ้าเวกอ กลับเกรงใจและจริงใจยิ่ง
ผ่านภัยพิบัติในอดีต ผ่านการทนทรมานหลังจากคืนชีพในหลายปีขนาดนี้ เขาเหมือนกับสุขุมยิ่งกว่าในตำนาน
อย่างน้อยตามที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้ คนผู้นี้ก็มิใช่คนเรียบร้อย
ต่อให้สำเร็จเป็นมหาชาล ต่อให้ก้มมองสวรรค์ชั้นฟ้ามาไม่ต่ำกว่าหนึ่งยุคสมัย แต่ยังคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงนิสัยตอนยังหนุ่ม นิสัยใจร้อนที่ขึ้นชื่อก็ไม่มีเหตุผลอันใด
กล่าววาจาฟังยาก ถือเป็นเด็กโข่งคนหนึ่ง
ไม่เพียงเกเร พลังทำลายล้างยังน่าทึ่ง เป็นประเภทที่มีไม่กี่คนซึ่งสยบได้
ยังดีที่ตอนนี้นาจาคล้ายเยือกเย็นกว่าในภาพประทับใจที่เยี่ยนจ้าวเกอมีมาก
“มหาเทพสมุทรตรีภพเกรงใจแล้ว พวกเรานับเป็นคนเส้นทางเดียวกัน ส่วนที่ช่วยเหลือได้ ข้าผู้แซ่เยี่ยนย่อมต้องลงมือ” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“ยังต้องขอบคุณสหายน้อยเยี่ยน” ไท่อี้จินหยินกล่าวด้วยรอยยิ้มขึ้นด้านข้าง “รบกวนมานาน พวกเราสมควรลาแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันไม่แน่ว่าภายหลังจะมีโอกาสได้ช่วยเหลือกันอีก ถ้าสหายน้อยเยี่ยนมีเรื่องใด ติดต่อพวกเราได้เต็มที่”
“นี่ย่อมแน่นอน” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ไม่ทราบพวกท่านศิษย์อาจารย์ต่อจากนี้มีแผนการอย่างไร?”
“ข้าเตรียมจะไปแดนสุขาวดีตะวันตกสักเที่ยว” นาจายามนี้เอ่ยขึ้น “ถึงข้าจะตัดบุญคุณความแค้นกับหลี่จิ้งแล้ว แต่เรื่องนี้สืบสาวถึงต้นตอ เป็นเพราะโจรหัวล้านเฒ่าอย่างทีปังกร”
ในวาจาสองสามประโยคนี้ นาจายังแสดงให้เห็นถึงด้านทระนงในอดีตออกมา
“หลี่จิ้งทำอะไร มีความเกี่ยวข้องกับทีปังกรพุทธะ ตอนข้าสู้กับหลี่จิ้งใหม่ๆ ไอ้โจรหัวล้านเฒ่านั่นมันข่มเหงข้าเกินไป ใช้เจดีย์สะกดและหลอมข้า ตอนเกิดมหาภัยพิบัติมันก็ยังไม่หลุดจากความเกี่ยวข้อง แค้นนี้ไม่ชำระ จะเลิกราได้อย่างไร?” ในดวงตาของนาจามีความแค้นและความโกรธไหลออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง กลับไม่คิดว่านาจามุทะลุ “มหาเทพสมุทรตรีภพ หรือท่านคิดจะไปท้าสู้กับทีปังกรพุทธะโดยตรง?”
นาจาพยักหน้า “เป็นเช่นนี้”
การมีอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เปลี่ยนสภาพการดำรงอยู่ของผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักไปโดยสิ้นเชิง
ถ้าหากไม่มีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน นาจากล้าไปหาถึงที่เช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือซึ่งเป็นรองเพียงหยางเจี่ยนในศิษย์รุ่นที่สามของผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ ก็ไม่มีทางเกิดผลลัพธ์ที่ดี
แต่ว่าถ้าเป็นตอนนี้ เขาไปท้าสู้ทีปังกรพุทธะที่แดนสุขาวดีตะวันตก ผลลัพธ์แย่ที่สุด คือเขาสู้ไม่ได้ พ่ายแพ้ให้แก่ทีปังกรพุทธะ
เป็นตายร้ายดีขึ้นอยู่กับความสามารถเจ้าตัว แต่ว่าอย่างไรความขัดแย้งเป็นการตัดสินระหว่างเขากับทีปังกรพุทธะ
ไม่เหมือนกับพวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ จักรพรรดิโกวเฉิน และเจ้าแม่อู๋ตังในอดีต ที่เพียงเผยโฉมก็ต้องรับความเสี่ยง อาจจะเผชิญกับการลงมือของเจ้ามรรคาคนอื่นๆ อย่างเทวกษัตริย์ไร้ประมาณหรือรพระศรีอาริย์ได้ทุกเวลา
แน่นอนว่านี่มิได้หมายความว่า อัจฉริยบุคคลของสำนักเต๋าอย่างพวกหยางเจี่ยน สั่วหมิงจาง เฟิงอวิ๋นเซิง หรือนาจา จะไปท้าสู้กับเซียสวรรค์ชั้นมหาชาลในขุมกำลังอื่นๆ ที่พลังฝึกปรือสู้พวกเขาไม่ได้อย่างผ่าเผย และสังหารอีกฝ่ายอย่างเหิมเกรมได้
เหล่าเจ้ามรรคาย่อมไม่ยอมอดทน
เหมือนกับพวกมหาวิทยราชมยุรี ทีปังกรพุทธะ และลู่ยาเต้าจวินที่ไม่ยอมกระทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด
หากกระทำจริงๆ ความจริงไม่แตกต่างกับเปิดศึกทุกด้าน ปลาตายแหขาด
สืบสาวถึงที่สุด สิ่งที่เรียกว่าการส่งสาส์นรบ กับการไปท้ารบอย่างตรงไปตรงมา อย่างน้อยก็เป็นระหว่างคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันสองคนจึงจะทำสำเร็จ หรือเป็นผู้อ่อนแอท้ารบผู้เข้มแข็งในการรับรู้ของทุกคน
ระหว่างนาจากับทีปังกรพุทธะ ไม่มีปัญหาด้านนี้
อันดับแรก พวกเขาเกาะเกี่ยวความแค้นล้ำลึกเกินไปไม่ธรรมดา ในเวลาอันแสนยาวนานก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเหตุผลหลากหลาย จึงสั่งสมมาโดยตลอดมิอาจตัดขาดอย่างแท้จริง ถึงขั้นกลับยิ่งสะสมยิ่งมาก
รองลงไป พูดถึงวัยวุฒิและอายุ นาจาด้อยกว่าทีปังกรพุทธะมาก ผู้เยาว์ท้ารบผู้อาวุโส มิใช่ใช้ใหญ่ข่มเหงเล็ก แต่ทุกคนแตกแยกแล้ว มิใช่คนเส้นทางเดียวกัน ทั้งไม่เสียมารยาทและเสียคารวะ
สุดท้าย และเป็นข้อที่สำคัญที่สุด ตามภาพประทับใจต่อการลงมือแสดงออกในอดีต ความแตกต่างของสองฝ่ายมิได้เหลื่อมล้ำเกินไป แพ้ชนะต้องสู้ก่อนค่อยรู้ คนส่วนหนึ่งอาจเล็งผลเลิศทางทีปังกรพุทธะ นาจาท้ารบท่านด้วยตัวเอง มิใช่จงใจบี้ลูกพลับอ่อน แต่อาจเตะใส่แผ่นเหล็ก
ไม่อาจปฏิเสธว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่แดนสุขาวดีตะวันตกจะฉวยโอกาสกลุ้มรุมสังหารนาจา ทว่าสำนักเต๋าสายหลักในปัจจุบันก็มิใช่ไม่มีทุนสำหรับป้องกันและแก้แค้น
“แต่ข้าคิดว่า ทีปังกรพุทธะอาจไม่รับสาส์นรบของท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอมองนาจาพลางกล่าว
………………..