ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1697 นาจาสู้ทีปังกร!
ทีปังกรพุทธะชี้นิ้ว มีเจดีย์ที่ที่สาดแสงเจิดจ้ามากกว่าเจดีย์ทองเหลืองหรูอี้ซึ่งหลี่จิ้งราชาเจดีย์สวรรค์เคยควบคุมองค์หนึ่ง
บนเจดีย์ฝังสารีริกธาตุไว้หลายชิ้น เปล่งแสงสว่างไสว กดทับบนศีรษะนาจา
บนศีรษะนาจาปรากฏสามบุปผาบนกระหม่อม คนร่างกายเริ่มขยายอย่างคลุ้มคลั่ง รูปลักษณ์ภายนอกแม้ยังเป็นเด็กหนุ่ม แต่กลายเป็นสภาพค้ำฟ้ายันดิน เพียงวินาทีนี้ เหมือนกับดันโลกดึกดำบรรพ์ที่อยู่ตรงหน้าทุกคนออกไป
ในอดีตเขาเคยถูกทีปังกรพุทธะใช้เจดีย์สะกด แต่ว่าเขาในตอนนั้นเป็นแค่ระดับสุญญตา
ตอนนี้เขาขึ้นมหาชาลมาหลายปีแล้ว ขีดความสามารถพุ่งทะยาน แม้ทีปังกรพุทธะจะใช้เจดีย์สะกดเขาอีกครั้ง ประสิทธิผลก็ลดลงมาก
เทียกบกับตอนที่โหดเหี้ยมอำมหิต เต็มไปด้วยสำนึกฆ่าฟันก่อนหน้า วินาทีนี้นาจามิได้บ้าคลั่งดื้อดึงแบบนั้นอีก แต่ว่ารับมือด้วยความคล่องแคล่วกว่าเดิม
คมหอกที่เหมือนเปลวไฟในมือเขาเขี่ยขึ้น ต้านเจดีย์ทองเหลือง ไม่ให้เจดีย์หล่นลง
ทว่าในตอนนี้เอง ขอบเขตของโลกที่เกิดจากวัดใบนี้เปลี่ยนเป็นโปร่งแสงและพร่ามัว เห็นบัวเขียวหลายดอกและแสงพุทธหลายสายในแดนสุขาวดีตะวันตกที่กว้างใหญ่ไพศาลด้านนอกได้
แสงพุทธหลายสายไหลเวียนภายใต้การชักนำจากสาริกธาตุที่ฝังบนเจดีย์ เสริมพลังให้แก่เจดีย์ทองเหลือง
สถานที่นัดสู้กำหนดไว้บนแดนสุขาวดีตะวันตก ความสามารถแต่ละอย่างของทีปังกรพุทธะย่อมยึดครองความได้เปรียบอย่างใหญ่หลวง
นาจาพลันรู้สึกว่าเจดีย์ทองเหลืองหนักอึ้งกว่าเดิม
ถึงแม้ว่าเจดีย์นี้ยังคงถูกเขาต้านไว้มิอาจตกลงมา แต่ว่าแสงเพลิงละลานตาสีทองหลายสายก็ไหลเวียนตามคมหอก โจมตีใส่ตัวเขาเอง
แสงเพลิงนั้นไม่มีอุณหภูมิ ทำให้คนไม่รู้สึกถึงความร้อน สะอาดสะอ้านโปร่งแสง บริสุทธิ์ถึงขีดสุดราวกับม่านรัศมี
แม้ว่านาจาจะครอบครองผ้าต่วนป่วนฟ้าของวิเศษด้านการป้องกัน แต่ว่าแสงเพลิงสีทองนั้นกลับเหมือนลวงเหมือนมายา ข้ามการขัดขวางของผ้าต่วนป่วนฟ้า
ชั่วพริบตานั้น ร่างของนาจาเกิดความรู้สึกอ่อนแอ สามบุปผาบนศีรษะคล้ายมืดสลัวลงเล็กน้อย
ขณะเดียวกัน ทีปังกรพุทธะชี้นิ้วอีกรอบ พลันมีเส้นแสงห้าสี เจิดจ้าพร่างพราว สะกดจิตใจ
มุกค้ำทะเล!
นาจามีกายเซียนบัววิเศษ หลุดพ้นจากวิชานอกรีตและวิชาแปลกประหลาดส่วนใหญ่ในโลก วิชาเส้นแสงห้าสีสะกดจิตใจคนของมุกค้ำทะเลก็ยากจะสำแดงผลเช่นกัน
ดังนั้นทีปังกรพุทธะจึงใช้เจดีย์ทองเหลืองทำลายกายเซียนบัววิเศษของเขาก่อน พร้อมกันนั้นก็เซ่นมุกค้ำทะเลให้ร่วงหล่นลง
ขอแค่นาจาถูกมุกค้ำทะเลสะกดจิตใจไว้ ต่อจากนี้มุกค้ำทะเลสิบแปดชิ้นหล่นลงพร้อมกัน ต่อให้นาจามีพลังน่าทึ่ง ก็ลำบากเช่นกัน
ต่อจากนี้แม้นาจาฝืนต้านการโจมตีจากมุกค้ำทะเลได้ ก็กลายเป็นกันทางซ้ายโหว่วทางขวา
ถึงเวลานั้นทีปังกรพุทธะลงมือด้วยตัวเองอีกรอบ เก็บกวาดเป็นครั้งสุดท้าย เก้าในสิบส่วนอาจจะสำเร็จในการศึกครั้งเดียว
ยอดฝีมือสู้กัน หลายครั้งแพ้ชนะห่างกันเพียงเส้นบางๆ
คว้าโอกาส ส่งพลังในคราวเดียว เป็นไปได้ถึงขีดสุดว่าจะเหมือนกับหิมะถล่ม ลูกหิมะยิ่งกลิ้งยิ่งใหญ่ สุดท้ายสภาวะไม่อาจต้านทาน
ถึงทีปังกรพุทธะจะไม่คิดต่อสู้กับนาจา มีความคิดว่าไม่สู้ได้ก็พยายามไม่สู้
ทว่าในเมื่อตอนนี้ไม่อาจไม่สู้จริงๆ เช่นนั้นท่านก็ไม่มีความคิดปรานีแม้แต่น้อย ถือโอกาสใช้พลังทั้งหมด เพื่อเอาชนะนาจาอย่างรวดเร็วที่สุด เรียบร้อยที่สุด ไม่มอบโอกาสให้เกิดการบาดเจ็บสองฝ่ายหรือการพัวพันถึงตาย ทำให้ความเสี่ยงกับความเสียหายที่สงครามนี้อาจนำมา ลดลงจนต่ำสุด
ดังนั้นในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ภาพเป็นเหมือนทีปังกรพุทธะที่เหมือนโดนกดดันให้รับการต่อสู้พลันปะทุขึ้น ใช้กระบวนท่าใหญ่ในทันที นอกจากนี้ยังมาไม่หยุด ระเบิดพลังทั้งหมดในพริบตาเดียว สภาวะต้องการให้นาจาโดนท่าใหญ่จนถึงตาย
ทว่านาจาก็เตรียมตัวไว้แต่แรก
เจดีย์กดทับศีรษะ แสงเพลิงสีทองพันรอบร่าง ตั้งใจทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงด้านในอีกครั้ง จิตใจของนาจาก็มีความมั่นใจโดยสมบูรณ์แล้ว
ไม่มอบโอกาสให้อีกฝ่ายสะกดและลดพลังกายเซียนบัววิเศษของตน นาจาเพียงโต้กลับในพริบตา
ผ้าต่วนป่วนฟ้าบนร่างเขาสั่นไหววูบหนึ่ง กลยเป็นแสงสีแดงสายหนึ่ง
จากนั้นนาจาก็เงยหน้ากลืนแสงสีแดง โคจรวิชาที่ตนศึกษาในที่ลับ ผิวนอกร่างกายพลันมีหมอกแดงหลายสายลอยขึ้น กันแสงเพลิงสีทองหลายสายนั้นไว้ด้านนอก
ไม่เพียงเท่านี้ หมอกแสงยังลามตามคมหอกของหอกไฟไปด้านบน จนถึงปลายหอก กลับกระจายใส่เจดีย์วิเศษ
เส้นแสงห้าสีครอบคลุมร่าง ตอนแรกตรงหน้านาจาพร่ามัว ความคิดจิตใจกำลังหยุดนิ่ง
มุกค้ำทะเลหลายชิ้นยามนี้ตกมาหานาจาแล้ว
มุกค้ำทะเลชิ้นหนึ่ง เหมือนสวรรค์ชั้นหนึ่ง หรือจักรวาลแห่งหนึ่ง
ตอนนี้ตกลงมาจากฟากฟ้า พลังยิ่งใหญ่และหนักอึ้งสุดขีด มุกค้ำทะเลมากมายตกลงมา ยิ่งเหมือนวันสุดท้ายของโลก
ยังดีที่ตอนนี้นาจาแก้ไขการสะกดของเจดีย์ทองเหลืองต่อตัวเองได้แล้ว กายเซียนบัววิเศษมีความมหัศจรรย์ไร้สิ้นสุด จิตใจไม่ถูกเส้นแสงห้าสีจากมุกค้ำทะเลรบกวนอีกต่อไป
ขณะที่สภาพยิ่งใหญ่ถั่งโถม ความเร็วการหมุนของกอล้ออัคคีใต้เท้าเขาสูงถึงขีดสุด ช่วยให้เขาหลบพ้นการจู่โจมติดต่อกันของมุกค้ำทะเลชิ้นแล้วชิ้นเล่า
ผ่านความคับขันแรกสุดมาได้ หลังจากตั้งหลักแล้ว นาจาก็เริ่มไม่หลบอีก หอกไฟในมือบ้างตั้งขวาง บ้างกวาดเอียง ปะทะกับมุกค้ำทะเลที่น่ากลัวเหล่านั้นซึ่งหน้า
“ดูเหมือนไม่อาจปราบโยมได้เหมือนครั้งก่อน”
ในตอนนี้เอง ทีปังกรพุทธะถอนใจ ถึงกับปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ นาจา
ฝ่ามือพุทธที่ตัวอักขระ 卍 หมุนวนอยู่กลางฝ่ามือ เหมือนช้าเหมือนเร็ว ทำให้เวลาและมิติพร่ามัว กระแทกใส่นาจา
นาจาแค่นเสียงเหอะ ไร้ความเกรงกลัว ไหล่ถึงกับเพิ่มศีรษะข้างหนึ่ง และแขนสองข้าง แสดงร่างสองเศียรสี่กร
หอกไฟในมือเขาก็เปลี่ยนจากหนึ่งเล่มเป็นสองเล่ม ทางหนึ่งรับมือการจู่โจมของมุกค้ำทะเล ทางหนึ่งเขี่ยหัวหอกขึ้น แทงใส่อักขระ 卍 กลางฝ่ามือของพุทธะองค์นั้นอย่างตรงไปตรงมา!
ทีปังกรพุทธะสำนึกตัวดี ความจริงไหนเลยยอมสู้ระยะประชิดกับนาจา?
ฝ่ามือพุทธข้างนั้นถูกหอกไฟแทงใส่ พลันแหลกสลายเป้นเปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่ง
ถึงขั้นแม้แต่ร่างของทีปังกร ก็เกิดจากการแปลงมายาของเปลวเพลิงเช่นกัน ยามนี้ระเบิดขึ้น เปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงสุดลูกหูลูกตา
คลื่นเพลิงกลืนคาย เผาไหม้ฟ้าดิน กระจายไปทั่ววัดในชั่วพริบตา
ทุกสิ่งทุกอย่างคล้ายกับต้องถูกแสงเพลิงสีทองเผาไหม้ กลายเป็นเชื้อเพลิง
แม้แต่หอกไฟในมือ และกงล้ออัคคีใต้เท้าของนาจา ก็เหมือนกับถูกมันกลืนหาย
ด้านนอกทะเลเพลิง ทีปังกรพุทธะตัวจริงมองดูนาจา
ในแสงพุทธกลมสมบูรณ์หลังศีรษะของพุทธะเก่าแก่ผู้นี้ ตอนนี้ไฟตะเกียงหนึ่งม่วง หนึ่งทอง หนึ่งเทาสามหย่อมกะพริบพร้อมกัน
ของวิเศษและความสามารถที่มีชื่อที่สุดของทีปังกรพุทธะ ก็คือมุกค้ำทะเลที่ได้มาจากมือจ้าวกงหมิงผู้ยิ่งใหญ่เหนือพิสุทธิ์
เป็นเหตุให้คนส่วนหนึ่งรู้สึกว่า เมื่อไม่มีมุกค้ำทะเลในมือ ทีปังกรพุทธะก็ไม่มีคุณค่าให้พูดถึง
วาจานี้ไม่ไร้เหตุผล ซึ่งความจริง มุกค้ำทะเลเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพและแข็งแกร่งที่สุดของทีปังกรพุทธะอย่างแท้จริง
กระนั้นแม้ไม่มีมุกค้ำทะเล พลังของทีปังกรพุทธะก็เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนของศาสนาพุทธอยู่ดี!
ตอนนี้ท่านใช้พลังทั้งหมด แสงตะเกียงสีทองส่องระยิบระยับ ทะเลเพลิงน่ากลัวทำลายฟ้าดิน ต่อให้เป็นจักรวาลแท้จริงแห่งหนึ่งอยู่ตรงหน้าพลังงานเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับแผ่นกระดาษ
ทว่าในเพลิงยิ่งใหญ่ พลันมีประกายแสงจุดหนึ่งสาดขึ้น
แสงสีแดงจุดนี้ เจาะทะลวงทะเลเพลิงอย่างหักโหม ทำให้ในแสงทองทั่วฟ้าปรากฏรูโหว่วรูหนึ่ง
………………..